เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (28 มิ.ย)ที่สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวภายหลังการประชุมกกต. ว่า ที่ประชุมยังไม่ได้มีการพิจารณาการให้ใบเหลือง ใบแดงแก่ผู้สมัครส.ส.ของจังหวัดศรีสะเกษ และจ.บุรีรัมย์ เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวนข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถนำเรื่องการพิจารณาใบแดงของจ.ศรีสะเกษเข้าพิจารณาในที่ประชุมได้ในวันที่29 มิ.ย.นี้ ส่วนกรณีที่เหลือระยะเวลาเพียง 5 วันก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นั้น กกต.จำเป็นต้องพิจารณาไปตามหลักฐาน ถ้าข้อมูลยังไม่ชัดเจนก็ต้องดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งหากระยะเวลาจากนี้จนถึงวันเลือกตั้ง กกต.ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จก็ยังมีเวลาอีก 30 วัน ที่จะสามารถพิจารณาได้ภายหลังวันเลือกตั้ง หากพ้นระยะเวลา 30 วันไปแล้วก็จะเป็นหน้าที่ที่ศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้งจะเป็นผู้พิจารณา
“การให้ใบเหลือง ใบแดงใครนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการตัดสิทธิเขา ถ้าพิจารณาโดยผิวเผินก็คงทำไม่ได้ การให้ใบเหลืองใบแดงจะต้องรอบคอบอย่างยิ่ง เพราะกกต.เองก็มีเวลาน้อยมากในการพิจารณา ดูจากสำนวนการสอบสวนแล้วบางสำนวนก็ไม่ได้ผ่านมาจากจังหวัด ซึ่งทางจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบสวนเอาเอง เรื่องนี้ต้องระมัดระวังในเรื่องของพยานหลักฐานด้วย หากให้แบบส่งเดชไปแล้วนั้น ผู้ที่ถูกตัดสิทธิก็คงมาดำเนินการกับกกต. คือจะไปทำตามกระแสไม่ได้ จะทำอะไรต้องรอบคอบ” นางสดศรี กล่าวและว่า ในส่วนของการพิจารณาให้ใบแดงของจ.บุรีรัมย์ ทางกกต.ได้ส่งเรื่องให้จังหวัดนำกลับไปสืบสวนภายใน 1 สัปดาห์ให้แล้วเสร็จ เพราะหลักฐานที่ส่งมามีเพียงภาพถ่ายที่กล่าวอ้างว่ามีการซื้อสิทธิขายเสียงกัน กกต.ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่กกต.จังหวัดนำไปสืบสวนเพิ่มเติมด้วย ส่วนของจังหวัดศรีสะเกษนั้น กกต.อยากจะขอดูความชัดเจนของภาพที่ได้ส่งมาให้ชัดเจนกว่านี้ รวมถึงการสอบพยานที่ได้สอบมาแล้วนั้นได้มีการกลับคำให้การ จึงจำเป็นต้องไปสอบพยานปากอื่นเพิ่มเติม ดังนั้นกกต. ขอให้ผู้ที่เข้าให้การควรให้การตามข้อเท็จจริง
ส่วนการตัดสิทธิผู้สมัครก่อนวันเลือกตั้งจะเป็นการกดดันพรรคการเมืองหรือส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคการเมืองหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า การพิจารณาต้องดำเนินไปตามข้อเท็จจริง กกต. ไม่ต้องการให้พรรคการเมือง หรือผู้สมัครคนใดเกิดความเสียหาย ดังนั้น ในช่วงของการเลือกตั้งนี้ ขอให้พรรคการเมืองดูแลผู้สมัครในสังกัดพรรคของตน ไม่ให้กระทำสิ่งที่ผิดกฎหมายการเลือกตั้ง เพราเมื่อทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง กกต. ต้องพิจารณาไปตามหลักฐานที่ปรากฏ
ทั้งนี้ความนิยมของตัวผู้สมัครขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะตัดสินใจอย่างไร นอกจากนี้ในส่วนกรณีคลิปวิดีโอในเขตพญาไทที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งบัตรเลือกตั้งออกมาลงคะแนนนอกคูหาเลือกตั้งนั้นก็จะเข้าที่ประชุมกกต.ในวันที่ 29 มิ.ยด้วย เช่นเดียวกับกรณีหีบบัตรเลือกตั้งในจังหวัดลพบุรีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม และได้สั่งอายัดหีบบัตรเลือกตั้งดังกล่าวไว้ที่กกต.จว.ลพบุรีแล้ว
**เสื้อแดงลำปางนอนเฝ้าหีบ24ชม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการเลือกตั้งล่วงหน้า และมีการนำหีบบัตรเลือกตั้งมาเก็บไว้ ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองลำปาง ขณะนี้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นปช.ลำปาง ได้ส่งตัวแทนเข้าไปนอนเฝ้าหีบบัตรเลือกตั้ง ที่บริเวณหน้าสถานที่คุมขัง ผู้ต้องกักขังภายใน สภ.เมืองลำปาง และกลุ่มนปช.ลำปาง จะนอนเฝ้าหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า และจะทำการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเฝ้าตลอด 24ชั่วโมง เพื่อป้องกันการถูกโกงหรือถูกสับเปลี่ยนหีบบัตรเลือกตั้ง โดยไม่มั่นใจถึงแม้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าและเปลี่ยนเวรเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง และ หน้าห้องขังจะมีกล้องวงจรปิดอยู่ด้วยก็ตาม ซึ่งจะนอนเฝ้าหีบบัตรเลือกตั้งไปถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554
**โคราชรับแจ้ง.แจกเงินให้ไปฟังปราศรัย
พ.อ.สันธิรัตน์ มหันธนชาติ ผอ.กกต.จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยสถานการณ์การหาเสียง ส.ส.ในช่วงโค้งสุดท้าย ว่า ได้รับแจ้งว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นพฤติการณ์ แจกเงินให้ชาวบ้านที่ไปฟังการปราศรัย การเตรียมซื้อเสียง โดยจดรายชื่อผู้มีสิทธิตามบ้านพัก และ จนท.รัฐ วางตัวไม่เป็นกลาง
ที่ผ่านมา ตนได้รับรายงาน ซึ่งเป็นบันทึกการจับกุม ว่า ได้รับแจ้งเบาะแส จากพลเมืองดีว่า บ้านเลขที่ 46 บ้านนาตะคุ หมู่ 6 ต.งิ้ว อ.ห้วยแถลง นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 9 มีสิ่งบอกเหตุ ต้องสงสัย ที่จะมีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จึงได้กระจายกำลัง จนท. ดักซุ่มโป่ง บริเวณหน้าบ้านพัก พบกลุ่มชาวบ้านเดินเข้าออก ตลอดเวลา ในลักษณะมีพิรุจ หัวหน้าชุดฯ จึงแสดงตัว เพื่อขออนุญาตเข้าตรวจค้น เมื่อเวลา 15.00 น. เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. โดยมีนางสัมฤทธิ์ ขัตติยะ อายุ 45 ปี รับเป็นเจ้าของบ้าน พบเอกสารบัญชีรายชื่อ จำนวน 13 คน และ เงินสด จำนวน 1,500 บาท วางอยู่ที่โต๊ะทำงาน จึงทำการตรวจยึดเป็นของกลาง พร้อมควบคุมตัวนางสัมฤทธิ์ มาขยายผลการจับกุม เบื้องต้น นางสัมฤทธิ์ ให้การภาคเสธ ว่า ยอมรับเงิน และ เอกสารบัญชีรายชื่อเป็นของตนจริง แต่ไม่ได้ซักทอดถึงบุคคลอื่น
ข้อมูลของบันทึกการจับกุม ของ จนท.ตำรวจ ได้ระบุเพิ่มเติมว่า แนวทางการสืบสวนทางลับ นางสัมฤทธิ์ มีพฤติการณ์ เป็นหัวคะแนนให้ผู้สมัครรายหนึ่ง ในเขต 9 โดยนำชาวบ้าน จำนวน 13 คน เดินทางไปฟังการปราศรัยหาเสียง ที่วัดหนองม่วงหวาน ต.งิ้ว อ.ห้วยแถลง จากนั้นได้นัดให้ชาวบ้าน มารับเงินค่าจ้าง รายละ 100 บาท
**"เหวง"อ้างทดสอบบัตรกาผิดเพียบ
นพ.เหวง โตจิราการ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ พร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ทดลองให้ประชาชนกาเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เบอร์ 1 จำนวน 1,000 ใบ ปรากฏว่าประชาชนกาผิด 700 ใบ เนื่องจากสัญลักษณ์ของพรรคมีขนาดเล็กเกินไป ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ทั้งนี้ ระหว่างการเดินสายปราศรัยพรรคได้ออกใบปลิวชี้แจงและปราศรัยทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อจะได้กาไม่ผิด และไม่เป็นบัตรเสีย
ทั้งนี้ ระหว่างการปราศรัยได้บอกพี่น้องประชาชนให้ใช้โทรศัพท์บอกญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง คนละ 10 เบอร์ ให้ช่วยเลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งพรรค ทั้งคน หากขยายผลได้เรื่อยๆ จากจำนวน ส.ส.ภาคอีสานทั้งหมด 126 คน จะต้องเป็นของพรรคเพื่อไทยแน่นอน เพื่อให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งและมีเสียงข้างมากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
“การให้ใบเหลือง ใบแดงใครนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการตัดสิทธิเขา ถ้าพิจารณาโดยผิวเผินก็คงทำไม่ได้ การให้ใบเหลืองใบแดงจะต้องรอบคอบอย่างยิ่ง เพราะกกต.เองก็มีเวลาน้อยมากในการพิจารณา ดูจากสำนวนการสอบสวนแล้วบางสำนวนก็ไม่ได้ผ่านมาจากจังหวัด ซึ่งทางจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบสวนเอาเอง เรื่องนี้ต้องระมัดระวังในเรื่องของพยานหลักฐานด้วย หากให้แบบส่งเดชไปแล้วนั้น ผู้ที่ถูกตัดสิทธิก็คงมาดำเนินการกับกกต. คือจะไปทำตามกระแสไม่ได้ จะทำอะไรต้องรอบคอบ” นางสดศรี กล่าวและว่า ในส่วนของการพิจารณาให้ใบแดงของจ.บุรีรัมย์ ทางกกต.ได้ส่งเรื่องให้จังหวัดนำกลับไปสืบสวนภายใน 1 สัปดาห์ให้แล้วเสร็จ เพราะหลักฐานที่ส่งมามีเพียงภาพถ่ายที่กล่าวอ้างว่ามีการซื้อสิทธิขายเสียงกัน กกต.ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่กกต.จังหวัดนำไปสืบสวนเพิ่มเติมด้วย ส่วนของจังหวัดศรีสะเกษนั้น กกต.อยากจะขอดูความชัดเจนของภาพที่ได้ส่งมาให้ชัดเจนกว่านี้ รวมถึงการสอบพยานที่ได้สอบมาแล้วนั้นได้มีการกลับคำให้การ จึงจำเป็นต้องไปสอบพยานปากอื่นเพิ่มเติม ดังนั้นกกต. ขอให้ผู้ที่เข้าให้การควรให้การตามข้อเท็จจริง
ส่วนการตัดสิทธิผู้สมัครก่อนวันเลือกตั้งจะเป็นการกดดันพรรคการเมืองหรือส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคการเมืองหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า การพิจารณาต้องดำเนินไปตามข้อเท็จจริง กกต. ไม่ต้องการให้พรรคการเมือง หรือผู้สมัครคนใดเกิดความเสียหาย ดังนั้น ในช่วงของการเลือกตั้งนี้ ขอให้พรรคการเมืองดูแลผู้สมัครในสังกัดพรรคของตน ไม่ให้กระทำสิ่งที่ผิดกฎหมายการเลือกตั้ง เพราเมื่อทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง กกต. ต้องพิจารณาไปตามหลักฐานที่ปรากฏ
ทั้งนี้ความนิยมของตัวผู้สมัครขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะตัดสินใจอย่างไร นอกจากนี้ในส่วนกรณีคลิปวิดีโอในเขตพญาไทที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งบัตรเลือกตั้งออกมาลงคะแนนนอกคูหาเลือกตั้งนั้นก็จะเข้าที่ประชุมกกต.ในวันที่ 29 มิ.ยด้วย เช่นเดียวกับกรณีหีบบัตรเลือกตั้งในจังหวัดลพบุรีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม และได้สั่งอายัดหีบบัตรเลือกตั้งดังกล่าวไว้ที่กกต.จว.ลพบุรีแล้ว
**เสื้อแดงลำปางนอนเฝ้าหีบ24ชม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการเลือกตั้งล่วงหน้า และมีการนำหีบบัตรเลือกตั้งมาเก็บไว้ ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองลำปาง ขณะนี้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นปช.ลำปาง ได้ส่งตัวแทนเข้าไปนอนเฝ้าหีบบัตรเลือกตั้ง ที่บริเวณหน้าสถานที่คุมขัง ผู้ต้องกักขังภายใน สภ.เมืองลำปาง และกลุ่มนปช.ลำปาง จะนอนเฝ้าหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า และจะทำการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเฝ้าตลอด 24ชั่วโมง เพื่อป้องกันการถูกโกงหรือถูกสับเปลี่ยนหีบบัตรเลือกตั้ง โดยไม่มั่นใจถึงแม้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าและเปลี่ยนเวรเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง และ หน้าห้องขังจะมีกล้องวงจรปิดอยู่ด้วยก็ตาม ซึ่งจะนอนเฝ้าหีบบัตรเลือกตั้งไปถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554
**โคราชรับแจ้ง.แจกเงินให้ไปฟังปราศรัย
พ.อ.สันธิรัตน์ มหันธนชาติ ผอ.กกต.จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยสถานการณ์การหาเสียง ส.ส.ในช่วงโค้งสุดท้าย ว่า ได้รับแจ้งว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นพฤติการณ์ แจกเงินให้ชาวบ้านที่ไปฟังการปราศรัย การเตรียมซื้อเสียง โดยจดรายชื่อผู้มีสิทธิตามบ้านพัก และ จนท.รัฐ วางตัวไม่เป็นกลาง
ที่ผ่านมา ตนได้รับรายงาน ซึ่งเป็นบันทึกการจับกุม ว่า ได้รับแจ้งเบาะแส จากพลเมืองดีว่า บ้านเลขที่ 46 บ้านนาตะคุ หมู่ 6 ต.งิ้ว อ.ห้วยแถลง นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 9 มีสิ่งบอกเหตุ ต้องสงสัย ที่จะมีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จึงได้กระจายกำลัง จนท. ดักซุ่มโป่ง บริเวณหน้าบ้านพัก พบกลุ่มชาวบ้านเดินเข้าออก ตลอดเวลา ในลักษณะมีพิรุจ หัวหน้าชุดฯ จึงแสดงตัว เพื่อขออนุญาตเข้าตรวจค้น เมื่อเวลา 15.00 น. เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. โดยมีนางสัมฤทธิ์ ขัตติยะ อายุ 45 ปี รับเป็นเจ้าของบ้าน พบเอกสารบัญชีรายชื่อ จำนวน 13 คน และ เงินสด จำนวน 1,500 บาท วางอยู่ที่โต๊ะทำงาน จึงทำการตรวจยึดเป็นของกลาง พร้อมควบคุมตัวนางสัมฤทธิ์ มาขยายผลการจับกุม เบื้องต้น นางสัมฤทธิ์ ให้การภาคเสธ ว่า ยอมรับเงิน และ เอกสารบัญชีรายชื่อเป็นของตนจริง แต่ไม่ได้ซักทอดถึงบุคคลอื่น
ข้อมูลของบันทึกการจับกุม ของ จนท.ตำรวจ ได้ระบุเพิ่มเติมว่า แนวทางการสืบสวนทางลับ นางสัมฤทธิ์ มีพฤติการณ์ เป็นหัวคะแนนให้ผู้สมัครรายหนึ่ง ในเขต 9 โดยนำชาวบ้าน จำนวน 13 คน เดินทางไปฟังการปราศรัยหาเสียง ที่วัดหนองม่วงหวาน ต.งิ้ว อ.ห้วยแถลง จากนั้นได้นัดให้ชาวบ้าน มารับเงินค่าจ้าง รายละ 100 บาท
**"เหวง"อ้างทดสอบบัตรกาผิดเพียบ
นพ.เหวง โตจิราการ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ พร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ทดลองให้ประชาชนกาเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เบอร์ 1 จำนวน 1,000 ใบ ปรากฏว่าประชาชนกาผิด 700 ใบ เนื่องจากสัญลักษณ์ของพรรคมีขนาดเล็กเกินไป ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ทั้งนี้ ระหว่างการเดินสายปราศรัยพรรคได้ออกใบปลิวชี้แจงและปราศรัยทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อจะได้กาไม่ผิด และไม่เป็นบัตรเสีย
ทั้งนี้ ระหว่างการปราศรัยได้บอกพี่น้องประชาชนให้ใช้โทรศัพท์บอกญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง คนละ 10 เบอร์ ให้ช่วยเลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งพรรค ทั้งคน หากขยายผลได้เรื่อยๆ จากจำนวน ส.ส.ภาคอีสานทั้งหมด 126 คน จะต้องเป็นของพรรคเพื่อไทยแน่นอน เพื่อให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งและมีเสียงข้างมากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
