"บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ สมัยที่ 3 โยนความล้มเหลวของผลงานทีมชาติไทยตกต่ำเพราะนักเตะประมาทเอง แม้ตนจะเตือนอยู่บ่อยครั้ง พร้อมโวจะทวงแชมป์ซีเกมส์และซูซูกิ คัพ ให้ได้ ด้าน "บิ๊กกร๊อง" เปรย 44 สโมสรสมาชิกที่ตนได้มาเพราะอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของวงการ "ลูกหนังไทย" หากดีอยู่แล้วคงไม่ใครเข้ามาชิงตำแหน่งถึง 3 ราย
หลังจากทราบผลการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งเป็นไปตามคาด "บังยี" วรวีร์ มะกูดี ยึดทำเนียบนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน หลังได้รับคะแนนท่วมท้น 123 เสียง แซง "บิ๊กกร๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ที่ได้ 44 เสียง ขณะที่ พิเชฐ มั่นคง ได้เพียงเสียงเดียว ด้าน กษิติ กมลนาวิน ไม่มีผู้เสนอชื่อ
โดยภายหลังได้รับตำแหน่งประมุข "ลูกหนังไทย" อีกสมัย วรวีร์ มะกูดี ตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่า "ขอบคุณทุกท่านรวมทั้งผู้ที่สมัครเข้ามาชิงตำแหน่งที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาวงการฟุตบอลในบ้านเรา ขอบคุณพี่น้องที่ได้ลงคะแนนให้หรือที่ไม่ได้ลงคะแนนให้ ซึ่งผมมองว่าการแข่งขันครั้งนี้เป็นสิ่งที่ดีในวันข้างหน้าเราก็อยู่วงการเดียวกันคงจะได้พบกันอีก โดยอนาคตหลังจากที่ผมได้รับตำแหน่งนายกสมาคมฯ เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันนี้ ต้องเกริ่นก่อนว่าผมเป็นคนรักฟุตบอลอย่างยิ่ง เพราะเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก ผ่านการแข่งขันมาทุกถ้วยตั้งแต่ถ้วยพระราชทานประเภท ง. เปรียบเสมือนว่าฟุตบอลอยู่ในสายเลือด หลังจากนี้ผมจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด แม้จะเป็นภารกิจที่หนักหน่วง"
"จากนี้ไปจะเป็นการแต่งตั้งสภากรรมการชุดใหม่โดยผมขอพิจารณาบุคคลที่มีความสามารถและคุณสมบัติที่ดีที่สุดเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งจะต้องเป็นทีมเวิร์คที่สุด คาดว่าอีกภายในไม่กี่วันจะทราบผลได้ ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการปิดกั้นโอกาสใครเพราะคุณวิรัช ก็มีโอกาสที่จะเข้ามารับตำแหน่งสภากรรมการเช่นกัน ในส่วนการพัฒนาฟุตบอลนั้นทุกวันนี้ลีกไทยก็มีทักษะที่มั่นคงอยู่แล้ว จะเพิ่มก็เพียงการพัฒนาบุคคลากรและสนามการแข่งขันเท่านั้น นอกจากนี้หากมีอะไรที่แฟนบอลและสโมสรสมาชิกต้องการแนะนำสมาคมฯ เพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลไปด้วยกัน ทางสมาคมฯ ก็พร้อมที่จะเปิดโอกาสให้ส่งเอกสารหรือข้อความทางอินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา"
ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวเรื่องกุนซือทีมชาติรายใหม่ "บังยี" เผยว่า "ยังไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ใน ณ ขณะนี้ เนื่องจากอีก 10 วัน ผมต้องเดินทางไปทำหน้าที่บอร์ดฟีฟาในการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกที่ประเทศเยอรมนี อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาได้มีโค้ชชาวต่างชาติเสนอตัวมาทำหน้าที่รายหลาย อีกทั้งยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเป็นโค้ชชาวไทยหรือชาวต่างชาติ ที่สำคัญจากความล้มเหลวของทีมชาติที่ผ่านมาถือว่าเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งผมก็ได้เตือนนักเตะอยู่บ่อยครั้งในเรื่องความประมาท ทั้งนี้จะพยายามผลักดันให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาติดทีมชาติมากขึ้น"
"สำหรับเรื่องทีมชาติ ชุดปรีโอลิมปิค ตอนนี้เรื่องก็ยังอยู่ที่ศาลกีฬาโลกในขั้นตอนกระบวนการแต่งตั้งตุลาการ ซึ่งเราไม่สามารถไปแทรกแซงได้ นอกจากนี้เรายังมีเป้าหมายในรายการอื่นๆ อาทิ เราจะต้องทวงตำแหน่งแชมป์ทั้งซีเกมส์และซูซูกิ คัพ มาให้ได้ ส่วนฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก จะพยายามไปให้ไกลที่สุด"
ด้าน "บิ๊กกร๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ เผยหลังการเลือกตั้งว่า "รูปแบบการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างยุติธรรม ส่วนผลที่ออกมาก็ไม่ผิดความคาดหมายหลังจากที่ได้เลื่อนมาจากวันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในเมื่อผลมันออกเช่นนี้ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วย ส่วนการร่วมงานกับคุณวรวีร์นั้นส่วนตัวผมไม่มีปัญหาเพราะเราไม่ได้ขัดแย้งกัน เพียงแต่เรามีความเห็นที่แตกต่างกันเท่านั้น ซึ่งหากเชื้อเชิญผมก็พร้อมที่จะรับหน้าที่สภากรรมการสมัยที่ 3 อีกครั้ง"
"ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ที่มีผู้ท้าชิงถึง 3 คน ถือเป็นสัญญาณว่าสมาคมฯ จะต้องระมัดระวังในการบริหารการจัดการอย่างไร จากนี้ไปควรจะบริหารงานอย่างโปร่งใส ยุติธรรม เพราะคะแนนเสียงของผมที่ได้ 44 เสียงนี้ก็ถือเป็นตัวแทนสโมสรสมาชิกที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง เพราะหากดีอยู่แล้วก็คงไม่มีใครเข้ามาแตะต้อง ท้ายนี้ผมอยากฝากให้นายกสมาคมฯ ดูแลสโมสรสมาชิกให้ดีด้วย"
อนึ่งก่อนเริ่มการประชุม "บิ๊กกร๊อง" เผยว่ามีคะแนนเสียงหายไปกว่า 20 เสียง ส่วน พิเชฐ มั่นคง จากที่มั่นใจว่ามี 3 เสียง ก็เหลือเพียงเสียงเดียว