2 โจรนักล้วงสิ้นท่า หน้า สน.บางรัก หลังก่อเหตุฉกกระเป๋าสตางค์ชาวปากีสถาน เหยื่อรู้ตัวตะโกนขอความช่วยเหลือ ตำรวจทั้งโรงพักวิ่งไล่จับได้พร้อมเงินสดของกลางคามือ
วันนี้ (24 ก.พ.) เมื่อวลา 17.30 น.ขณะที่ พ.ต.ท.ฟ้าฟื้น ม่วงจินดา สวป.สน.บางรัก พ.ต.ท.ศาสตรา อ่อนรัศมี สว.สส.สน.บางรัก และ ด.ต.แมน ยกย่อง สายตรวจ สน.บางรัก เข้าเวรที่ สน.บางรัก ถนนนเรศ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม.ได้มีเสียงร้องโวยวายมาจากบนรถเมล์สาย 1 ครีม-แดง วิ่งระหว่างสนามหลวง-ถนนตก ว่าให้ช่วยจับโจรล้วงกระเป๋า
จึงรีบเข้าไปจับกุมคนร้ายทราบชื่อภายหลัง คือ นายกวย วงศ์ษา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 บ้านโคกทอง ต.ดอกไม้ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด อาชีพเดิมขับวิน จยย.ที่ พระประแดง สมุทรปราการ และ นายดุสิต กุลวงศ์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ม.9 ต.ดอกไม้ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด อาชีพทำนา ได้พร้อมของกลางคามือนายกวย เป็นเงินสดสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 1,500 ดอลลาร์ เงินไทยจำนวน 1,780 บาท ที่หน้า สน.นั่นเอง จึงแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์
พ.ต.ท.ศาสตรา กล่าวว่า ผู้เสียหายคือ นายอัสมุค กุมาร อายุ 46 ปี ชาวปากีสถาน มีอาชีพเปิดร้านอาหารที่ย่านบางรัก ได้ขึ้นรถเมล์สาย 1 จากบริเวณช่วงพาหุรัดเพื่อมาดูแลร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลจาก สน.บางรัก เท่าใดนัก ซึ่งช่วงที่เกิดเหตุ ขณะรถวิ่งผ่าน สน.บางรัก รู้สึกว่ามีคนมาล้วงกระเป๋ากางเกงด้านซ้าย แล้วกำลังจะวิ่งหลบหนี จึงร้องตะโกนให้คนช่วย โชคดีที่ตอนเกิดเหตุอยู่หน้า สน.มีตำรวจเข้าเวรหลายนายจึงรีบวิ่งกรูกันเข้ามาจับกุม ทั้งนี้ คนร้ายมักจะเลือกนั่งรถเมล์สายดังกล่าวเนื่องจากวิ่งผ่านเยาวราช และพาหุรัด เพราะชาวต่างชาติผู้มีฐานะชอบนั่งรถเมล์สายนี้
สอบสวน นายกวย รับสารภาพว่า เดินทางมาเช่าพระเครื่องที่สนามหลวง และกำลังจะกลับบ้านพักที่พระประแดง โดยขึ้นรถเมล์สาย 1 จากนั้น นายอัสมุค ผู้เสียหายขึ้นตามมาที่หลังแล้วนั่งอยู่ข้างๆ ระหว่างนั้นสังเกตเห็นเหยื่อควักกระเป๋าจ่ายค่ารถเมล์ ภายในมีเงินเป็นฟ่อน จึงเกิดความโลภ วางแผนให้นายดุสิต ทำหน้าที่ยืนบังเหยื่อเพื่อไม่ให้ผู้โดยสารคนอื่นเห็น
นายกวย กล่าวต่อว่า จากนั้นตนก็ไปล้วงกระเป๋า นายอัสมุค แต่มือหนักไปหน่อยเจ้าทุกข์รู้ตัว จึงตะโกนให้คนช่วย จังหวะเดียวกับที่รถวิ่งมาถึงหน้าโรงพักพอดี จึงถูกจับกุมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อ 20 ปีที่แล้วเคยถูกจับกุมข้อหาลักโทรศัพท์มือถือ ที่ สน.สำราญราษฎร์ ติดคุกปีครึ่ง