ASTVผู้จัดการรายวัน - ประชานิยมสุดๆ "คลัง-คมนาคม" เห็นชอบร่วมกันต่ออายุมาตรการรถเมล์-รถไฟฟรีอีก 6 เดือน พร้อมเปิดให้ 3 แบงก์รัฐรีไฟแนนซ์บัตรกดเงินสด ซื้อใจรากหญ้ากว่า 2 ล้านราย ตั้งวงเงินโครงการหมื่นล้าน ผ่อนปรนหลักเกณฑ์เป็นลูกหนี้ดีไม่ต้องแสดงที่มาของรายได้
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมเห็นชอบที่จะต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพในส่วนของค่ารถเมล์และรถไฟฟรีอีก 6 เดือนหรือถึงสิ้นปี 2554 โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะมีภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจากมาตรการนี้ 180 ล้านบาท/เดือน ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะมีภาระต้นทุนประมาณ 30 ล้านบาท/เดือน
"กระทรวงคมนาคมจะให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่ง บริหารจัดการภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไปก่อน และจะมีการนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีหลังจากมีรัฐบาลใหม่ เพื่อชดเชยภาระที่เกิดขึ้นจากมาตรากรดังกล่าวให้แก่ทั้ง 2 หน่วยงาน เชื่อว่ารัฐบาลใหม่ที่มาจาก 2 พรรคใหญ่ มีนโยบายที่สนับสนุนมาตรการนี้อยู่แล้ว คงไม่น่ามีปัญหา" ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวและว่า การต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพในส่วนอื่นที่เหลือ คือ ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า และราคาก๊าซหุงต้มนั้น ยังไม่มีการพิจารณาว่าจะต่ออายุมาตรการออกไปอีกหรือไม่
นายอารีพงศ์ในฐานะประธานเปิดตัวโครงการลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนบุคคล แถลงด้วยว่า ทั้งธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) พร้อมแล้วที่จะรับรีไฟแนนซ์สินเชื่อส่วนบุคคลของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นอนแบงก์) วงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการที่ต่อยอดมาจากการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต โดยมีนอนแบงก์ในปัจจุบันรวม 26 แห่ง ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ถือว่าไม่เข้าข่าย
สำหรับเงื่อนไขของผู้ที่จะรีไฟแนนซ์ได้ ต้องมีประวัติการชำระหนี้ดีวงเงินไม่เกิน 5 เท่าของเงินเดือน หรือไม่เกิน 3 แสนบาท คิดดอกเบี้ย 14% ต่อปี ซึ่งลดลงจาที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมสูงถึง 28% สามารถยื่นกู้ได้ตั้งวันที่ 24 มิ.ย.-30 ก.ย. 2555 โดยผ่อนผันให้ผู้มีประวัติการชำระหนี้ผิดนัดบ้างในรอบปีแต่ไม่เกิน 90 วันแต่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน แต่ผู้ค้ำไม่ต้องตรวจสอบประวัติในเครดิตบูโร ส่วนผู้มีอายุเกิน 60 ปีสารถเข้าโครงการได้แต่ต้องมีบุคคลค้ำประกันเช่นกัน
ปัจจุบันผู้ใช้บัตรกดเงินสดทั้งสิ้น 6.5 ล้านบัญชี มูลหนี้ 1 เสนล้านบาท โดยมีหนี้เสียเพียง 2.6% ส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ที่ดีจึงเป็นเหตุผลที่กระทวงการคลังขยายโครงการมาสู่ลูกหนี้กลุ่มนี้ ซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยให้มีโอกาสได้เข้าถึงแหล่งเงินดอกเบี้ยต่ำ
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า โครงการดังกล่าวน่าจะช่วยเหลือผู้มีรายได้ที่มีหนี้สินกับบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงินซึ่งมีประมาณ 4 ล้านบัญชี หรือเฉลี่ยคนละ 2 บัญชี มูลหนี้ 6 หมื่นล้านบาท จึงน่าจะช่วยกลุ่มลูกหนี้ได้ 2 ล้านรายให้มีภาระดอกเบี้ยลดลงและมีโอกาสปลดตัวเองออกจากวงจรหนี้สิน นอกจากนั้นเพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ลูกหนี้เข้าโครงการได้ง่ายขึ้น จึงมีการผ่อนปรนหลักเกณฑ์จากเดิมต้องแสดงหลักฐานที่มาของรายได้เป็นไม่ต้องแสดงเพียงนำใบแจ้งหนี้มาตรวจสอบประวัติเท่านั้นหากเป็นลูกหนี้ที่ดีก็น่าจะได้รับการอนุมัติเร็ว ซึ่งจะใช้รวมไปถึงการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตด้วย
“ได้มีการหารือกับทางแบงก์ชาติแล้วถึงการยื่นเอกสารหลักฐานแสดงรายได้ประกอบการขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่แบงก์ชิตกำหนดและจะปลอ่ยกู้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ แต่ได้ชี้แจงว่าโครงการหนี้ไม่ใช่การก่อหนี้เพิ่มเป็นการลดภาระหนี้ที่มีอยู่เดิมด้วยซ้ำจึงได้รับการยกเว้นในประเด็นนี้”นายกรณ์ กล่าวและว่าในส่วนของการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตที่ยังอนุมัติได้น้อยเพียงหลักพันรายจากที่ยื่นเข้ามาหมื่นรายนั้นส่วนใหญ่ติดเงื่อนไขนี้ ต่อไปจึงน่าจะช่วยให้ 3 แบงก์อนุมัติได้เร็วขึ้น.
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมเห็นชอบที่จะต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพในส่วนของค่ารถเมล์และรถไฟฟรีอีก 6 เดือนหรือถึงสิ้นปี 2554 โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะมีภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจากมาตรการนี้ 180 ล้านบาท/เดือน ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะมีภาระต้นทุนประมาณ 30 ล้านบาท/เดือน
"กระทรวงคมนาคมจะให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่ง บริหารจัดการภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไปก่อน และจะมีการนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีหลังจากมีรัฐบาลใหม่ เพื่อชดเชยภาระที่เกิดขึ้นจากมาตรากรดังกล่าวให้แก่ทั้ง 2 หน่วยงาน เชื่อว่ารัฐบาลใหม่ที่มาจาก 2 พรรคใหญ่ มีนโยบายที่สนับสนุนมาตรการนี้อยู่แล้ว คงไม่น่ามีปัญหา" ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวและว่า การต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพในส่วนอื่นที่เหลือ คือ ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า และราคาก๊าซหุงต้มนั้น ยังไม่มีการพิจารณาว่าจะต่ออายุมาตรการออกไปอีกหรือไม่
นายอารีพงศ์ในฐานะประธานเปิดตัวโครงการลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนบุคคล แถลงด้วยว่า ทั้งธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) พร้อมแล้วที่จะรับรีไฟแนนซ์สินเชื่อส่วนบุคคลของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นอนแบงก์) วงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการที่ต่อยอดมาจากการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต โดยมีนอนแบงก์ในปัจจุบันรวม 26 แห่ง ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ถือว่าไม่เข้าข่าย
สำหรับเงื่อนไขของผู้ที่จะรีไฟแนนซ์ได้ ต้องมีประวัติการชำระหนี้ดีวงเงินไม่เกิน 5 เท่าของเงินเดือน หรือไม่เกิน 3 แสนบาท คิดดอกเบี้ย 14% ต่อปี ซึ่งลดลงจาที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมสูงถึง 28% สามารถยื่นกู้ได้ตั้งวันที่ 24 มิ.ย.-30 ก.ย. 2555 โดยผ่อนผันให้ผู้มีประวัติการชำระหนี้ผิดนัดบ้างในรอบปีแต่ไม่เกิน 90 วันแต่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน แต่ผู้ค้ำไม่ต้องตรวจสอบประวัติในเครดิตบูโร ส่วนผู้มีอายุเกิน 60 ปีสารถเข้าโครงการได้แต่ต้องมีบุคคลค้ำประกันเช่นกัน
ปัจจุบันผู้ใช้บัตรกดเงินสดทั้งสิ้น 6.5 ล้านบัญชี มูลหนี้ 1 เสนล้านบาท โดยมีหนี้เสียเพียง 2.6% ส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ที่ดีจึงเป็นเหตุผลที่กระทวงการคลังขยายโครงการมาสู่ลูกหนี้กลุ่มนี้ ซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยให้มีโอกาสได้เข้าถึงแหล่งเงินดอกเบี้ยต่ำ
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า โครงการดังกล่าวน่าจะช่วยเหลือผู้มีรายได้ที่มีหนี้สินกับบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงินซึ่งมีประมาณ 4 ล้านบัญชี หรือเฉลี่ยคนละ 2 บัญชี มูลหนี้ 6 หมื่นล้านบาท จึงน่าจะช่วยกลุ่มลูกหนี้ได้ 2 ล้านรายให้มีภาระดอกเบี้ยลดลงและมีโอกาสปลดตัวเองออกจากวงจรหนี้สิน นอกจากนั้นเพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ลูกหนี้เข้าโครงการได้ง่ายขึ้น จึงมีการผ่อนปรนหลักเกณฑ์จากเดิมต้องแสดงหลักฐานที่มาของรายได้เป็นไม่ต้องแสดงเพียงนำใบแจ้งหนี้มาตรวจสอบประวัติเท่านั้นหากเป็นลูกหนี้ที่ดีก็น่าจะได้รับการอนุมัติเร็ว ซึ่งจะใช้รวมไปถึงการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตด้วย
“ได้มีการหารือกับทางแบงก์ชาติแล้วถึงการยื่นเอกสารหลักฐานแสดงรายได้ประกอบการขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่แบงก์ชิตกำหนดและจะปลอ่ยกู้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ แต่ได้ชี้แจงว่าโครงการหนี้ไม่ใช่การก่อหนี้เพิ่มเป็นการลดภาระหนี้ที่มีอยู่เดิมด้วยซ้ำจึงได้รับการยกเว้นในประเด็นนี้”นายกรณ์ กล่าวและว่าในส่วนของการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตที่ยังอนุมัติได้น้อยเพียงหลักพันรายจากที่ยื่นเข้ามาหมื่นรายนั้นส่วนใหญ่ติดเงื่อนไขนี้ ต่อไปจึงน่าจะช่วยให้ 3 แบงก์อนุมัติได้เร็วขึ้น.