ASTVผู้จัดการรายวัน - "บังยี" วรวีร์ มะกูดี ผงาดครองเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน หลังได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งท่วมท้น 123 เสียง เหนือ "บิ๊กกร๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ที่ได้ 44 เสียง พร้อมปฏิเสธเป็นสาเหตให้ทีมชาติไทยตกต่ำ
เมื่อเวลา 12.00 น. วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2554 มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2553 โดยมีวาระสำคัญคือการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ณ ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ หนองจอก ซึ่งก่อนจะเริ่มประชุมก็ได้เกิดเหตุการณ์เรื่องใบมอบอำนาจซ้ำซ้อนของสโมสรโรงเรียนพยุหะวิทยา จ.นครสวรรค์ ทว่าปัญหาก็จบลงด้วยดี โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งนายกสมาคมฯ ครั้งนี้มีทั้งสิ้น 168 เสียง แบ่งเป็นสโมสรสมาชิก 149 เสียง และสภากรรมการ 19 เสียง
ซึ่งวาระการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ที่ประชุมได้แต่งตั้งให้ อ.ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ เป็นประธานที่ประชุมชั่วคราว ก่อนให้สโมสรสมาชิกเสนอชื่อผู้ที่เข้ารับการเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมฯ โดย นาวาเอกเผ่าพันธุ์ พ่วงนาคพันธุ์ ตัวแทนจากสโมสรศิษย์เก่าดอนเมืองทหารอากาศบำรุง ได้เสนอชื่อ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี เป็นผู้ท้าชิงเก้าอี้หมายเลข 1 จากนั้น นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศสโมสรชลบุรี เอฟซี ได้เสนอชื่อ "บิ๊กกร๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ เป็นผู้ท้าชิงหมายเลข 2 ถัดมา นายทรงศักดิ์ รุ่งเรือง ตัวแทนจากสโมสรเซาท์อีสบางกอก ได้เสนอชื่อ พิเชฐ มั่นคง เป็นผู้ท้าชิงหมายเลข 3 ส่วน กษิติ กมลนาวิน ไม่มีผู้ใดเสนอชื่อในครั้งนี้
จากนั้นเมื่อเวลา 13.00 น. หลังการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเสร็จสิ้นลงปรากฏฏว่า "บังยี" ได้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต่อเป็นสมัยที่ 3 ด้วยคะแนนเสียง 123 เสียง ทิ้งห่าง "บิ๊กกร๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ที่ได้ 44 เสียง และ พิเชฐ มั่นคง ที่ได้เพียง 1 เสียง
โดยภายหลังได้รับตำแหน่งประมุข "ลูกหนังไทย" อีกสมัยตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่า "จากนี้ไปจะเป็นการแต่งตั้งสภากรรมการชุดใหม่โดยพิจารณาบุคคลที่มีความสามารถและคุณสมบัติดีที่สุดเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งจะต้องเป็นทีมเวิร์ค คาดว่าอีกภายในไม่กี่วันจะทราบผล ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการปิดกั้นโอกาสใครเพราะแม้แต่คุณวิรัช ก็มีโอกาสที่จะเข้ามารับตำแหน่งสภากรรมการเช่นกัน ส่วนโค้ชทีมชาติไทยยังไม่สามารถตัดสินใจได้ในขณะนี้ เนื่องจากอีก 10 วัน ต้องเดินทางไปทำหน้าที่ในการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกที่ประเทศเยอรมนี อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาได้มีโค้ชชาวต่างชาติเสนอตัวมาทำหน้าที่รายหลาย อีกทั้งยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเป็นโค้ชชาวไทยหรือชาวต่างชาติ ที่สำคัญจากความล้มเหลวของทีมชาติที่ผ่านมาถือว่าเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งผมก็ได้เตือนนักเตะอยู่บ่อยครั้งในเรื่องความประมาท ทั้งนี้จะพยายามผลักดันให้นักกีฬารุ่นใหม่ได้เข้ามาติดทีมชาติมากขึ้น"
สำหรับกรณีของทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิค "บังยี" กล่าวว่า "ตอนนี้เรื่องก็ยังอยู่ที่ศาลกีฬาโลกขั้นตอนกระบวนการแต่งตั้งตุลาการ ซึ่งเราไม่สามารถไปแทรกแซงได้ นอกจากนี้เรายังมีเป้าหมายในรายการอื่นๆ อาทิ เราจะต้องทวงตำแหน่งแชมป์ทั้งซีเกมส์และซูซูกิ คัพ มาให้ได้ ส่วนฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก จะพยายามไปให้ไกลที่สุด".
รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้งนี้ นายวรวีร์ มะกูดี ยังมีตำแหน่ง เป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 21 ด้วย
เมื่อเวลา 12.00 น. วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2554 มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2553 โดยมีวาระสำคัญคือการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ณ ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ หนองจอก ซึ่งก่อนจะเริ่มประชุมก็ได้เกิดเหตุการณ์เรื่องใบมอบอำนาจซ้ำซ้อนของสโมสรโรงเรียนพยุหะวิทยา จ.นครสวรรค์ ทว่าปัญหาก็จบลงด้วยดี โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งนายกสมาคมฯ ครั้งนี้มีทั้งสิ้น 168 เสียง แบ่งเป็นสโมสรสมาชิก 149 เสียง และสภากรรมการ 19 เสียง
ซึ่งวาระการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ที่ประชุมได้แต่งตั้งให้ อ.ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ เป็นประธานที่ประชุมชั่วคราว ก่อนให้สโมสรสมาชิกเสนอชื่อผู้ที่เข้ารับการเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมฯ โดย นาวาเอกเผ่าพันธุ์ พ่วงนาคพันธุ์ ตัวแทนจากสโมสรศิษย์เก่าดอนเมืองทหารอากาศบำรุง ได้เสนอชื่อ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี เป็นผู้ท้าชิงเก้าอี้หมายเลข 1 จากนั้น นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศสโมสรชลบุรี เอฟซี ได้เสนอชื่อ "บิ๊กกร๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ เป็นผู้ท้าชิงหมายเลข 2 ถัดมา นายทรงศักดิ์ รุ่งเรือง ตัวแทนจากสโมสรเซาท์อีสบางกอก ได้เสนอชื่อ พิเชฐ มั่นคง เป็นผู้ท้าชิงหมายเลข 3 ส่วน กษิติ กมลนาวิน ไม่มีผู้ใดเสนอชื่อในครั้งนี้
จากนั้นเมื่อเวลา 13.00 น. หลังการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเสร็จสิ้นลงปรากฏฏว่า "บังยี" ได้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต่อเป็นสมัยที่ 3 ด้วยคะแนนเสียง 123 เสียง ทิ้งห่าง "บิ๊กกร๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ที่ได้ 44 เสียง และ พิเชฐ มั่นคง ที่ได้เพียง 1 เสียง
โดยภายหลังได้รับตำแหน่งประมุข "ลูกหนังไทย" อีกสมัยตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่า "จากนี้ไปจะเป็นการแต่งตั้งสภากรรมการชุดใหม่โดยพิจารณาบุคคลที่มีความสามารถและคุณสมบัติดีที่สุดเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งจะต้องเป็นทีมเวิร์ค คาดว่าอีกภายในไม่กี่วันจะทราบผล ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการปิดกั้นโอกาสใครเพราะแม้แต่คุณวิรัช ก็มีโอกาสที่จะเข้ามารับตำแหน่งสภากรรมการเช่นกัน ส่วนโค้ชทีมชาติไทยยังไม่สามารถตัดสินใจได้ในขณะนี้ เนื่องจากอีก 10 วัน ต้องเดินทางไปทำหน้าที่ในการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกที่ประเทศเยอรมนี อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาได้มีโค้ชชาวต่างชาติเสนอตัวมาทำหน้าที่รายหลาย อีกทั้งยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเป็นโค้ชชาวไทยหรือชาวต่างชาติ ที่สำคัญจากความล้มเหลวของทีมชาติที่ผ่านมาถือว่าเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งผมก็ได้เตือนนักเตะอยู่บ่อยครั้งในเรื่องความประมาท ทั้งนี้จะพยายามผลักดันให้นักกีฬารุ่นใหม่ได้เข้ามาติดทีมชาติมากขึ้น"
สำหรับกรณีของทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิค "บังยี" กล่าวว่า "ตอนนี้เรื่องก็ยังอยู่ที่ศาลกีฬาโลกขั้นตอนกระบวนการแต่งตั้งตุลาการ ซึ่งเราไม่สามารถไปแทรกแซงได้ นอกจากนี้เรายังมีเป้าหมายในรายการอื่นๆ อาทิ เราจะต้องทวงตำแหน่งแชมป์ทั้งซีเกมส์และซูซูกิ คัพ มาให้ได้ ส่วนฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก จะพยายามไปให้ไกลที่สุด".
รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้งนี้ นายวรวีร์ มะกูดี ยังมีตำแหน่ง เป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 21 ด้วย
