ต้องสารภาพตามตรงว่าผมหลงเข้าใจผิดมาเป็นเวลานาน เพิ่งจะกระจ่างเอาก็ต่อเมื่อได้อ่านหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ ฉบับวันที่ 27 มิถุนายน เป็นบทสัมภาษณ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อระดับต้นๆ ของพรรคเพื่อไทย ที่พูดถึงการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ว่า โค้งสุดท้ายพรรคประชาธิปัตย์ทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามแต่เพียงอย่างเดียว พยายามทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า พรรคเพื่อไทยต้องการนิรโทษกรรม และคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งที่พรรคเพื่อไทยยืนยันมาตลอดเวลาว่า นโยบายของพรรคคือความปรองดอง
“การปราศรัยที่ราชประสงค์ของพรรคประชาธิปัตย์ จะให้ทีมกฎหมายไปทำการตรวจสอบว่าสามารถยื่นเรื่องต่อ กกต.ได้หรือไม่ เพราะการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นการยัดเยียดนโยบายให้พรรคเพื่อไทย” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ผมเข้าใจว่า ความพยายามที่จะนิรโทษกรรมหรือจะทำอย่างไรก็ตามเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่เปลี่ยนสัญชาติไปใช้มอนเตเนโกร กลับประเทศไทยได้โดยที่ไม่ต้องติดคุกตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเอาเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยึดเข้ารัฐคืนให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทย
ผมเข้าใจอย่างนี้จริงๆ เป็นความเข้าใจโดยที่ไม่ได้ฟังจากการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ที่ราชประสงค์ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนนี้ เป็นความเข้าใจที่ฝังอยู่ในความรู้สึกในสมองตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่มีพรรคพลังประชาชนแทนพรรคไทยรักไทยที่ถูกยุบ มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ (พ.ศ. 2550) จนกระทั่งมีประชาชนในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาคัดค้านอย่างแข็งขัน จนกระทั่งนายสมัคร สุนทรเวช แก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ และเมื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนายสมัคร ก็ล้มเหลวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยทักษิณเช่นกัน
เมื่อพรรคพลังประชาชนถูกยุบเปลี่ยนมาเป็นพรรคเพื่อไทย และมีสมาชิกกลุ่มหนึ่งแยกไปเป็นพรรคภูมิใจไทยไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผมก็ยังเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยพยายามที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของพรรคพลังประชาชน คือ นิรโทษกรรมให้กับทักษิณ
ผมเข้าใจเช่นนี้เพราะสงกรานต์ปี 2552 และปี 2553 ที่มีการเผาบ้านเผาเมือง พยายามที่จะเปลี่ยนรัฐบาลให้ได้ เพื่อคลายปมให้กับทักษิณ แต่ก็ไม่สำเร็จ ต้องพยายามกันต่อไป
จนเมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ การที่ทักษิณเลือกเอาน้องสาว คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ประกาศตัวจะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาพูดถึงความเหมาะสมที่ทักษิณเลือกเอาน้องสาวว่า ดีกว่าเลือกคนอื่นที่อาจจะบิดพริ้ว งอแง ไม่เป็นไปตามที่ทักษิณต้องการ สู้น้องไม่ได้
และจากที่ทักษิณให้สัมภาษณ์ก็เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจในตัวน้องสาว เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจะรับใช้เขาได้ดีกว่าคนอื่นคนไกล อย่างนายสมัคร สุนทรเวช “ยิ่งลักษณ์คือโคลนนิ่งผมเอง” ทักษิณ ว่า
เมื่อการนิรโทษกรรมให้ทักษิณ มิใช่นโยบายของพรรคเพื่อไทย แต่พรรคประชาธิปัตย์เอาไปพูดเป็นตุเป็นตะ ก็อาจจะทำให้ผู้คนทั้งหลายเข้าใจผิดต่อพรรคเพื่อไทย การที่จะให้นักกฎหมายพิจารณาเรื่องนี้ อาจจะฟ้องร้องต่อ กกต.ยุบพรรคประชาธิปัตย์ หรือลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เป็นการดี
ส่วนพรรคเพื่อไทยเองก็น่าจะพูดให้ชัดว่า จะดำเนินนโยบายปรองดองโดยไม่นิรโทษกรรมให้กับทักษิณนั้นจะทำอย่างไร จะให้ทักษิณตัดสินใจเองว่าจะระเหระหนต่อไปในต่างประเทศ หรือจะกลับมาติดคุก 2 ปี และอาจจะมีคดีอื่นๆ อีก ซึ่งไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า ศาลจะตัดสินอย่างไร
การสนับสนุนนางสาวยิ่งลักษณ์ให้เล่นการเมือง ก็เป็นเช่นเดียวกับนักการเมืองทั้งหลายของประเทศนี้ เช่น นายบรรหาร พลตรีสนั่น นายไพโรจน์ นายสุวัจน์ นายสมศักดิ์ นายสุเทพ สนับสนุนลูกชาย ลูกสาว สนับสนุนเมีย คนใกล้ชิดสนิทสนมให้เข้าสู่การเมืองเพื่อจะได้อุทิศตน เสียสละความเหนื่อยยากเพื่อประเทศชาติและเพื่อประชาชน
ช่างเป็นความปรารถนาดี เป็นความเสียสละอย่างใหญ่หลวงเสียจริงๆ
ผมพยายามที่จะเชื่ออย่างนี้ ทั้งที่วันเวลาที่ผ่านมา คำพูดของนักการเมืองบ้านเรา เชื่อถือไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวทักษิณเอง บางวันก็บอกว่าขอยุติชีวิตการเมือง บางวันก็บอกว่าอยากจะปรองดอง บางวันก็บอกว่าจะตามล้างตามเช็ดไปจนปรโลก เลยไม่รู้ว่าความเป็นจริงจะเป็นอย่างไร
เหลือบดูป้ายหาเสียงของแต่ละคน แต่ละพรรคซิครับ ดีทั้งนั้น วิเศษทั้งนั้น บางคนบอกว่าประสบการณ์ทั้งชีวิตยกให้ประเทศชาติ ยกให้ประชาชน บางคนบอกว่า เป็นคนดี คนซื่อ บางพรรคบอกว่าหนี้สินหมู่บ้าน หนี้สินกองทุนยกให้ บางพรรคบอกว่า เกิดวันนี้อีก 20 ปีจะมีเงินล้าน (จะไปโกงที่ไหนถึงจะมี ถึงจะได้ ก็ไม่บอกให้ชัด)
เชื่อไม่ได้สักคน เชื่อไม่ได้สักพรรคเลย
ลงมือแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ทักษิณพ้นผิดเมื่อไร ก็เจอประชาชนเมื่อนั้น
ที่สำคัญไม่ต้องบอก มันจะไม่ใช่คน หากเป็นตัวใดตัวหนึ่ง หรือหลายตัวรวมกันในป้ายโหวตโนแน่นอน
“การปราศรัยที่ราชประสงค์ของพรรคประชาธิปัตย์ จะให้ทีมกฎหมายไปทำการตรวจสอบว่าสามารถยื่นเรื่องต่อ กกต.ได้หรือไม่ เพราะการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นการยัดเยียดนโยบายให้พรรคเพื่อไทย” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ผมเข้าใจว่า ความพยายามที่จะนิรโทษกรรมหรือจะทำอย่างไรก็ตามเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่เปลี่ยนสัญชาติไปใช้มอนเตเนโกร กลับประเทศไทยได้โดยที่ไม่ต้องติดคุกตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเอาเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยึดเข้ารัฐคืนให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทย
ผมเข้าใจอย่างนี้จริงๆ เป็นความเข้าใจโดยที่ไม่ได้ฟังจากการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ที่ราชประสงค์ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนนี้ เป็นความเข้าใจที่ฝังอยู่ในความรู้สึกในสมองตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่มีพรรคพลังประชาชนแทนพรรคไทยรักไทยที่ถูกยุบ มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ (พ.ศ. 2550) จนกระทั่งมีประชาชนในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาคัดค้านอย่างแข็งขัน จนกระทั่งนายสมัคร สุนทรเวช แก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ และเมื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนายสมัคร ก็ล้มเหลวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยทักษิณเช่นกัน
เมื่อพรรคพลังประชาชนถูกยุบเปลี่ยนมาเป็นพรรคเพื่อไทย และมีสมาชิกกลุ่มหนึ่งแยกไปเป็นพรรคภูมิใจไทยไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผมก็ยังเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยพยายามที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของพรรคพลังประชาชน คือ นิรโทษกรรมให้กับทักษิณ
ผมเข้าใจเช่นนี้เพราะสงกรานต์ปี 2552 และปี 2553 ที่มีการเผาบ้านเผาเมือง พยายามที่จะเปลี่ยนรัฐบาลให้ได้ เพื่อคลายปมให้กับทักษิณ แต่ก็ไม่สำเร็จ ต้องพยายามกันต่อไป
จนเมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ การที่ทักษิณเลือกเอาน้องสาว คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ประกาศตัวจะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาพูดถึงความเหมาะสมที่ทักษิณเลือกเอาน้องสาวว่า ดีกว่าเลือกคนอื่นที่อาจจะบิดพริ้ว งอแง ไม่เป็นไปตามที่ทักษิณต้องการ สู้น้องไม่ได้
และจากที่ทักษิณให้สัมภาษณ์ก็เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจในตัวน้องสาว เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจะรับใช้เขาได้ดีกว่าคนอื่นคนไกล อย่างนายสมัคร สุนทรเวช “ยิ่งลักษณ์คือโคลนนิ่งผมเอง” ทักษิณ ว่า
เมื่อการนิรโทษกรรมให้ทักษิณ มิใช่นโยบายของพรรคเพื่อไทย แต่พรรคประชาธิปัตย์เอาไปพูดเป็นตุเป็นตะ ก็อาจจะทำให้ผู้คนทั้งหลายเข้าใจผิดต่อพรรคเพื่อไทย การที่จะให้นักกฎหมายพิจารณาเรื่องนี้ อาจจะฟ้องร้องต่อ กกต.ยุบพรรคประชาธิปัตย์ หรือลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เป็นการดี
ส่วนพรรคเพื่อไทยเองก็น่าจะพูดให้ชัดว่า จะดำเนินนโยบายปรองดองโดยไม่นิรโทษกรรมให้กับทักษิณนั้นจะทำอย่างไร จะให้ทักษิณตัดสินใจเองว่าจะระเหระหนต่อไปในต่างประเทศ หรือจะกลับมาติดคุก 2 ปี และอาจจะมีคดีอื่นๆ อีก ซึ่งไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า ศาลจะตัดสินอย่างไร
การสนับสนุนนางสาวยิ่งลักษณ์ให้เล่นการเมือง ก็เป็นเช่นเดียวกับนักการเมืองทั้งหลายของประเทศนี้ เช่น นายบรรหาร พลตรีสนั่น นายไพโรจน์ นายสุวัจน์ นายสมศักดิ์ นายสุเทพ สนับสนุนลูกชาย ลูกสาว สนับสนุนเมีย คนใกล้ชิดสนิทสนมให้เข้าสู่การเมืองเพื่อจะได้อุทิศตน เสียสละความเหนื่อยยากเพื่อประเทศชาติและเพื่อประชาชน
ช่างเป็นความปรารถนาดี เป็นความเสียสละอย่างใหญ่หลวงเสียจริงๆ
ผมพยายามที่จะเชื่ออย่างนี้ ทั้งที่วันเวลาที่ผ่านมา คำพูดของนักการเมืองบ้านเรา เชื่อถือไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวทักษิณเอง บางวันก็บอกว่าขอยุติชีวิตการเมือง บางวันก็บอกว่าอยากจะปรองดอง บางวันก็บอกว่าจะตามล้างตามเช็ดไปจนปรโลก เลยไม่รู้ว่าความเป็นจริงจะเป็นอย่างไร
เหลือบดูป้ายหาเสียงของแต่ละคน แต่ละพรรคซิครับ ดีทั้งนั้น วิเศษทั้งนั้น บางคนบอกว่าประสบการณ์ทั้งชีวิตยกให้ประเทศชาติ ยกให้ประชาชน บางคนบอกว่า เป็นคนดี คนซื่อ บางพรรคบอกว่าหนี้สินหมู่บ้าน หนี้สินกองทุนยกให้ บางพรรคบอกว่า เกิดวันนี้อีก 20 ปีจะมีเงินล้าน (จะไปโกงที่ไหนถึงจะมี ถึงจะได้ ก็ไม่บอกให้ชัด)
เชื่อไม่ได้สักคน เชื่อไม่ได้สักพรรคเลย
ลงมือแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ทักษิณพ้นผิดเมื่อไร ก็เจอประชาชนเมื่อนั้น
ที่สำคัญไม่ต้องบอก มันจะไม่ใช่คน หากเป็นตัวใดตัวหนึ่ง หรือหลายตัวรวมกันในป้ายโหวตโนแน่นอน
