xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

รุกฆาตยุบ 5 พรรค “สัญญาว่าจะให้” หาเสียงผิดกม.เลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เข้ายื่นคำร้องขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง ออกคำสั่งยุบพรรคเพื่อไทยจากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองและอยู่ในฐานะนักโทษหลบหนีคดีอาญา มีอำนาจสั่งการเหนือพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.54 ที่ผ่านมา ถือเป็นการเดินหมากรุกฆาตพรรคการเมืองที่ทำผิดกฎหมาย และสั่งสอน กกต.ที่ทุกวันนี้ดีแต่พูดไปพร้อมๆ กันด้วย

เพราะมีประจักษ์พยานชัดเจนแล้วว่า พรรคเพื่อไทยกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 4, มาตรา 94(1) (2) (3) และมาตรา 66 จึงต้องถูกยุบพรรคตามมาตรา 94(1) (2) (3) และ (5) นอกจากนั้น หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค ซึ่งยินยอมให้มีการกระทำดังกล่าวจึงต้องรับโทษตามมาตรา 166 ด้วย นั่นหมายความว่า ต้องรับโทษในการยุบพรรค ถูกพิจารณายุบพรรค และถูกดำเนินคดีอาญาต่อไป

ไม่เพียงแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้น กลุ่มพันธมิตรฯ ยังเล็งยื่นกกต.ให้ยุบพรรคการเมืองอื่นที่มีบุคคลที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเข้ามาพฤติกรรมมีอำนาจสั่งการเหนือพรรคด้วย นอกจากนั้น กลุ่มพันธมิตรฯ ยังจะยื่นคำร้องต่อ กกต. ให้ลงโทษผู้สมัครและพรรคการเมืองที่โฆษณาหาเสียงด้วยนโยบายสัญญาว่าจะให้ ซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งฯ ซึ่งจะนำไปสู่การสั่งยุบพรรคการเมืองด้วยเช่นกัน

เวลานี้ พรรคการเมืองแทบทุกพรรคโดยเฉพาะสองพรรคใหญ่ “เพื่อไทย - ประชาธิปัตย์” และพรรคขนาดกลาง “ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา และชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน” ดำเนินการโฆษณาหาเสียงโดยกระทำผิด พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 53 ที่กำหนดว่า “ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

“(1) จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นตัวเงินได้ แก่ผู้ใด

“(2) ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม แก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถาบันการศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด”

แม้จะมีกฎหมายห้ามไว้ชัด แต่ผู้สมัคร ส.ส. และพรรคการเมือง ต่างมองเห็น กกต. เป็นเพียงเสือกระดาษ เพราะเมื่อสำรวจตรวจสอบนโยบายและการปราศรัยหาเสียงของแต่ละพรรคการเมือง จะเห็นได้ชัดเจนว่าล้วนแต่เต็มไปด้วยนโยบายที่สัญญาว่าจะให้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งให้ในลักษณะปัจเจกบุคคลและกลุ่มองค์กร ชุมชน ฯลฯ แทบทุกพรรคมีคำมั่นสัญญามั่นเหมาะเป็นตัวเงินชัดเจน

ทั้งนี้ เมื่อเอ็กซเรย์นโยบายพรรคการเมืองจะพบความผิดที่เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ มาตรา 53 ปรากฏดังนี้

พรรคเพื่อไทย (หมายเลข 1) 

-องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับเงินเพิ่ม 25%
-กองทุนหมู่บ้านเพิ่มเงินทุกตำบลๆ ละ หนึ่งล้านบาท
-พักหนี้สำหรับผู้ที่มีหนี้ไม่เกินห้าแสนบาท ไม่น้อยกว่า3 ปี ส่วนผู้ที่มีหนี้เกินห้าแสนแต่ไม่เกินหนึ่งล้านให้ปรับโครงสร้างหนี้
-ลดภาษีนิติบุคคล จาก 30% เหลือ 23%
-ปรับเงินเดือนข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ
-คืนภาษีและเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรก
-คืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถคันแรกและต้องถือครองรถไม่น้อยกว่า 5 ปี
-จบปริญญาตรีทำงานมีเงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท
-กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท
-เบี้ยเพื่อไทยวัยสูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปี ถึง 90 ปี จาก 600 - 1,000 บาทต่อเดือน
-คอมพิวเตอร์ราคาถูกฟรีแก่นักเรียนคนละเครื่อง
-ออกเครดิตการ์ดสำหรับเกษตรกรนำไปซื้อปุ๋ย เมล็ดพันธุ์
-ประกันราคาจำนำข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิ 20,000 บาท
-เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท
นอกจากนี้ ยังมีโฆษณาหลอกลวงประชาชนด้วยความเท็จ เช่น บอกว่าจะทำให้ “คนไทยหายจนภายใน 4 ปี” ”จะปราบปรามยาเสพติดให้หมดภายใน 12 เดือน” “สร้างรถไฟฟ้าให้ครบ 10 สาย แต่ละสายเก็บ 20 บาท” เป็นต้น 
        
พรรคประชาธิปัตย์ (หมายเลข 10)

-ตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ราคาไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม ประหยัด 300 บาทต่อเดือนต่อครอบครัว
-รักษาฟรีด้วยบัตรประชาชนใบเดียวด้วยงบประมาณกว่า 130,000 ล้านบาทต่อปี
-ค่าไฟฟ้าฟรีไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน คิดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 150 - 300 บาทต่อเดือนต่อครอบครัว
-โครงการสินเชื่อกู้ซื้อบ้านดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 2 ปี
-เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 25% ภายในระยะเวลา 2 ปี
-เพิ่มเงินเดือนครู กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจ
-เพิ่มเงินเดือน 5% ให้ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
-ให้บำเหน็จรายเดือนและบำเหน็จตกทอดสำหรับลูกจ้างประจำทุกส่วนราชการ
-เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 500 บาทต่อเดือน จำนวนกว่า 6.5 ล้านคนทั่วประเทศ
-ขยายประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ 24 ล้านคน
-เพิ่มกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โดยเพิ่มทุนตั้งแต่ 200,000 - 600,000 บาทต่อกองทุน แล้วแต่ขนาดกองทุน
-เรียนฟรี 15 ปีตั้งแต่อนุบาลถึงม.6
-เพิ่มเงินกำไร 25% ให้เกษตรกรจากโครงการประกันรายได้เกษตรกร
        
พรรคภูมิใจไทย (หมายเลข 16)

-ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม 2% เหลือ 5% จะทำให้สินค้าและบริการลดราคาลงทันที
-สร้างที่ดินทำกิน 1 ล้านคนให้กับรถตู้ มอเตอร์ไซด์และแผงลอย
-ตั้งกองทุนสวัสดิการผู้บำเพ็ญประโยชน์ เช่น อปพร., ชรบ. เป็นต้น
-กองทุนจ้างงาน 1 ล้านตำแหน่ง เพื่อเป็นหลักประกันการมีงานทำ
-กองทุนประกันราคาสินค้าเกษตร ข้าวเปลือกตันละ 2 หมื่นบาท 
        
พรรคชาติไทยพัฒนา (หมายเลข 21)


-เพิ่มรายได้คนไทย 2 เท่าใน 5 ปี โดย “นโยบายกุญแจ2ดอก” เสนอเงินกู้ซื้อบ้านดอกเบี้ย 1% เป็นเวลา 10 ปี และซื้อรถคันแรกราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทจะได้ส่วนลด 1 แสนบาท
-ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท
-สนับสนุนค่าตอบแทนอาสาสมัครเกษตร อกม., อสม., อปพร. ประจำหมู่บ้านคนละ 1,000 บาทต่อเดือน
-เพิ่มเงินสวัสดิการผู้สูงอายุ 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน
-จัดงบประมาณให้โรงเรียน S 100,000 บาท, M 200,000 บาท L 300,000 บาท
-ประกันราคาข้าวเปลือก 15,000 บาท ข้าวหอมมะลิ 20,000 บาท
-จัดตั้งกองทุนสวัสดิการเกษตร วงเงิน 20,000 ล้านบาท
-สนับสนุนเงินลงทุนปัจจัยการผลิตด้านการเกษตร ฟรีดอกเบี้ย 1 ปี วงเงิน 500,000 ล้านบาท
-จัดเพิ่มแหล่งน้ำตำบลละ 3 ล้านบาท
-เพิ่มวงเงินกู้ SMEs ดอกเบี้ยต่ำ ปีละ 100,000 ล้านบาท 
        
พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน (หมายเลข 2)

-เพิ่มการจัดสรรรายได้ให้องค์การปกครองท้องถิ่นปีละ 3% จนครบ 35%
-เริ่มทำงาน 5 ปีแรก ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
-เบนซินไม่เกิน 35 บาท ดีเซล ไม่เกิน 30 บาท ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม
-เงินออมคูณสอง เกิดวันนี้ 20 ปีมีเงินล้าน
-ค่าแรงขั้นต่ำ 350 บาทภายใน 3 ปี
-เบี้ยสวัสดิการให้กลุ่มอาสาสมัคร เช่น อสม., อปพร., ก.พ.ส.ต. เดือนละ 1,200 บาท
-ค่าตอบแทนปราชญ์ชาวบ้าน ศิลปินพื้นบ้าน เดือนละ 1,000 บาท
-กองทุนหมู่บ้านสมานฉันท์ หมู่บ้านละ 500,000 บาท
-เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและคนพิการ 2 เท่า จาก 500 บาท เป็น 1,000 บาท
-ทุนพัฒนาโรงเรียน 2 ล้านบาททุกตำบล
-กองทุนพัฒนาเยาวชนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 แสนบาท
-งบประมาณหมื่นล้านสร้างครูของประเทศ และ พัก ลด ปลดหนี้ครู
-เรียนฟรี 19 ปี อนุบาลถึงปริญญาตรี
-ข้าวเปลือกตันละหมื่นห้า ข้าวหอมมะลิตันละสองหมื่น อ้อยเกินพัน มันสำปะหลังเกินสาม ปาล์มเกินหก ด้วยกองทุนสร้างเสถียรภาพราคาพืชผล
-พัก ลด ปลดหนี้ ให้เกษตรกรไทย
-พืชพันธุ์ดีแจกฟรีเกษตรกรทั่วไทย
-สร้างศูนย์กีฬาทุกตำบลทั่วประเทศ
-เงินกู้รายละ 1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 0% สำหรับคนที่อยากเป็นผู้ประกอบการ
        
คำมั่นสัญญาและคำหลอกหลวงดังกล่าว มีบทกำหนดโทษไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ มาตรา 137 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี

นอกจากนั้น ยังอาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยตั้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 94 (1) ที่ว่าได้กระทำการ “ให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ” และ มาตรา 94 (2) ที่ว่าได้ “กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งวุฒิสภา หรือระเบียบหรือประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีผลทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม”

ส่วนการเริ่มดำเนินคดีซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ กำลังเตรียมดำเนินการอยู่นั้น สามารถทำได้ตามมาตรา 95 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียน” ของกกต. หมายถึงใครไปแจ้งก็ได้ จะเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ หรือกลุ่มใด บุคคลใดก็ตาม“หรือเมื่อนายทะเบียนได้รับแจ้งจากคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและได้ตรวจสอบแล้ว” เห็นว่า พรรคการเมืองใด กระทำการตามมาตรา 94 ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของ กกต. แจ้งต่ออัยการสูงสุดพร้อมด้วยหลักฐาน

เมื่ออัยการสูงสุดได้รับแจ้งแล้วก็ต้องพิจารณาเรื่องภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ถ้าอัยการสูงสุดเห็นสมควรก็ให้ยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าว ถ้าอัยการสูงสุดไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้นายทะเบียนตั้งคณะทำงานขึ้นคณะหนึ่งโดยมีผู้แทนจากนายทะเบียนและผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วส่งให้อัยการสูงสุดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ในกรณีที่คณะทำงานดังกล่าวไม่อาจหาข้อยุติเกี่ยวกับการดำเนินการยื่นคำร้องได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่แต่งตั้งคณะทำงาน ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจยื่นคำร้องเอง

กุญแจสำคัญในการดำเนินคดีพรรคการเมืองที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและกฎหมายพรรคการเมือง จึงขึ้นอยู่กับ กกต. และอัยการสูงสุด ว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันหรือจะละเว้นการปฏิบัติการหน้าที่ ปล่อยให้นักการเมือง เสือ สิงห์ กระทิง แรด กระทำการทุจริตในการเลือกตั้งเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ลอยนวลอยู่ในสังคมต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น