ASTVผู้จัดการรายวัน - อ้างเศรษฐกิจฟื้นแล้ว ครม.มาร์คไม่ต่อมาตรการภาษีอสังหาฯ ส่วนช่วยค่าครองชีพ เลิกอุ้มค่าน้ำประปา เหลือ “รถเมล์-รถไฟ-ค่าไฟ-ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม”
วานนี้ (23 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ฯได้แถลงไปเมื่อวันจันทร์ที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาและรับทราบประเด็นในเชิงนโยบาย คือ การที่จะต้องดูแลเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ การแก้ปัญหาอุปสรรค์การลงทุนภาคเอกชน การได้รับการสนับสนุนจากเรื่องนโยบายการเงิน ระมัดระวังเรื่องภัยแล้ง ราคาน้ำมัน ภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ในภาพรวมถือว่าเป็นการยืนยันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
“วันนี้มี 2 เรื่องที่ถือว่า ครม.ได้ยกเลิกมาตรการที่เป็นมาตรการชั่วคราว เรื่องแรกคือมาตรากรน้ำฟรี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ 6 มาตรการและต่อมาเป็น 5 มาตรการ ขณะนี้คิดว่ามาตรการนี้สมควรจะยกเลิก ทำให้เรื่องค่าน้ำกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่มาตรการอื่นๆ ทั้งเรื่องรถเมล์ รถไฟและค่าไฟนั้นยังคงไว้ต่ออีก 3 เดือน จากนั้นจะมีการประเมินกันอีกครั้ง”นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ที่ประชุมครม.ยังเห็นด้วยในการยกเลิกมาตรการกระตุ้นเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีเรื่องการลดค่าธรรมเนียมการโอน ภาษีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโดยปกติจะสิ้นสุดในวันที่ 28 มีนาคม ครม.ต้องการให้ชัดเจนตั้งแต่วันนี้ว่ามาตรการที่จะหมดอายุนั้นจะไม่มีการต่อ ฉะนั้นใครที่ประสงค์จะได้ประโยชน์จากมาตรการเหล่านี้ก็ต้องไปเร่งดำเนินการทำธุรกรรมการโอนก่อนวันที่ 28 มีนาคม
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การขยายเวลามาตรการลดภาระค่าครองชีพสำหรับค่าไฟฟ้า รถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถไฟชั้น 3 ฟรี ออกไปจากเดิมที่จะครบกำหนดเดือนมีนาคม เป็นเดือนมิถุนายน 2553
การขยายเวลามาตรการลดค่าครองชีพดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าฟรี สำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน มีผู้ได้รับประโยชน์สูงถึง 8 ล้านครัวเรือน ส่วนค่ารถเมล์ และรถไฟฟรี สามารถช่วยผู้มีรายได้น้อยได้ดี จึงต่ออายุ 3 มาตรการดังกล่าว ขณะที่ค่าน้ำประปาที่รัฐบาลได้ลดปริมาณการช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่องจาก 50 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือนต่อครัวเรือน เหลือ 30 ลูกบาศก์เมตร และ 20 ลูกบาศก์เมตร ก่อนจะยกเลิกไปในที่สุด เนื่องจากเห็นว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเรื่องค่าน้ำประปาอยู่ประมาณ 15-50 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งเป็นภาระที่ประชาชนน่าจะรับได้ จึงยกเลิกช่วยเหลือค่าน้ำประปาไป สำหรับมาตรการช่วยค่าครองชีพทั้ง 3 มาตรการ จะใช้งบประมาณชดเชยรวมประมาณ 4,500 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่า มาตรการช่วยลดค่าครองชีพ ประกอบด้วย มาตรการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือน โดยรัฐบาล รับภาระค่าใช้ไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน การรับภาระค่าใช้จ่ายรถโดยสารประจำทางธรรมดาของ ขสมก. จำนวน 800 คันต่อวัน ใน 73 เส้นทาง รับภาระค่าใช้จ่ายรถไฟชั้น 3 จำนวน 164 ขบวนต่อวัน และรถไฟชั้น 3 ระยะทางไกลในขบวนรถเชิงพาณิชย์จำนวน 8 ขบวนต่อวัน
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงที่มาว่า สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในระดับหนึ่ง
***อสังหาฯ ฟื้นแล้วไม่ต้องอุ้ม
สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ครม.เห็นควรไม่ขยายระยะเวลามาตรการที่จะสิ้นสุดวันที่ 28 มีนาคมนี้ นากรณ์กล่าวว่าเนื่องจากเห็นว่า ที่ผ่านมา มาตรการดังกล่าวช่วยฟื้นภาคอสังหาริมทรัพย์และช่วยเหลือภาคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งแรงงาน วัสดุก่อสร้างได้แล้ว โดยกระตุ้นให้คนซื้อบ้านมากขึ้น สังเกตจากการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และผลประกอบการธุรกิจสังหาริมทรัพย์เริ่มมีกำไรมากขึ้น ถือว่าประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือไปแล้ว มาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่จะหมดอายุ ประกอบด้วย การลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะเหลือร้อยละ 0.1 จากร้อยละ 3.3 การลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ จากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01
วานนี้ (23 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ฯได้แถลงไปเมื่อวันจันทร์ที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาและรับทราบประเด็นในเชิงนโยบาย คือ การที่จะต้องดูแลเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ การแก้ปัญหาอุปสรรค์การลงทุนภาคเอกชน การได้รับการสนับสนุนจากเรื่องนโยบายการเงิน ระมัดระวังเรื่องภัยแล้ง ราคาน้ำมัน ภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ในภาพรวมถือว่าเป็นการยืนยันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
“วันนี้มี 2 เรื่องที่ถือว่า ครม.ได้ยกเลิกมาตรการที่เป็นมาตรการชั่วคราว เรื่องแรกคือมาตรากรน้ำฟรี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ 6 มาตรการและต่อมาเป็น 5 มาตรการ ขณะนี้คิดว่ามาตรการนี้สมควรจะยกเลิก ทำให้เรื่องค่าน้ำกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่มาตรการอื่นๆ ทั้งเรื่องรถเมล์ รถไฟและค่าไฟนั้นยังคงไว้ต่ออีก 3 เดือน จากนั้นจะมีการประเมินกันอีกครั้ง”นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ที่ประชุมครม.ยังเห็นด้วยในการยกเลิกมาตรการกระตุ้นเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีเรื่องการลดค่าธรรมเนียมการโอน ภาษีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโดยปกติจะสิ้นสุดในวันที่ 28 มีนาคม ครม.ต้องการให้ชัดเจนตั้งแต่วันนี้ว่ามาตรการที่จะหมดอายุนั้นจะไม่มีการต่อ ฉะนั้นใครที่ประสงค์จะได้ประโยชน์จากมาตรการเหล่านี้ก็ต้องไปเร่งดำเนินการทำธุรกรรมการโอนก่อนวันที่ 28 มีนาคม
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การขยายเวลามาตรการลดภาระค่าครองชีพสำหรับค่าไฟฟ้า รถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถไฟชั้น 3 ฟรี ออกไปจากเดิมที่จะครบกำหนดเดือนมีนาคม เป็นเดือนมิถุนายน 2553
การขยายเวลามาตรการลดค่าครองชีพดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าฟรี สำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน มีผู้ได้รับประโยชน์สูงถึง 8 ล้านครัวเรือน ส่วนค่ารถเมล์ และรถไฟฟรี สามารถช่วยผู้มีรายได้น้อยได้ดี จึงต่ออายุ 3 มาตรการดังกล่าว ขณะที่ค่าน้ำประปาที่รัฐบาลได้ลดปริมาณการช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่องจาก 50 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือนต่อครัวเรือน เหลือ 30 ลูกบาศก์เมตร และ 20 ลูกบาศก์เมตร ก่อนจะยกเลิกไปในที่สุด เนื่องจากเห็นว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเรื่องค่าน้ำประปาอยู่ประมาณ 15-50 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งเป็นภาระที่ประชาชนน่าจะรับได้ จึงยกเลิกช่วยเหลือค่าน้ำประปาไป สำหรับมาตรการช่วยค่าครองชีพทั้ง 3 มาตรการ จะใช้งบประมาณชดเชยรวมประมาณ 4,500 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่า มาตรการช่วยลดค่าครองชีพ ประกอบด้วย มาตรการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือน โดยรัฐบาล รับภาระค่าใช้ไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน การรับภาระค่าใช้จ่ายรถโดยสารประจำทางธรรมดาของ ขสมก. จำนวน 800 คันต่อวัน ใน 73 เส้นทาง รับภาระค่าใช้จ่ายรถไฟชั้น 3 จำนวน 164 ขบวนต่อวัน และรถไฟชั้น 3 ระยะทางไกลในขบวนรถเชิงพาณิชย์จำนวน 8 ขบวนต่อวัน
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงที่มาว่า สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในระดับหนึ่ง
***อสังหาฯ ฟื้นแล้วไม่ต้องอุ้ม
สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ครม.เห็นควรไม่ขยายระยะเวลามาตรการที่จะสิ้นสุดวันที่ 28 มีนาคมนี้ นากรณ์กล่าวว่าเนื่องจากเห็นว่า ที่ผ่านมา มาตรการดังกล่าวช่วยฟื้นภาคอสังหาริมทรัพย์และช่วยเหลือภาคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งแรงงาน วัสดุก่อสร้างได้แล้ว โดยกระตุ้นให้คนซื้อบ้านมากขึ้น สังเกตจากการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และผลประกอบการธุรกิจสังหาริมทรัพย์เริ่มมีกำไรมากขึ้น ถือว่าประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือไปแล้ว มาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่จะหมดอายุ ประกอบด้วย การลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะเหลือร้อยละ 0.1 จากร้อยละ 3.3 การลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ จากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01
