xs
xsm
sm
md
lg

ไนท์แฟรงค์ฯชี้ดีมานด์ภูเก็ตพุ่ง ตลาด3-10ล.โตรับท่องเที่ยวฟื้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ไนท์แฟรงค์ฯ ระบุดีมานด์ที่อยู่อาศัยในภูเก็ตกระเตื้องหลังการท่องเที่งฟื้นตัว ลูกค้าในพื้นที่มีรายได้สูงขึ้น ส่งผลความต้องการที่อยู่อาศัยขยายตัว แจงปี53อัตราการะบายออกสูงกว่า คิดเป็น 67.9% ของซับพลายรวม12,181 ยูนิตหรือมีอัตราระบายออกกว่า 8,265 ยูนิต ชี้ บ้านเดี่ยว 3.49-10.79 ล้านบาท,บ้านแฝดราคา 2.4-3.6 ล้านบาท,ทาวน์เฮาส์1.75-2.89 ล้านบาทความต้องการพุ่ง ขณะตลาดระดับบนยังผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ

นายณัฎฐา คหาปนะ ผู้อำนวยการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต จำกัด กล่าวว่า ตลาดอสังหาภูเก็ตเป็นตลาดที่มีลักษณะเฉพาะ การซื้อ-ขายและราคาเกิดขึ้นจากความต้องการของนักลงทุนต่างชาติจากทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาอสังหาระดับบนในภูเก็ตไม่ได้เผชิญกับภาวะซับพลายล้นตลาด เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่ขายก่อนสร้าง แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนทั่วโลกจะตกต่ำลงตั้งแต่ปี 2551จนถึงปัจจุบัน แต่จนถึงขณะนี้ยังมีผู้พัฒนาโครงการหลายรายใหญ่จากกทม.ที่มีแผนเข้าไปทำธุรกิจในภูเก็ตเพิ่มขึ้น อาทิ ศุภาลัย แลนด์แอนด์เฮาส์ พฤกษา ธนาสิริ

"นักลงทุนที่ไม่มีประสบการณ์ เข้าซื้ออสังหาฯไม่มีการพิจารณารอบด้าน โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการตัดสนิใจซื้อของลูกค้าต่างชาติ ทำให้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวจนประสบปัญหาการขาดทุน ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่น่าสนใจของตลาดอสังหาในภูเก็ตคือ ผู้ที่อาศัยในท้องถิ่น ไม่ใช่ผู้ที่สนใจบ้านหลังที่สอง หรืออสังหาสำหรับพักผ่อน ซึ่งเป็นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก"

ทั้งนี้ จับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ต้องเข้าใจในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ พฤติกรรมของลูกค้า และราคาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นสำคัญของการก้าวสู่ความสำเร็จ หากผู้พัฒนาโครงการต้องการที่จะเข้ามาในตลาดดังกล่าว ซึ่งจากผลวิจัยของบริษัท ไนท์แฟรงค์ฯ พบว่า ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยมากกว่า 80% ในภูเก็ตเป็นกลุ่มคนไทยที่ทำงานในโรงแรม เจ้าของธุรกิจ คนที่ทำงานในธนาคาร หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่รัฐ และ ครูโรงเรียนนานาชาติ นอกจากนี้ยังมีชาวต่างชาติที่แต่งงานกับคนไทยซื้อบ้านในเมืองภูเก็ต ดังนั้น ราคาขายของบ้านจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตั้งสินใจซื้อของกลุ่มลูกค้าดังกล่าว สำหรับลูกค้าคนไทยที่ซื้อที่พักอาศัยในเมืองภูเก็ต เป็นกลุ่มที่คิดว่าราคามีผลในการตัดสินใจซื้อ ซึ่งกลุ่มนี้มีงบประมาณจำกัดและมีพฤติกรรมการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยจริง

นายณัฎฐา กล่าวว่า จากการสำรวจของบริาทยังพบว่า ช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีโครงการที่พักอาศัยทั้งหมด 91 โครงการหรืมีจำนวนที่อยู่อาศัย 12,181 ยูนิตในตลาด โดยรูปแบบที่พักอาศัยส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์ประมาณ 27% บ้านเดี่ยว26% และคอนโดมิเนียม 22% ขณะที่อัตราการระบายออกอยู่ที่ 8,265 ยูนิตต่อปี คิดเป็น 67.9% ซึ่งสูงกว่าอัตราการระบายออกในปี2552 หลังจากลูกค้ามีรายได้เพิ่มสูงขึ้น จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในภูเก็ตทำซึ่งส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อกลุ่มลูกค้าในพื้นที่มีรายได้สูงขึ้นทำให้ความต้องการซื้อที่พักอาศัยเป็นของตนเองเพิ่มมากขึ้นไปด้วย โดยกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ทาวน์เฮาส์อยู่ที่ 2,509 ยูนิต ตามด้วย บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ที่ 2,374 ยูนิต และ 1,522 ยูนิตตามลำดับ

นอกจากนี้ ผลวิจัยยังระบุว่า ดีมานด์ที่พักอาศัย 2 ชั้น เป็นกลุ่มที่ขยายตัวมีมากที่สุด เนื่องจากราคาที่ดินในภูเก็ตปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่พักอาศัย 2 ชั้นจะทำให้พื้นที่ใช้สอยเกิดประโยชน์ที่สุดแก่ผู้ซื้อ อย่างไรก็ตามจำนวนดีมานด์ของที่พักอาศัยชั้นเดียวก็ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันที่พักอาศัยแบบชั้นเดียวในภูเก็ตค่อนข้างหายากแล้ว โดยเฉพาะแบบบ้านเดี่ยวซึ่งก่อนหน้านี้มีอัตราการระบายออกที่รวดเร็ว

"อย่างไรก็ตามที่อยู่อาศัยในภูเก็ต มีราคาขายแตกต่างๆไปตามสถานที่ตั้ง ขนาดของที่ดินและลักษณะเฉพาะของที่อยู่อาศัย โดยราคาขายบ้านเดี่ยวอยู่ที่ประมาณ 3.49-10.79 ล้านบาท ขณะที่บ้านแฝดอยู่ที่ประมาณ 2.4-3.6 ล้านบาทและทาวน์เฮาส์อยู่ที่ 1.75-2.89 ล้านบาท"
กำลังโหลดความคิดเห็น