00 เห็นภาพ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.คนที่ประกาศตัวว่าจะกลับมาเป็นผู้นำประเทศอีกครั้ง พร้อมทั้งประกาศสร้างความ “ปรองดอง” ให้เกิดขึ้นในชาติ แต่ภาพที่ปรากฏให้เห็นฟ้องอยู่ตำตาก็คือไม่ว่าเขาและคณะเดินทางไปหาเสียงขอคะแนนกลับถูกคนเสื้อแดง “โห่ไล่” ตลอดเวลา และนับวันจะรุนแรงขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดขณะไปปราศรัยเดินตลาดหาเสียงแถวปากน้ำสมุทรปราการก็เจอคนเสื้อแดงรวมตัวกันโห่ไล่ ลักษณะก็ไม่ต่างจากที่ “เทพเทือก” เคยเจอมาก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะรู้ว่าคนเสื้อแดงพวกนี้เป็นพวก “จัดตั้ง” มาจากพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นพวกเดียวกันจุดประสงค์ต้องการ “ป่วน” อย่างเดียว รู้ๆกันอยู่
00 อีกอารมณ์หนึ่งมันก็รู้สึก “สมน้ำหน้า” เพราะรู้ทั้งรู้ว่าคนพวกนี้มันมีเจตนาเอาเปรียบฝ่ายตรงข้ามไม่ให้หาเสียงได้สะดวก ไปไหนก็มีแต่เจอไล่ เจอโห่ทำให้เสียสมาธิ สร้างบรรยากาศไม่ปลอดภัยเพื่อข่มขู่ หรืออย่างน้อยก็ทำให้อยู่ในอาการอยู่ไม่เป็นสุข ขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับฝ่ายพรรคเพื่อไทยอย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับเดินทางไปหาเสียงได้สะดวกทุกที่ ไปไหนมีแต่คนเสื้อแดงห้อมล้อมมอบดอกกุหลาบ สร้างบรรยากาศอบอวลชื่นมื่น มีคนมาแห่แหนต้อนรับคับคั่ง แต่ที่ต้องบอกว่าสมน้ำหน้าก็เพราะว่าระหว่างที่ตัวเองมีอำนาจ มีทุกอย่างอยู่ในมือกลับไม่ใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ เพราะเห็นกันตำตาอยู่แล้วว่า “หัวโจก” หลายคนมีพฤติกรรมเป็น “ผู้ก่อการร้าย” ปลุกระดมให้เผาเมืองได้ถึงสองปีซ้อน มีหลักฐานทั้งภาพและเสียงชัดเจน แต่กลายเป็นว่าคนพวกนี้เป็นพระเอก “เย้ยกฎหมาย” กันได้รายวัน นึกจะทำอะไรก็ได้ นี่ขนาด “ลูกพี่” ของพวกมันยังไม่ได้เป็นรัฐบาลยังขนาดนี้ อีกไม่นานถ้าถืออำนาจรัฐอยู่ในมือจะขนาดไหนลองหลับตานึกภาพเอาเองก็แล้วกัน
00 ดังนั้นการขอโอกาสกลับมาเป็นผู้นำประเทศของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และปชป.ถือว่าเป็นการ “เอาเปรียบ” จ้องทำร้ายบ้านเมืองอย่างที่ไม่น่าให้อภัย ซึ่งในที่นี้ก็ย่อมหมายรวมไปถึง “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ อีกด้วย เพราะคนๆนี้ไม่เคยได้สร้างความหวังให้กับคนไทยอะไรได้เลย ความจริงที่มองเห็นระหว่างที่ดูแลความมั่นคง ก็ไม่เคยเห็นสักครั้งเดียวที่จะพึ่งพาได้ มีแต่มาเกาะแข้งเกาะขาชาวบ้านเพื่อเอาตัวรอด แต่พอสถานการณ์คลี่คลายก็ “ไม่เคยเห็นหัว” ถีบหัวส่งอยู่ร่ำไป เมื่อคนทั้งสองเจอสภาพที่น่าสมเพช ไปไหนก็มีแต่คนเสื้อแดงโห่ไล่ มันก็สมควรแล้วที่จะต้องเจอแบบนี้ ก็อยากจะปรองดองกับผู้ก่อการร้ายดีนัก สมน้ำหน้า !!
00 ประกาศท่าทีออกมาชัดเจนเช่นเดียวกันว่าจะต่อต้านจนถึงที่สุดจากฝ่ายพลังชาวบ้านในนามพันธมิตรฯ หลังจากดูแนวโน้มแล้วว่า พรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ต้องใช้พิธีกรรมเลือกตั้ง โหวตจนชนะเลือกตั้ง เป้าหมายเพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาล และที่สำคัญที่สุดก็คือออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับเจ้าของพรรคคือ ทักษิณ นั่นเอง เพียงแต่อาจจะมีวิธีการที่ดูแนบเนียนกว่าเดิม แทนที่จะเดินหน้าลุยแบบทื่อๆเหมือนอย่างที่เคยทำ คราวนี้ดูแนวโน้มจะออกมาในแบบ “นิรโทษกรรม” แผ่อานิสงฆ์ไปถึงคนอื่นๆที่มีชนักปักหลังเหมือนกันอีกนับร้อยคน โดยเฉพาะพวกบ้านเลขที่ 111+109 ในคดียุบพรรค เป็นการหาแนวร่วม ซึ่งถ้าว่ากันตามความเป็นจริงบางทีก็อาจหลิ่วตายอมรับกันได้ เพราะที่ผ่านมาก็รับโทษกันไปบ้างแล้ว แม้ว่ายังทำตัวไม่สมกับการถูกสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะเข้ามา “จุ้นจ้าน”ตามปกติ แต่ถือว่าเป็นเรื่องการเมืองโดยตรง ขณะที่ความผิดของ “เหลี่ยมจัด” มันเป็นคดีคอรัปชั่น ใช้อำนาจมิชอบ ไม่เคยมีประวัติว่า “ใคร”ได้รับการลบล้างความผิด ดังนั้นการที่จะให้ ทักษิณ พ้นโทษโดยที่ไม่เคยรับโทษมันก็ถือว่า “ทุเรศ” และทำตัวเป็น “อภิสิทธิ์ชน” อย่างน่าเกลียดที่สุด รวมไปถึงการใช้ตรรกะอย่างผิดเพี้ยนด้วยการใช้การเลือกตั้งมาลบล้างคำตัดสินของศาล ดังนั้นอีกด้านหนึ่งก็อยากรอดูอยู่เหมือนกันว่าว่าพรรคเพื่อไทยจะกล้าทำตามที่พูดเอาไว้หรือไม่ !!
00 อีกอารมณ์หนึ่งมันก็รู้สึก “สมน้ำหน้า” เพราะรู้ทั้งรู้ว่าคนพวกนี้มันมีเจตนาเอาเปรียบฝ่ายตรงข้ามไม่ให้หาเสียงได้สะดวก ไปไหนก็มีแต่เจอไล่ เจอโห่ทำให้เสียสมาธิ สร้างบรรยากาศไม่ปลอดภัยเพื่อข่มขู่ หรืออย่างน้อยก็ทำให้อยู่ในอาการอยู่ไม่เป็นสุข ขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับฝ่ายพรรคเพื่อไทยอย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับเดินทางไปหาเสียงได้สะดวกทุกที่ ไปไหนมีแต่คนเสื้อแดงห้อมล้อมมอบดอกกุหลาบ สร้างบรรยากาศอบอวลชื่นมื่น มีคนมาแห่แหนต้อนรับคับคั่ง แต่ที่ต้องบอกว่าสมน้ำหน้าก็เพราะว่าระหว่างที่ตัวเองมีอำนาจ มีทุกอย่างอยู่ในมือกลับไม่ใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ เพราะเห็นกันตำตาอยู่แล้วว่า “หัวโจก” หลายคนมีพฤติกรรมเป็น “ผู้ก่อการร้าย” ปลุกระดมให้เผาเมืองได้ถึงสองปีซ้อน มีหลักฐานทั้งภาพและเสียงชัดเจน แต่กลายเป็นว่าคนพวกนี้เป็นพระเอก “เย้ยกฎหมาย” กันได้รายวัน นึกจะทำอะไรก็ได้ นี่ขนาด “ลูกพี่” ของพวกมันยังไม่ได้เป็นรัฐบาลยังขนาดนี้ อีกไม่นานถ้าถืออำนาจรัฐอยู่ในมือจะขนาดไหนลองหลับตานึกภาพเอาเองก็แล้วกัน
00 ดังนั้นการขอโอกาสกลับมาเป็นผู้นำประเทศของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และปชป.ถือว่าเป็นการ “เอาเปรียบ” จ้องทำร้ายบ้านเมืองอย่างที่ไม่น่าให้อภัย ซึ่งในที่นี้ก็ย่อมหมายรวมไปถึง “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ อีกด้วย เพราะคนๆนี้ไม่เคยได้สร้างความหวังให้กับคนไทยอะไรได้เลย ความจริงที่มองเห็นระหว่างที่ดูแลความมั่นคง ก็ไม่เคยเห็นสักครั้งเดียวที่จะพึ่งพาได้ มีแต่มาเกาะแข้งเกาะขาชาวบ้านเพื่อเอาตัวรอด แต่พอสถานการณ์คลี่คลายก็ “ไม่เคยเห็นหัว” ถีบหัวส่งอยู่ร่ำไป เมื่อคนทั้งสองเจอสภาพที่น่าสมเพช ไปไหนก็มีแต่คนเสื้อแดงโห่ไล่ มันก็สมควรแล้วที่จะต้องเจอแบบนี้ ก็อยากจะปรองดองกับผู้ก่อการร้ายดีนัก สมน้ำหน้า !!
00 ประกาศท่าทีออกมาชัดเจนเช่นเดียวกันว่าจะต่อต้านจนถึงที่สุดจากฝ่ายพลังชาวบ้านในนามพันธมิตรฯ หลังจากดูแนวโน้มแล้วว่า พรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ต้องใช้พิธีกรรมเลือกตั้ง โหวตจนชนะเลือกตั้ง เป้าหมายเพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาล และที่สำคัญที่สุดก็คือออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับเจ้าของพรรคคือ ทักษิณ นั่นเอง เพียงแต่อาจจะมีวิธีการที่ดูแนบเนียนกว่าเดิม แทนที่จะเดินหน้าลุยแบบทื่อๆเหมือนอย่างที่เคยทำ คราวนี้ดูแนวโน้มจะออกมาในแบบ “นิรโทษกรรม” แผ่อานิสงฆ์ไปถึงคนอื่นๆที่มีชนักปักหลังเหมือนกันอีกนับร้อยคน โดยเฉพาะพวกบ้านเลขที่ 111+109 ในคดียุบพรรค เป็นการหาแนวร่วม ซึ่งถ้าว่ากันตามความเป็นจริงบางทีก็อาจหลิ่วตายอมรับกันได้ เพราะที่ผ่านมาก็รับโทษกันไปบ้างแล้ว แม้ว่ายังทำตัวไม่สมกับการถูกสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะเข้ามา “จุ้นจ้าน”ตามปกติ แต่ถือว่าเป็นเรื่องการเมืองโดยตรง ขณะที่ความผิดของ “เหลี่ยมจัด” มันเป็นคดีคอรัปชั่น ใช้อำนาจมิชอบ ไม่เคยมีประวัติว่า “ใคร”ได้รับการลบล้างความผิด ดังนั้นการที่จะให้ ทักษิณ พ้นโทษโดยที่ไม่เคยรับโทษมันก็ถือว่า “ทุเรศ” และทำตัวเป็น “อภิสิทธิ์ชน” อย่างน่าเกลียดที่สุด รวมไปถึงการใช้ตรรกะอย่างผิดเพี้ยนด้วยการใช้การเลือกตั้งมาลบล้างคำตัดสินของศาล ดังนั้นอีกด้านหนึ่งก็อยากรอดูอยู่เหมือนกันว่าว่าพรรคเพื่อไทยจะกล้าทำตามที่พูดเอาไว้หรือไม่ !!