xs
xsm
sm
md
lg

ติงนักเลือกตั้งมุ่งชูนโยบายประชานิยมหลอกชาวบ้าน-ไม่พูดถึงแหล่งที่มาของเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิทูรย์ กมลนฤเมธ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น
ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ปธ.อุตสาหกรรมขอนแก่นติงพรรคการเมืองใหญ่ มุ่งแต่ชูนโยบายประชานิยมเอาใจชาวบ้านโดยไม่มองความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติ ซ้ำไม่เคยพูดถึงแหล่งที่มาของงบประมาณก้อนมหาศาลที่ต้องใช้ ขณะที่ชาวบ้านเจ้าของสิทธิเองเห็นแก่ความสะดวกสบายมากกว่าที่จะเลือกคนดีเป็นผู้แทน เชื่อหลังเลือกตั้งเพื่อไทยหรือประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล บ้านเมืองก็ยังไม่สงบ

นายวิทูรย์ กมลนฤเมธ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น แสดงความเห็นต่อนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆโดยเฉพาะ2 พรรคใหญ่ที่ชิงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า นโยบายประชานิยมของแต่ละพรรค มุ่งแต่จะเอาใจชาวบ้านคนยากคนจนเพียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียงเท่านั้น ไม่คำนึงถึงความเป็นไปได้ในการปฏิบัติที่จะนำนโยบายเหล่านั้นมาใช้ได้จริง เพราะแนวนโนบายประชานิยมที่โฆษณาชวนเชื่อต่างๆต้องใช้เงินงบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาล คิดเป็น 2-3 เท่าของงบประมาณแผ่นดิน แล้วจะนำเงินเหล่านั้นมาจากไหน

แต่ละพรรคที่หาเสียงไม่ได้พูดถึงแหล่งที่มาของเงินงบประมาณ ที่จะนำมาใช้จ่ายในแต่ละโครงการที่ใช้อ้างอิงหาเสียงกับชาวบ้านเลย ชาวบ้านเองก็หลงเชื่อคิดว่าจะเป็นจริงตามนั้น ปรากฏการณ์ทางการเมืองที่หาเสียง โดยยึดนโยบายประชานิยมเกินจริงเป็นหลักดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ใช้สิทธิในบ้านเราไม่ได้คิด วิเคราะห์อะไรมาก ขอแค่มีความหวังกับความสะดวกสบายที่จะได้รับจากผู้แทนหรือรัฐบาลที่ตัวเองเลือกเข้าไปเท่านั้น คุณภาพหรือความเป็นคนดีมีจริยธรรมของผู้สมัคร ส.ส.ไม่เกี่ยว

“ปัจจัยด้านการเงินเพียงอย่างเดียว ที่ชี้วัดว่าผู้สมัคร ส.ส.หรือพรรคการเมืองใดจะเข้าถึงชาวบ้านได้มากกว่ากันก็จะได้รับเลือก ใครเป็นคนดีหรือคนไม่ดีไม่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้สิทธิ เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากสำหรับระบบการเมืองไทย”นายวิทูรย์กล่าว

ทั้งนี้ นายวิทูรย์ได้ยกตัวอย่างนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองหนึ่ง ที่ระบุว่าหากเลือกผู้สมัครของพรรคเป็นผู้แทนจำนวนมากๆ และได้เป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลจะปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทว่าในความเป็นจริงเป็นไปไม่ได้ เพราะการกำหนดอัตราค่าแรงขั้นต่ำขึ้นอยู่กับว่าพื้นที่จังหวัดนั้นๆ มีอัตราค่าครองชีพสูง-ต่ำแตกต่างกันมากกี่มากน้อย จังหวัดใดค่าครองชีพสูงค่าแรงขั้นต่ำก็จะสูงกว่าในจังหวัดที่มีค่าครองชีพที่ต่ำกว่า เช่น จะกำหนดค่าแรงขั้นต่ำจังหวัดภูเก็ตเท่ากับจังหวัดอำนาจเจริญไม่ได้

นโยบายที่ใช้หาเสียงประเด็นค่าแรงขั้นต่ำดังกล่าว ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการกังวลเป็นอย่างมาก เพราะหากเป็นจริงจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม-การลงทุน โดยตรงอย่างรุนแรง ต้นทุนค่าจ้างของโรงงานอุตสาหกรรมจะเพิ่มสูงขึ้นทันที โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้แรงงานจำนวนมาก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรืออุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น

โรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้ไม่สามารถรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ ก็จะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ใช้ต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า ท้ายสุดประเทศไทยก็จะประสบปัญหาการว่างงาน กระทบต่อการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ที่สำคัญธุรกิจ SMEs จะล้มหายไปจากระบบอุตสาหกรรมไทย

อย่างไรก็ตาม ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่นระบุว่าหลังเลือกตั้ง 3 ก.ค.นี้ไม่ว่าขั้วไหน พรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาธิปัตย์จะช่วงชิงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ ก็เชื่อว่าบ้านเมืองจะเกิดความวุ่นวาย ยังไม่ต้องมองไปไกลถึงขั้นว่านโยบายประชานิยมที่ใช้หาเสียงกัน จะนำไปปฏิบัติได้จริงหรือไม่ เพราะผู้สนับสนุนของฝ่ายตรงข้ามจะออกมาชุมนุม โดยเฉพาะประเด็นที่พรรคเพื่อไทยจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯพ้นผิดจากคดีอาญา และหวนกลับมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองไทยอีกจะเป็นชนวนที่ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยออกมาต่อต้าน

“ทางออกของประเทศไทยหลังเลือกตั้งต้องไม่ใช่การนิรโทษกรรม ต้องพยายามสร้างความปรองดอง ซึ่งความปรองดองจะเกิดขึ้นได้คู่กรณีแต่ละฝ่ายต้องยอมถอยคนละก้าว เพื่อร่วมกันนำพาประเทศให้ก้าวเดินต่อไปได้ ส่วนคดีความต่างๆก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม”นายวิทูรย์กล่าวและเสริมต่อว่า

บรรยากาศการเมือง ณ ขณะนี้ถือว่าไม่มีปัจจัยเอื้อให้ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมคาดหวังใดๆ กับรัฐบาลใหม่ได้ ผู้ประกอบการต้องพึ่งตัวเองให้มากที่สุดเพื่อประคองกิจการให้พ้นห้วงวิกฤตทางการเมืองไปให้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น