ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยภาพรวมเศรษฐกิจภาคเหนือช่วงไตรมาสแรก 2554 ระบุมีการขยายตัวแต่เป็นไปในอัตราที่ชะลอตัวลง พบทั้งภาคการเกษตรและท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ต้องจับตาดูอัตราเงินเฟ้อ ขณะที่แนวโน้มช่วงไตรมาส 2 ยังเชื่อว่าน่าขยายตัวต่อไปอีก ชี้จัดการเลือกตั้งส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจและจะดียิ่งขึ้นหากผ่านพ้นไปด้วยดี
นายสาทร โตโพธิ์ไทย ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคเหนือ เปิดเผยภาพรวมภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือในช่วงไตรมาสแรกปี 2554 ว่า เศรษฐกิจภาคเหนือในช่วงไตรมาสแรกของปี 2554 โดยรวมแล้วมีการขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง รายได้เกษตรกรยังคงขยายตัวดีทั้งในแง่ของผลผลิตและราคา ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากช่วงปลายปีก่อน อย่างไรก็ตาม การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงตามการหดตัวลงของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ส่วนการใช้จ่ายลงทุนภาคเอกชนขยายตัวดีจากภาคการก่อสร้าง ในขณะที่การอุปโภคบริโภคขยายตัวเพียงเล็กน้อยจากการระมัดระวังการใช้จ่ายของผู้บริโภคเนื่องจากราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ในส่วนของเงินฝากและเงินให้สินเชื่อขยายตัวดี รวมทั้งการว่างงานลดลงมาก ทั้งนี้แนวโน้มของเศรษฐกิจภาคเหนือในไตรมาสที่ 2 นั้น คาดว่าน่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1 แม้ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มสูงขึ้นและราคาสินค้าปรับตัวขึ้น แต่ไม่ทั้งหมด
สำหรับมาตรการตรึงราคาและแนวโน้มเงินเฟ้อนั้น นายสาทร กล่าวว่า แม้อัตราเงินเฟ้อในระยะสั้นจะลดลงบ้างเนื่องจากการขยายเวลาการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2554 อย่างไรก็ตามถือว่าความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อจะมากขึ้นในระยะต่อไปหลังจากการตรึงราคาน้ำมันดีเซลสิ้นสุดลง โดยเฉพาะหากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ แม้ราคาน้ำมันไม่เร่งขึ้นเงินเฟ้อก็จะปรับตัวสูงขึ้นทันทีอยู่แล้วเมื่อราคาลอยตัว และในกรณีที่ราคาน้ำมันเร่งขึ้นก็มีโอกาสที่เงินเฟ้อจะทรงตัวอยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่องมากขึ้น ดังนั้นแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกหลังการตรึงราคาน้ำมันดีเซลสิ้นสุดลง จึงเป็นประเด็นที่จะต้องมีการเฝ้าติดตามต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร
ขณะเดียวกันผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคเหนือ กล่าวถึงการจัดการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นว่า เบื้องต้นคาดว่าในช่วงที่มีการจัดการเลือกตั้งน่าจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวที่ดี เพราะเป็นช่วงที่มีการใช้จ่ายต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผลดีต่อการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ และหากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปด้วยดีโดยที่ไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆ ส่งผลกระทบ ก็จะยิ่งเป็นผลดีทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปด้วยดียิ่งขึ้นด้วย
ด้านนายประสพสุข พ่วงสาคร ผู้อำนวยการ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนของภาคเหนือว่า จากข้อมูลที่มีการสำรวจล่าสุดพบว่าหนี้ครัวเรือนของภาคเหนืออยู่ที่ 119,000 บาท/ครัวเรือน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากในอดีตประมาณ 4.1% อย่างไรก็ตามถือว่ายังอยู่ในระดับที่ไม่น่าเป็นห่วงมากนักเพราะรายได้ต่อครัวเรือนเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ประมาณ 8%
