2 คนร้ายทำทีดูรถในเต็นท์ ย่านถนนกาญจนาฯ อาศัยทีเผลอมีดจี้ เตะผ่าหมากเสี่ยเจ้าของเต็นท์ งัดตู้ฉกเงินสด 3 แสนขึ้น จยย.ขับหนีไปได้ ตำรวจคาดเป็นคนในพื้นที่เพราะชำนาญทาง สั่งเก็บลายนิ้วมือที่เกิดเหตุ พร้อมตรวจวงจรปิดเร่งล่าตัว
วันนี้ (7 ม.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น. พ.ต.ท.สุรวุฒิ กุมภีพงษ์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ภายในเต็นท์ขายรถมือสอง บริษัท วี.เอส.มอเตอร์ จำกัด เลขที่ 105/234 หมู่ 4 ถนนกาญจนาภิเษกขาออก แขวงและเขตบางบอน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชาญ แก้วท่าไม้ ผกก.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ท.ไกรวิทย์ อุณหก้องไตรภพ สว.สส. ร.ต.อ.ภีรชาติ คุ้มสังข์ รอง สว.สส. และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นเต็นท์ขายรถยนต์ยี่ห้อไดฮัทสุ ซึ่งเป็นรถมือสองนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น จากการตรวจสอบในสำนักงานขาย พบนายไชยภพ ชัยพรพิศุทธิ์ หรือ “เฮียฮีม” อายุ 54 ปี เจ้าของเต็นท์อยู่ในสภาพสะบักสะบอม มีบาดแผลถูกมีดแทงเข้าที่ปลายคางเลือดไหลโชก เบื้องต้นถูกนำตัวส่ง รพ.บางกอก 8 อินเตอร์เนชั่นแนล ให้แพทย์ทำการเย็บ จำนวน 8 เข็ม ส่วนสภาพภายในสำนักงานมีร่องรอยการรื้อค้นโดยเฉพาะลิ้นชักเก็บของสูง 3 ชั้นตั้งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานถูกคนร้ายงัดจนได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจึงทำการเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายไปตรวจสอบกับข้อมูลประวัติอาชญากรเพื่อหาเบาะแสติดตามตัวมาดำเนินคดี
ต่อมานายไชยภพได้เดินทางกลับจากโรงพยาบาลมาที่เต็นท์อีกครั้ง ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อวานนี้ช่วงเวลาประมาณ 18.00 น.มีคนร้ายชายวัยรุ่น อายุ 25-30 ปี จำนวน 2 คน คนแรกรูปร่างสูงโปร่ง ไว้ผมรองทรง อีกคนรูปร่างเตี้ยล่ำ ผมสั้น เดินเท้าเข้ามาทำทีดูรถในเต็นท์ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาที่ตนกำลังจะกลับบ้านแล้วจึงนัดหมายให้มาดูรถใหม่ในวันนี้ โดยระหว่างที่ตนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ปรากฏว่าคนร้ายทั้ง 2 รายก็ย้อนกลับมาใหม่จริงๆ แต่หนนี้กลับบุกเข้ามาก่อเหตุชิงทรัพย์ โดยคนแรกที่ตัวสูงกว่าชักมีดคัตเตอร์เข้ามาจ่อที่คอแล้วกดศีรษะตนลงจนคางถูกคมมีดได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนร้ายอีกคนวิ่งเข้ามาเตะผ่าหมากจนตนล้มฟุบแล้วคร่อมร่างตนเอาไว้ไม่ให้ขัดขืน ปล่อยให้เพื่อนงัดตู้เก็บของด้านหลังโต๊ะทำงานแล้วฉกกระเป๋าเก็บเงินสดจำนวน 300,000 บาท พากันวิ่งหลบหนีไปสตาร์ทเครื่องจักรยานยนต์แบบผู้หญิง ไม่ทราบยี่ห้อ รุ่น สีเขียวคาดดำ เร่งเครื่องหลบหนีไปทางถนนกาญจนาภิเษกฝั่งขาออกมุ่งหน้าถนนพระราม 2 อย่างรวดเร็ว
พ.ต.อ.ชาญกล่าวว่า หลังเกิดเหตุประสานให้ตำรวจท้องที่ข้างเคียงเร่งสกัดจับกุมคนร้ายตามรูปพรรณและยานพาหนะที่นายไชยภพให้ข้อมูลไว้แล้วแต่ยังไร้วี่แวว เชื่อว่าน่าจะเป็นคนในพื้นที่และดูลาดเลามาเป็นอย่างดี น่าเสียดายที่ทางเต็นท์ไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ส่วน รปภ.ซึ่งทางเต็นท์จ้างเอาไว้ก็ไม่สามารถจับกุมและจดจำข้อมูลเกี่ยวกับตัวคนร้ายได้เลย อย่างไรก็ตามจะเรียกตัวนายไชยภพและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไปสอบปากคำที่โรงพักอีกครั้งและให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดตามห้างร้านที่อยู่ใกล้เคียงกันเพื่อหาเบาะแสของคนร้ายก่อนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (7 ม.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น. พ.ต.ท.สุรวุฒิ กุมภีพงษ์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ภายในเต็นท์ขายรถมือสอง บริษัท วี.เอส.มอเตอร์ จำกัด เลขที่ 105/234 หมู่ 4 ถนนกาญจนาภิเษกขาออก แขวงและเขตบางบอน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชาญ แก้วท่าไม้ ผกก.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ท.ไกรวิทย์ อุณหก้องไตรภพ สว.สส. ร.ต.อ.ภีรชาติ คุ้มสังข์ รอง สว.สส. และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นเต็นท์ขายรถยนต์ยี่ห้อไดฮัทสุ ซึ่งเป็นรถมือสองนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น จากการตรวจสอบในสำนักงานขาย พบนายไชยภพ ชัยพรพิศุทธิ์ หรือ “เฮียฮีม” อายุ 54 ปี เจ้าของเต็นท์อยู่ในสภาพสะบักสะบอม มีบาดแผลถูกมีดแทงเข้าที่ปลายคางเลือดไหลโชก เบื้องต้นถูกนำตัวส่ง รพ.บางกอก 8 อินเตอร์เนชั่นแนล ให้แพทย์ทำการเย็บ จำนวน 8 เข็ม ส่วนสภาพภายในสำนักงานมีร่องรอยการรื้อค้นโดยเฉพาะลิ้นชักเก็บของสูง 3 ชั้นตั้งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานถูกคนร้ายงัดจนได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจึงทำการเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายไปตรวจสอบกับข้อมูลประวัติอาชญากรเพื่อหาเบาะแสติดตามตัวมาดำเนินคดี
ต่อมานายไชยภพได้เดินทางกลับจากโรงพยาบาลมาที่เต็นท์อีกครั้ง ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อวานนี้ช่วงเวลาประมาณ 18.00 น.มีคนร้ายชายวัยรุ่น อายุ 25-30 ปี จำนวน 2 คน คนแรกรูปร่างสูงโปร่ง ไว้ผมรองทรง อีกคนรูปร่างเตี้ยล่ำ ผมสั้น เดินเท้าเข้ามาทำทีดูรถในเต็นท์ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาที่ตนกำลังจะกลับบ้านแล้วจึงนัดหมายให้มาดูรถใหม่ในวันนี้ โดยระหว่างที่ตนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ปรากฏว่าคนร้ายทั้ง 2 รายก็ย้อนกลับมาใหม่จริงๆ แต่หนนี้กลับบุกเข้ามาก่อเหตุชิงทรัพย์ โดยคนแรกที่ตัวสูงกว่าชักมีดคัตเตอร์เข้ามาจ่อที่คอแล้วกดศีรษะตนลงจนคางถูกคมมีดได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนร้ายอีกคนวิ่งเข้ามาเตะผ่าหมากจนตนล้มฟุบแล้วคร่อมร่างตนเอาไว้ไม่ให้ขัดขืน ปล่อยให้เพื่อนงัดตู้เก็บของด้านหลังโต๊ะทำงานแล้วฉกกระเป๋าเก็บเงินสดจำนวน 300,000 บาท พากันวิ่งหลบหนีไปสตาร์ทเครื่องจักรยานยนต์แบบผู้หญิง ไม่ทราบยี่ห้อ รุ่น สีเขียวคาดดำ เร่งเครื่องหลบหนีไปทางถนนกาญจนาภิเษกฝั่งขาออกมุ่งหน้าถนนพระราม 2 อย่างรวดเร็ว
พ.ต.อ.ชาญกล่าวว่า หลังเกิดเหตุประสานให้ตำรวจท้องที่ข้างเคียงเร่งสกัดจับกุมคนร้ายตามรูปพรรณและยานพาหนะที่นายไชยภพให้ข้อมูลไว้แล้วแต่ยังไร้วี่แวว เชื่อว่าน่าจะเป็นคนในพื้นที่และดูลาดเลามาเป็นอย่างดี น่าเสียดายที่ทางเต็นท์ไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ส่วน รปภ.ซึ่งทางเต็นท์จ้างเอาไว้ก็ไม่สามารถจับกุมและจดจำข้อมูลเกี่ยวกับตัวคนร้ายได้เลย อย่างไรก็ตามจะเรียกตัวนายไชยภพและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไปสอบปากคำที่โรงพักอีกครั้งและให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดตามห้างร้านที่อยู่ใกล้เคียงกันเพื่อหาเบาะแสของคนร้ายก่อนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป