ASTVผู้จัดการรายวัน - บิวท์ ทู บิวด์ ระบุเศรษฐกิจ-การเมืองอยู่ในอาการน่าเป็นห่วง ขณะที่วิกฤตเงินเฟ้อในครึ่งปีหลังส่งผลราคาบ้านปรับขึ้นแน่ 5-10% พร้อมเผยสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านระดับบนชะลอตัว ขณะที่บ้าน 1-3 ล้านบาทโตมากสุด ส่วนบ้าน 3-5 ล้านบาทอยู่ในเกณฑ์ดี แต่หากมีแรงหนุนด้านสินจากรัฐ-แบงก์เชื่อตลาดคึกคักแน่
นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทบิวท์ ทู บิวด์ ประกอบด้วย บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด, บริษัท บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด และ บริษัท สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังคงต้องเผชิญกับสภาวะการชะลอตัวที่เริ่มส่งสัญญาณรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยจะเห็นได้จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในช่วงขาขึ้น อีกทั้งสถานการณ์ทางการเมืองอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง และต้องยอมรับว่าทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ล้วนสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค ผลกระทบที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ การปรับขึ้นราคาสินค้าอุปโภค บริโภคตามภาวะเงินเฟ้อและราคาพลังงานที่สูงขึ้น
โดยในส่วนของธุรกิจรับสร้างบ้านเองได้เผชิญกับภาวะการปรับขึ้นราคาของวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างที่ยังคงทยอยปรับราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นราคาเหล็ก ปูนซีเมนต์ และสุขภัณฑ์ รวมไปถึง การปรับขึ้นค่าแรงงานและปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น
นอกจากนี้ จากสถิติข้อมูลราคาสร้างบ้านที่ผ่านมาพบว่า ราคาบ้านในแต่ละปีจะปรับขึ้นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5% อยู่แล้ว แต่สำหรับช่วงวิกฤตเงินเฟ้อที่น่าจะมีแรงกดดันมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทำให้คาดการณ์ได้ว่า ราคาบ้านน่าจะปรับขึ้นมากถึง 5-10% และคาดว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสูงไปจนถึงปี 2555 เพราะขณะนี้ราคาเหล็ก คอนกรีต และแรงงานได้ทยอยปรับขึ้นมาโดยตลอด ดังนั้น จึงเห็นว่าช่วงเวลาดังกล่าวนี้นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการตัดสินใจปลูกสร้างบ้าน เพราะหากชะลอการตัดสินใจออกไปก็จะต้องสร้างบ้านแพงขึ้นกว่าเดิม
นายสุธี กล่าวต่อว่า เมื่อได้พิจารณาภาพรวมของลูกค้าในกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ซึ่งทำตลาดรับสร้างบ้านครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในทุกระดับราคา เริ่มตั้งแต่ 1 ล้านบาท จนถึง 20 ล้านบาท พบว่า มีความสอดคล้องกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ดังนี้
กลุ่มลูกค้าของบริษัทที่สร้างบ้านในระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป หรือบ้านระดับบน นับเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ มีเงินเก็บออม มีความพร้อมและมั่นคงในสถานะการเงิน และเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไม่มากนัก
ดังนั้น การตัดสินใจจึงขึ้นอยู่กับความพร้อมของลูกค้าเป็นหลัก อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจจะไม่กระทบลูกค้ากลุ่มนี้ แต่มีผลกระทบต่อจิตวิทยาทำให้ชะลอการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านออกไป
กลุ่มลูกค้าสร้างบ้านในระดับราคา 5-10 ล้านบาท หรือบ้านระดับกลาง – บน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้บริหารระดับกลาง-สูง เป็นแพทย์ วิศวกร ทนายความ หรือเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจไม่มากก็น้อย โดยจะได้รับผลกระทบทั้งทางด้านแรงซื้อและจิตวิทยา จึงมีผลทำให้เกิดการชะลอตัดสินใจ ซึ่งพฤติกรรมของลูกค้าในกลุ่มนี้โดยส่วนใหญ่แล้วจะเฝ้าติดตามสถานการณ์ข่าวสารอย่างใกล้ชิด และจะนำข้อมูลที่ได้มาประกอบการตัดสินใจ เพราะลูกค้าบางรายยังคงต้องพึ่งพาสถาบันการเงินอยู่บ้าง แต่ในที่สุดแล้ว เมื่อสถานการณ์อยู่ในระดับที่ปลอดภัยหรือวางใจได้ ลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะรีบตัดสินใจปลูกสร้างบ้านทันที
กลุ่มลูกค้าลูกค้า “บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์” สร้างบ้านในระดับราคา 3-5 ล้านบาท หรือบ้านระดับกลาง จากข้อมูลพบว่า โดยส่วนใหญ่ลูกค้าที่สร้างบ้านในระดับราคา 3-5 ล้านบาท เป็นกลุ่มที่มีอัตราการสร้างบ้านอยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ แต่ส่วนใหญ่ เป็นบ้านหลังแรก มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างบ้าน ดังนั้น การชะลอการตัดสินใจจึงมีผลน้อยกว่า และใช้เวลาในการตัดสินใจได้เร็วกว่าบ้านราคาสูง อย่างไรก็ตาม ลูกค้ากลุ่มนี้เกือบ 60% ยังคงต้องพึ่งพาสถาบันการเงิน ดังนั้น หากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนเรื่องสินเชื่อมากขึ้นกว่านี้ ก็จะทำให้ตลาดรับสร้างบ้านในระดับราคา 3-5 ล้านบาทนี้ คึกคักมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
กลุ่มลูกค้า “สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์” สร้างบ้านในระดับราคา 1-3 ล้านบาท หรือบ้านระดับล่าง – กลาง ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีฐานใหญ่ที่สุดของตลาด จะพบว่า ได้ผลตอบรับค่อนข้างดีมาก แม้ว่าจะได้รับผลกระทบเรื่องเศรษฐกิจโดยตรง และต้องพึ่งพาสถาบันการเงินเป็นหลัก แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเพราะมีการวางแผนที่จะสร้างบ้านมาเป็นอย่างดี เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มนี้เกือบทั้งหมดเป็นบ้านหลังแรก ได้วางแผนที่จะมีบ้านมานานแล้ว เก็บออมเงินมาแล้ว ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือ ลูกค้ากลุ่มนี้ได้เปลี่ยนพฤติกรรมจากเดิมที่เคยใช้บริการสร้างบ้านกับผู้รับเหมาก่อสร้างทั่วไป ได้เปลี่ยนมาใช้บริการจากบริษัทรับสร้างบ้านที่มีมาตรฐานและเป็นมืออาชีพ
ทั้งนี้บริษัท บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด และ บริษัท สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด ได้จัดกิจกรรมพิเศษขึ้นเพื่อฉลองการสร้างบ้านครบ 1,000 หลัง โดยเชิญลูกค้าที่จองสร้างบ้านแบบบ้านมาตรฐานกับบริษัทฯ ทุกหลัง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2554 มาร่วมลุ้นจับรางวัลใหญ่รถยนต์ HONDA BRIO จำนวน 3 คัน และรถจักรยานยนต์ YAMAHA FINO และ SPARK NANO จำนวน 12 คัน นอกจากนี้ ยังมีของสมนาคุณอื่นๆ อีก นับรวมมูลค่า มากกว่า 1.5 ล้านบาท โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2554 นี้ ที่สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ บนถนนอ่อนนุช 46
นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทบิวท์ ทู บิวด์ ประกอบด้วย บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด, บริษัท บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด และ บริษัท สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังคงต้องเผชิญกับสภาวะการชะลอตัวที่เริ่มส่งสัญญาณรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยจะเห็นได้จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในช่วงขาขึ้น อีกทั้งสถานการณ์ทางการเมืองอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง และต้องยอมรับว่าทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ล้วนสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค ผลกระทบที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ การปรับขึ้นราคาสินค้าอุปโภค บริโภคตามภาวะเงินเฟ้อและราคาพลังงานที่สูงขึ้น
โดยในส่วนของธุรกิจรับสร้างบ้านเองได้เผชิญกับภาวะการปรับขึ้นราคาของวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างที่ยังคงทยอยปรับราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นราคาเหล็ก ปูนซีเมนต์ และสุขภัณฑ์ รวมไปถึง การปรับขึ้นค่าแรงงานและปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น
นอกจากนี้ จากสถิติข้อมูลราคาสร้างบ้านที่ผ่านมาพบว่า ราคาบ้านในแต่ละปีจะปรับขึ้นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5% อยู่แล้ว แต่สำหรับช่วงวิกฤตเงินเฟ้อที่น่าจะมีแรงกดดันมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทำให้คาดการณ์ได้ว่า ราคาบ้านน่าจะปรับขึ้นมากถึง 5-10% และคาดว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสูงไปจนถึงปี 2555 เพราะขณะนี้ราคาเหล็ก คอนกรีต และแรงงานได้ทยอยปรับขึ้นมาโดยตลอด ดังนั้น จึงเห็นว่าช่วงเวลาดังกล่าวนี้นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการตัดสินใจปลูกสร้างบ้าน เพราะหากชะลอการตัดสินใจออกไปก็จะต้องสร้างบ้านแพงขึ้นกว่าเดิม
นายสุธี กล่าวต่อว่า เมื่อได้พิจารณาภาพรวมของลูกค้าในกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ซึ่งทำตลาดรับสร้างบ้านครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในทุกระดับราคา เริ่มตั้งแต่ 1 ล้านบาท จนถึง 20 ล้านบาท พบว่า มีความสอดคล้องกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ดังนี้
กลุ่มลูกค้าของบริษัทที่สร้างบ้านในระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป หรือบ้านระดับบน นับเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ มีเงินเก็บออม มีความพร้อมและมั่นคงในสถานะการเงิน และเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไม่มากนัก
ดังนั้น การตัดสินใจจึงขึ้นอยู่กับความพร้อมของลูกค้าเป็นหลัก อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจจะไม่กระทบลูกค้ากลุ่มนี้ แต่มีผลกระทบต่อจิตวิทยาทำให้ชะลอการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านออกไป
กลุ่มลูกค้าสร้างบ้านในระดับราคา 5-10 ล้านบาท หรือบ้านระดับกลาง – บน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้บริหารระดับกลาง-สูง เป็นแพทย์ วิศวกร ทนายความ หรือเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจไม่มากก็น้อย โดยจะได้รับผลกระทบทั้งทางด้านแรงซื้อและจิตวิทยา จึงมีผลทำให้เกิดการชะลอตัดสินใจ ซึ่งพฤติกรรมของลูกค้าในกลุ่มนี้โดยส่วนใหญ่แล้วจะเฝ้าติดตามสถานการณ์ข่าวสารอย่างใกล้ชิด และจะนำข้อมูลที่ได้มาประกอบการตัดสินใจ เพราะลูกค้าบางรายยังคงต้องพึ่งพาสถาบันการเงินอยู่บ้าง แต่ในที่สุดแล้ว เมื่อสถานการณ์อยู่ในระดับที่ปลอดภัยหรือวางใจได้ ลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะรีบตัดสินใจปลูกสร้างบ้านทันที
กลุ่มลูกค้าลูกค้า “บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์” สร้างบ้านในระดับราคา 3-5 ล้านบาท หรือบ้านระดับกลาง จากข้อมูลพบว่า โดยส่วนใหญ่ลูกค้าที่สร้างบ้านในระดับราคา 3-5 ล้านบาท เป็นกลุ่มที่มีอัตราการสร้างบ้านอยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ แต่ส่วนใหญ่ เป็นบ้านหลังแรก มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างบ้าน ดังนั้น การชะลอการตัดสินใจจึงมีผลน้อยกว่า และใช้เวลาในการตัดสินใจได้เร็วกว่าบ้านราคาสูง อย่างไรก็ตาม ลูกค้ากลุ่มนี้เกือบ 60% ยังคงต้องพึ่งพาสถาบันการเงิน ดังนั้น หากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนเรื่องสินเชื่อมากขึ้นกว่านี้ ก็จะทำให้ตลาดรับสร้างบ้านในระดับราคา 3-5 ล้านบาทนี้ คึกคักมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
กลุ่มลูกค้า “สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์” สร้างบ้านในระดับราคา 1-3 ล้านบาท หรือบ้านระดับล่าง – กลาง ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีฐานใหญ่ที่สุดของตลาด จะพบว่า ได้ผลตอบรับค่อนข้างดีมาก แม้ว่าจะได้รับผลกระทบเรื่องเศรษฐกิจโดยตรง และต้องพึ่งพาสถาบันการเงินเป็นหลัก แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเพราะมีการวางแผนที่จะสร้างบ้านมาเป็นอย่างดี เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มนี้เกือบทั้งหมดเป็นบ้านหลังแรก ได้วางแผนที่จะมีบ้านมานานแล้ว เก็บออมเงินมาแล้ว ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือ ลูกค้ากลุ่มนี้ได้เปลี่ยนพฤติกรรมจากเดิมที่เคยใช้บริการสร้างบ้านกับผู้รับเหมาก่อสร้างทั่วไป ได้เปลี่ยนมาใช้บริการจากบริษัทรับสร้างบ้านที่มีมาตรฐานและเป็นมืออาชีพ
ทั้งนี้บริษัท บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด และ บริษัท สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด ได้จัดกิจกรรมพิเศษขึ้นเพื่อฉลองการสร้างบ้านครบ 1,000 หลัง โดยเชิญลูกค้าที่จองสร้างบ้านแบบบ้านมาตรฐานกับบริษัทฯ ทุกหลัง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2554 มาร่วมลุ้นจับรางวัลใหญ่รถยนต์ HONDA BRIO จำนวน 3 คัน และรถจักรยานยนต์ YAMAHA FINO และ SPARK NANO จำนวน 12 คัน นอกจากนี้ ยังมีของสมนาคุณอื่นๆ อีก นับรวมมูลค่า มากกว่า 1.5 ล้านบาท โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2554 นี้ ที่สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ บนถนนอ่อนนุช 46