ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เลือกตั้ง 54 ผ่านพ้นไปแล้ว ทิ้งไว้หลายๆเรื่องที่ต้องน่าติดตาม โดยเฉพาะเรื่องที่ “พรรคเพื่อไทย” พยายามจับผิดคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งล่วงหน้า จนถึงการเลือกตั้งเมื่อ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา
“พรรคเพื่อไทย” เปิดประเด็นด้วยการยื่นฟ้องต่อ “ศาลปกครองสูงสุด” ขอให้ศาลกำหนดมาตรการหรือหาวิธีการคุ้มครองชั่วคราว ให้มีคำสั่งห้ามมิให้กกต. นำระเบียบของกกต. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 ข้อ 147 (7) มาใช้กับบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ เพื่อให้มีการทำเครื่องหมายลงคะแนนให้กับพรรคการเมืองใน “ช่องโลโก้”
ย้ำว่า “โดยไม่ถือว่าเป็นบัตรเสีย”
เริ่มต้นเมื่อ “ตัวผัว” อย่าง “นพ.เหวง โตจิราการ” ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลำดับ 19 ก็ออกมาอ้างว่า “ได้ทดลองให้ประชาชนที่ จ.สุรินทร์ กาเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เบอร์ 1 จำนวน 1,000 ใบ ปรากฏว่าประชาชนกาผิด 700 ใบ เนื่องจากสัญลักษณ์ของพรรคมีขนาดเล็กเกินไป ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด”
ต่อมาก็ยังเป็น“พรรคเพื่อไทย”พรรคเดียว ที่เปลี่ยนยุทธศาสตร์ ให้ “ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออันดับ 1 ลงทุนสวมวิญญาณครูบ้านนอก กาบัตรเลือกตั้งขนาดยักษ์ สอน “ฐานเสียง” กาบัตรลงคะแนน ทั้ง 2 แบบ ทั้งในภาคเหนือและภาคอีสาน ระหว่างทัวร์หาเสียงช่วยผู้สมัคร ชูเรื่อง “กาไม่ผิด เพื่อไม่ให้เป็นบัตรเสีย” สอดแทรกกับประกาศนโยบายทั่วไป
แม้สัปดาห์ที่ผ่านมา “ศาลปกครองสูงสุด” โดย “สุเมธ รอยกุลเจริญ” ตุลาการเจ้าของสำนวน จะออกมาแถลงยืนยันว่า คดีหมายเลขดำที่ ฟ.33/2554 “ศาลมีคำสั่งไม่รับคำขอคุ้มครองชั่วคราว” ที่นายวัฒนา เตียงกูล หรือ นายวีรภัทร ศรีไชยา ผู้รับมอบอำนาจจากพรรคเพื่อไทย ยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ สำนักงาน กกต. เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ต่อศาลปกครองสูงสุด เรื่องเป็นเจ้าพนักงานกระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ส.ส.ตามระเบียบที่ออกโดยมิชอบ และพิมพ์บัตรตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยทำเครื่องหมายพรรคเพื่อไทย ที่มีขนาดเล็ก แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น จึงเป็นการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ขอให้ศาลไต่สวนเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวด้วย โดยให้ห้าม กกต. และ สำนักงาน กกต. นำระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ.2554 ข้อ 147 (7) มาใช้กับบัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 3 ก.ค.นี้ โดยไม่ให้ถือว่า บัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อที่มีการทำเครื่องหมายลงคะแนนเลือกตั้งให้กับพรรคการเมืองในช่องเครื่องหมายพรรคการเมืองเพียงช่องเดียวเป็นบัตรเสีย แต่ให้นำไปนับคะแนนเลือกตั้งได้
โดยศาลได้ไต่สวน “นายวัฒนา” ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ฟ้องแล้วข้อเท็จจริงว่า กรณีดังกล่าวเป็นกรณีฉุกเฉินเนื่องจากจะมีการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 มิ.ย.54 และจะมีเลือกตั้งจริงในวันที่ 3 ก.ค. ผู้ฟ้องจึงไม่มีหนทางอื่นใดที่จะแก้ไขผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นจึงขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ขณะที่ศาลไต่สวนนายสโรชรัตน์ คีรีรัตน์ ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ถูกฟ้องว่า บัตรเลือกตั้ง ส.ส.รายชื่อ เป็นส่วนหนึ่งตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยเลือกตั้ง ส.ส.ฯ ข้อ 107 ซึ่งบัตรจะเป็นสีเขียว รายชื่อทุกพรรคเป็นสีดำ ช่องแต่ละช่องจัดตามความเหมาะสมตามจำนวนพรรค แต่ละช่องเท่ากันหมด ส่วนที่ไม่ประสงค์ลงคะแนนจะเอาไว้ล่างสุด และบัตรเลือกตั้งจะเสียหรือไม่จะรู้ภายหลังปิดหีบเลือกตั้งเวลา 15.00 น. ขณะที่ระเบียบ ฯ ข้อ 147 จะกำหนดลักษณะบัตรเลือก ซึ่งผู้ถูกฟ้องทั้งสองประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเกี่ยวกับการลงคะแนนอย่างชัดเจน
ศาลปกครองสูงสุด พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องระบุว่า ระเบียบ กกต. ฯ ข้อ 107 และตัวอย่างบัตรเลือกตั้งท้ายระเบียบ เป็นระเบียบและตัวอย่างที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้ กกต. ผู้ถูกฟ้องที่ 1 แก้ไขระเบียบและตัวอย่างบัตรให้ถูกต้อง แต่ผู้ฟ้องไม่ได้ฟ้องว่า ข้อ 147 (7) ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อขอให้เพิกถอนระเบียบนั้น แต่ผู้ฟ้องกลับมีคำขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวสั่งทุเลาการบังคับที่จะใช้ระเบียบ ฯ ข้อ 147 (7) กับกรณีบัตรเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ดังนั้นจึงชัดแจ้งว่าศาลไม่สมควรมีคำสั่งทุเลาบังคับการใช้ระเบียบ กกต. ฯ ข้อ 147 (7)
แม้ศาลปกครองสูงสุด จะออกคำสั่งชัดเจนแล้ว แต่อีกด้าน “พรรคเพื่อไทย” ก็ยังเดินเกมเพิ่มเติมอีก โดยให้ “ตัวเมีย” “ธิดา ถาวรเศรษฐ์” รักษาการประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง นำคณะไปยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้กกต.กำหนดมาตรการป้องกันบัตรเสีย และเสนอแนวทางการป้องกันการทุจริตการเลือกตั้งแทน หลังจากที่แพ้คดี “กาโลโก้พรรคก็ไม่ผิด” ไปแล้ว
“เสื้อแดง” ต้องการให้กกต.ปรับแก้กฎว่าไม่ว่าจะทำเครื่องหมายใดลงในช่องด้านขวาของหมายเลขที่เป็นช่องสัญลักษณ์ของพรรคก็ไม่ให้ถือเป็นบัตรเสีย ให้กตต.ปิดใบนับคะแนน (สส.32) ที่เขตเลือกตั้งเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ
แกนนำเสื้อแดง อ้างว่า มีประชาชนจำนวนมากสับสนเรื่องการทำเครื่องหมายในบัตรเลือกตั้ง เพราะกกต.ระบุว่าให้ทำเครื่องหมายขวามือของหมายเลขพรรคการเมืองเพียงหมายเลขเดียวเท่านั้น ซึ่งหากดูบัตรลงคะแนนแล้วจะพบว่ามีที่ให้ลงถึง 2 แห่ง ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นบัตรเสีย เธออ้างว่า “เป็นกระบวนการวางยาหรือไม่”
“ธิดาแดง” ยังพยายามที่จะปลุกระดม กลุ่มคนเสื้อแดงทั่วประเทศ สมัครเข้าเป็นอาสาสมัครตรวจสอบการเลือกตั้ง ในวันที่ 3 ก.ค. ถึงขั้นกินนอนประจำอยู่ตามหน่วยเลือกตั้งเพื่อสังเกตการณ์ และรายงานข้อมูลคะแนนเสียงเข้ามายังเสื้อแดงส่วนกลาง “อิมพีเรียลเวิลด์” เพื่อรวบรวมตัวเลข
แกนนำนปช.คนนี้ อ้างถึงขั้นว่า จะต้องประกาศก่อนจะถูกกระบวนการเปลี่ยนแปลงตัวเลขทำลายความจริง
เธอบอกว่า การเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบความผิดปกติหลายจุด อาทิ เขตราชบูรณะซึ่งมีผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งเพียง 119 คน แต่กลับมีการนับคะแนนถึง 420 คน หรือการส่งคนในเครื่องแบบจำนวนมากไปใช้สิทธิและกกต.ก็ยอมให้กระทำเช่นนั้น แถมยังอ้างว่า ที่จ.ลพบุรี มีการปลุกระดมให้เกลียดชังคนเสื้อแดงในค่ายทหาร มีการนำบัตรทหารเกณฑ์มาวนใช้สิทธิ มีกระบวนการเปลี่ยนหีบบัตร กกต.ทำรายชื่อประชาชนหาย ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถลงคะแนนได้
เธอเชื่อว่า “มีผู้เสียสิทธิร่วม 5 แสนคน”
ประกอบกับ กระแสที่คนเสื้อแดงพยายามที่จะมานอนเฝ้าหีบบัตรเอืกตั้งล่วงหน้า ตลอด 24ชั่วโมง เพื่อป้องกันการถูกโกงหรือถูกสับเปลี่ยนหีบบัตรเลือกตั้ง ในหลาย ๆจังหวัดด้วย ซึ่งกกต.กลางก็อนุญาต
ปรากฎการณ์ข้างต้น หากเป็นคนเสื้อแดง หรือคนพรรคเพื่อไทย ก็ต้องร้องว่ากำลังจะถูกโกง จะต้องออกมาร่วมกันตรวจสอบจับผิด แต่ถ้าเป็นฝ่ายตรงข้ามก็ต้องจับผิดว่า “คุณกำลังทำอะไร เพราะกติกาเดียวกันทำไมไม่ไว้ใจ พรรคอื่น ๆเขาก็ไม่ได้อกมา “ร้องแร่แห่กระเชิง” เช่นนี้
แต่หากเป็นเราๆท่าน ๆ ก็อยากจะถามว่า “คุณเคยทำมาก่อนหรือเปล่า”ถึงต้องกลัว!!