**ผ่านครึ่งทางการเลือกตั้ง บรรยากาศบ้านเมืองไทยยามนี้เต็มไปด้วยภาพและเสียงเลือกตั้ง ป้ายโฆษณาหาเสียงเต็มทุกพื้นที่ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ต้นไม้แทบทุกต้นไม่มีที่ว่าง บางต้นติดกัน 2 ชั้น 3 ชั้น กว่าจะเลือกตั้งเสร็จไม่แน่ อาจตายก่อน เพราะแสงแดดส่องไม่ถึง
ทุกพรรคการเมืองต่างเดินสายหาเสียงกันขาขวิด ขายภาพพจน์หลอกลวงชาวบ้านร้านตลาด หลายพรรคการเมืองตั้งตารอการเลือกตั้งครั้งนี้มาตลอด ขณะเดียวกันประชาชนหลายภาคส่วนก็อยากเห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อจะได้รัฐบาลใหม่ๆ ที่มาจากความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
**คาดหวังว่า การเลือกตั้งจะเป็นการเปิดประตูความสงบสุขให้คนทั้งประเทศ หลังจากต้องจมปลักอยู่กับความขัดแย้งต่อเนื่องยาวนาน ต้องตกอยู่กับภาวะที่นักการเมืองบริหารการเมืองมากกว่าบริหารประเทศ จนทำให้ประชาชนตาดำๆ ต้องนั่งเศร้าดูละครการเมืองน้ำเน่า ตบตีกันไปมา โดยที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์อะไร
หนำซ้ำยังต้องตกระกำลำบาก ข้าวยากหมากแพง งบประมาณที่ได้รับเป็นเพียงเศษเงินที่กระเด็นมาหลังจากนักการเมืองรุมกินโต๊ะกันแทบหมดแล้ว
ประชาชนหลายภาคส่วนจึงมีความตื่นตัว คาดหวังต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่น้อย หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ก็อยากเห็นประเทศก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่ต้องวนเวียนอยู่กับวงจรอุบาทว์
แต่ท่ามกลางบรรยากาศการเลือกตั้งที่คึกคัก บางพรรคการเมืองก็ออกมาฟ้องประชาชนอยู่เนืองๆ ว่ากองทัพจ้องเข้ามาแทรกแซงกดดัน ต้องการให้ผลการเลือกตั้งออกมาเข้าทางฝ่ายตัวเอง
โดยพรรคเพื่อไทยออกมาโวยว่า กองทัพบกได้ส่งหน่วย ปส. 315 ชุดปราบปรามยาเสพติดลงพื้นที่ ขณะที่นักการเมืองกำลังหาเสียงอย่างขะมักเขม้น และดูเหมือนมีความพยายามเข้าไปตรวจสอบเฉพาะบางพรรคการเมือง เหมือนจงใจทำอะไรบางอย่างเพื่อเตะตัดขา เอนเอียงช่วยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ขณะที่ฝ่ายกองทัพ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกมาโต้ตอบด้วยอาการเกรี้ยวกราด ปกป้องลิ่วล้ออย่างสุดลิ่มทิ่มประตู บอกใครก็ห้ามขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วย ปส. 315 หลังโดนผู้สมัครพรรคเพื่อไทยจวกมา ก็จวกกลับแบบเผ็ดร้อน
“ท่านเป็นใครมาจากไหน มาขู่เจ้าหน้าที่ได้อย่างไร ผมไม่ยอม หากให้ทหารไป 2 คน แล้วมีปัญหาก็จะเอาทหารไป 50 คน ดูสิว่าจะมาล้อมทหารอีกหรือเปล่า ถ้าไม่ได้อีก 50 ก็เป็น 100 ถ้าทหารเข้าไปน้อยแล้วไม่ได้ ก็เอาเข้าไปให้มาก และอาจมีสห.ที่มีอำนาจหน้าที่กฎหมายทางทหารลงไปด้วย ถ้ามารังแกทหาร ผมรับไม่ได้ ยืนยันว่าจะไม่หยุดการทำหน้าที่ของปส. 315 เพราะเป็นการแก้ไขปัญหายาเสพติด ท่านไปมีส่วนร่วมกับขบวนการหรือไม่ ถึงมาขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ทำงาน”
น้ำเสียง อาการหงุดหงิดเต็มที่ ไม่สนเสียงนักการเมือง พร้อมปกป้องลิ่วล้อสุดกำลัง ยืนยันจะเดินหน้าปฏิบัติงานทางทหารต่อไป แม้บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ไม่คิดถึงกาลเทศะ หรือสนเสียงครหาเอนเอียงจ้องจัดการพรรคการเมืองบางพรรค ทั้งๆ ที่โดนตั้งแง่สงสัยมาตลอด
จากท่าทีที่แข็งกร้าวของทหาร ก็น่าเป็นห่วงบรรยากาศการเลือกตั้งที่กำลังเดินไปด้วยดีไม่น้อย เหมือนเจ้าบ่าว เจ้าสาว กำลังจะจูงมือไปเข้าห้องหอ แต่เจ้าสาวมีอันต้องโดนฉุดหนีไปดื้อๆ การขู่คำรามจากเบอร์ 1 กองทัพ ทำให้เสียบรรยากาศทางการเมืองทันที คำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ทำให้หลายคนรู้สึกไม่พอใจ หงุดหงิดเหลือเกิน เพราะดูเหมือนว่าทหารจะยังไม่ยอมรามือจากการเมือง ไม่รามือจากวังวนของอำนาจไปง่ายๆ
ทหารวางตัวเป็นผู้มีอำนาจมากบารมี เหมือนเป็นวัฒนธรรมขององค์กรในช่วงหลังไปแล้ว นักการเมืองใครจะไปใครจะมา ต้องมาค้อมหัว ซูฮกให้กองทัพ ผบ.ทบ.เหมือนเป็นนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงที่ไม่ยอมขึ้นต่อใคร ใครไม่ยอมมาอี๋อ๋อเอาใจพะเน้าพะนอ จัดงบประมาณแบบจัดหนัก ก็ทำท่าฮึ่มฮั่ม อ้างนู่น อ้างนี่
**แล้วก็ใช้ไม้ตาย ขู่ปฏิวัติ ขู่ยึดอำนาจ
หากบ้านเมืองต้องตกอยู่ในวังวนของทหารเป็นใหญ่ เป็นผู้มีอำนาจครอบจักรวาลอยู่อย่างนี้เรื่อยไป ประเทศชาติคงไม่เดินหน้าไปไหน
**การเลือกตั้งสุดท้ายก็เป็นเพียงพิธีกรรม ผลัดเปลี่ยนเวียนหน้ากันมาจัดงบประมาณให้กองทัพ สนองตัณหา ประเคนอำนาจให้กองทัพแบบเสียไม่ได้ เพื่อความอยู่รอดของการเมือง ความอยู่รอดของรัฐบาลนั้นๆ
ไม่รู้ว่าวัฒนธรรมแบบนี้จะหมดไปจากเมืองไทยเมื่อไหร่ คนไทยจะหลุดพ้นกับภาวะวิตกกังวลเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารเมื่อไหร่ ทหารควรทำหน้าที่เพียงรักษากรอบระเบียบบ้านเมืองไม่ให้บิดเบี้ยวไปกว่าที่ควรจะเป็น
ต้องลองให้เกิดกระบวนการเรียนรู้เปลี่ยนผ่านด้วยตัวของประชาชนเองดูบ้าง ไม่ใช่ยุ่มย่ามจัดการไปหมดทุกเรื่อง ทำเหมือนชาวบ้านกินแกลบ กินหญ้า ไม่มีสมอง ต้องคอยมาบงการอยู่ตลอดเวลา มันดูถูกกันเกินไป
หรือแท้จริงแล้วการเข้ามาแทรกแซงของอำนาจสีเขียว มันเป็นไปตามที่คนป้องปากนินทากันมาตลอด ว่าเพื่อรักษาผลประโยชน์ รักษาอำนาจของตัวเอง ทหารเป็นมือเป็นไม้ของอำนาจมืดเบื้องหลังที่มองไม่เห็น
**หรือว่า โรดแม็ป เส้นทางการเดินของประเทศไทยได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าจากคนเพียงไม่กี่กลุ่มคน เมื่อเริ่มเห็นสัญญาณที่จะเดินผิดเพี้ยนไปจากที่พวกตัวเองกำหนด ก็ออกมาเคลื่อนไหวดักทาง พยายามบิดกระบวนการอย่างฝืนธรรมชาติ เป็นฝ่ายลงมาละเลงให้การเมืองมันเปรอะเปื้อน
วันนี้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ทหารเลือกยืนอยู่ฝ่ายอำนาจเดิม แอบอิงอยู่กับพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลชุดเก่า เพราะสามารถสั่งซ้ายหัน ขวาหันได้มากกว่าอีกขั้วหนึ่ง หรือพูดง่ายๆ ก็คือพรรคที่ตั้งตนเป็นอริชัดเจน ตอนนี้โพลทุกสำนัก หรือแม้แต่โพลของทหารเอง ล้วนฟันธงตรงกัน พรรคใหญ่ฝ่ายตรงข้ามยกขบวนเข้าสภามากสุด
ในขณะที่ยิ่งนานวันกระแสไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์ ยิ่งแรง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กระแสนิยมมีแต่สาละวันเตี้ยลงๆ ไม่มีอะไรเป็นขุดขาย ไม่มีนโยบายอะไรเป็นจุดเด่น นอกจากดิสเครดิตโจมตีคู่แข่งอยู่ร่ำไป ไม่ทิ้งสไตล์เดิมๆ ชาวบ้านส่ายหน้าเอือมระอาเต็มที
ส่วนพรรคภูมิใจไทย ก็แว่วว่าประเมินกันเองภายใน เนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคคนสำคัญยังต้องกุมขมับ เพราะประเมินตัวเลข ส.ส.ทั่วประเทศตอนนี้ได้เต็มที่ไม่ถึง 40 ที่นั่ง
แนวโน้มรูปการณ์โอกาสที่จะมีพรรคๆหนึ่งเข้าวินขาดลอยได้เกินครึ่ง มีความเป็นไปได้ไม่น้อย แม้จะได้ไม่ถึงครึ่ง ก็น่าจะเฉียดๆ พรรคการเมืองอื่นๆ จะรวมเสียงสู้ยังเป็นเรื่องลำบาก
เมื่อฝ่ายอำนาจที่มองไม่เห็น และฝ่ายทหารรับรู้ รับทราบ แล้วก็เหงื่อตกเพราะรู้ว่าใกล้เจ๊งแล้ว ถ้าอำนาจเปลี่ยนมือไปแล้วตัวเองจะตกอยู่ในที่นั่งแบบไหน จะต้องโดนเช็คบิลย้อนหลังมากน้อยเพียงใด ดีดลูกคิดนับนิ้วมือแล้ว ก็ละเลงมันเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยดีไหม ?
**หรือถ้าไม่สำเร็จก็ใช้วิธีเป่านกหวีดปรี๊ด.. ล้างบางประเทศไทยกันอีกรอบ ?!!?
-------------------------------
ทุกพรรคการเมืองต่างเดินสายหาเสียงกันขาขวิด ขายภาพพจน์หลอกลวงชาวบ้านร้านตลาด หลายพรรคการเมืองตั้งตารอการเลือกตั้งครั้งนี้มาตลอด ขณะเดียวกันประชาชนหลายภาคส่วนก็อยากเห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อจะได้รัฐบาลใหม่ๆ ที่มาจากความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
**คาดหวังว่า การเลือกตั้งจะเป็นการเปิดประตูความสงบสุขให้คนทั้งประเทศ หลังจากต้องจมปลักอยู่กับความขัดแย้งต่อเนื่องยาวนาน ต้องตกอยู่กับภาวะที่นักการเมืองบริหารการเมืองมากกว่าบริหารประเทศ จนทำให้ประชาชนตาดำๆ ต้องนั่งเศร้าดูละครการเมืองน้ำเน่า ตบตีกันไปมา โดยที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์อะไร
หนำซ้ำยังต้องตกระกำลำบาก ข้าวยากหมากแพง งบประมาณที่ได้รับเป็นเพียงเศษเงินที่กระเด็นมาหลังจากนักการเมืองรุมกินโต๊ะกันแทบหมดแล้ว
ประชาชนหลายภาคส่วนจึงมีความตื่นตัว คาดหวังต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่น้อย หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ก็อยากเห็นประเทศก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่ต้องวนเวียนอยู่กับวงจรอุบาทว์
แต่ท่ามกลางบรรยากาศการเลือกตั้งที่คึกคัก บางพรรคการเมืองก็ออกมาฟ้องประชาชนอยู่เนืองๆ ว่ากองทัพจ้องเข้ามาแทรกแซงกดดัน ต้องการให้ผลการเลือกตั้งออกมาเข้าทางฝ่ายตัวเอง
โดยพรรคเพื่อไทยออกมาโวยว่า กองทัพบกได้ส่งหน่วย ปส. 315 ชุดปราบปรามยาเสพติดลงพื้นที่ ขณะที่นักการเมืองกำลังหาเสียงอย่างขะมักเขม้น และดูเหมือนมีความพยายามเข้าไปตรวจสอบเฉพาะบางพรรคการเมือง เหมือนจงใจทำอะไรบางอย่างเพื่อเตะตัดขา เอนเอียงช่วยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ขณะที่ฝ่ายกองทัพ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกมาโต้ตอบด้วยอาการเกรี้ยวกราด ปกป้องลิ่วล้ออย่างสุดลิ่มทิ่มประตู บอกใครก็ห้ามขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วย ปส. 315 หลังโดนผู้สมัครพรรคเพื่อไทยจวกมา ก็จวกกลับแบบเผ็ดร้อน
“ท่านเป็นใครมาจากไหน มาขู่เจ้าหน้าที่ได้อย่างไร ผมไม่ยอม หากให้ทหารไป 2 คน แล้วมีปัญหาก็จะเอาทหารไป 50 คน ดูสิว่าจะมาล้อมทหารอีกหรือเปล่า ถ้าไม่ได้อีก 50 ก็เป็น 100 ถ้าทหารเข้าไปน้อยแล้วไม่ได้ ก็เอาเข้าไปให้มาก และอาจมีสห.ที่มีอำนาจหน้าที่กฎหมายทางทหารลงไปด้วย ถ้ามารังแกทหาร ผมรับไม่ได้ ยืนยันว่าจะไม่หยุดการทำหน้าที่ของปส. 315 เพราะเป็นการแก้ไขปัญหายาเสพติด ท่านไปมีส่วนร่วมกับขบวนการหรือไม่ ถึงมาขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ทำงาน”
น้ำเสียง อาการหงุดหงิดเต็มที่ ไม่สนเสียงนักการเมือง พร้อมปกป้องลิ่วล้อสุดกำลัง ยืนยันจะเดินหน้าปฏิบัติงานทางทหารต่อไป แม้บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ไม่คิดถึงกาลเทศะ หรือสนเสียงครหาเอนเอียงจ้องจัดการพรรคการเมืองบางพรรค ทั้งๆ ที่โดนตั้งแง่สงสัยมาตลอด
จากท่าทีที่แข็งกร้าวของทหาร ก็น่าเป็นห่วงบรรยากาศการเลือกตั้งที่กำลังเดินไปด้วยดีไม่น้อย เหมือนเจ้าบ่าว เจ้าสาว กำลังจะจูงมือไปเข้าห้องหอ แต่เจ้าสาวมีอันต้องโดนฉุดหนีไปดื้อๆ การขู่คำรามจากเบอร์ 1 กองทัพ ทำให้เสียบรรยากาศทางการเมืองทันที คำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ทำให้หลายคนรู้สึกไม่พอใจ หงุดหงิดเหลือเกิน เพราะดูเหมือนว่าทหารจะยังไม่ยอมรามือจากการเมือง ไม่รามือจากวังวนของอำนาจไปง่ายๆ
ทหารวางตัวเป็นผู้มีอำนาจมากบารมี เหมือนเป็นวัฒนธรรมขององค์กรในช่วงหลังไปแล้ว นักการเมืองใครจะไปใครจะมา ต้องมาค้อมหัว ซูฮกให้กองทัพ ผบ.ทบ.เหมือนเป็นนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงที่ไม่ยอมขึ้นต่อใคร ใครไม่ยอมมาอี๋อ๋อเอาใจพะเน้าพะนอ จัดงบประมาณแบบจัดหนัก ก็ทำท่าฮึ่มฮั่ม อ้างนู่น อ้างนี่
**แล้วก็ใช้ไม้ตาย ขู่ปฏิวัติ ขู่ยึดอำนาจ
หากบ้านเมืองต้องตกอยู่ในวังวนของทหารเป็นใหญ่ เป็นผู้มีอำนาจครอบจักรวาลอยู่อย่างนี้เรื่อยไป ประเทศชาติคงไม่เดินหน้าไปไหน
**การเลือกตั้งสุดท้ายก็เป็นเพียงพิธีกรรม ผลัดเปลี่ยนเวียนหน้ากันมาจัดงบประมาณให้กองทัพ สนองตัณหา ประเคนอำนาจให้กองทัพแบบเสียไม่ได้ เพื่อความอยู่รอดของการเมือง ความอยู่รอดของรัฐบาลนั้นๆ
ไม่รู้ว่าวัฒนธรรมแบบนี้จะหมดไปจากเมืองไทยเมื่อไหร่ คนไทยจะหลุดพ้นกับภาวะวิตกกังวลเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารเมื่อไหร่ ทหารควรทำหน้าที่เพียงรักษากรอบระเบียบบ้านเมืองไม่ให้บิดเบี้ยวไปกว่าที่ควรจะเป็น
ต้องลองให้เกิดกระบวนการเรียนรู้เปลี่ยนผ่านด้วยตัวของประชาชนเองดูบ้าง ไม่ใช่ยุ่มย่ามจัดการไปหมดทุกเรื่อง ทำเหมือนชาวบ้านกินแกลบ กินหญ้า ไม่มีสมอง ต้องคอยมาบงการอยู่ตลอดเวลา มันดูถูกกันเกินไป
หรือแท้จริงแล้วการเข้ามาแทรกแซงของอำนาจสีเขียว มันเป็นไปตามที่คนป้องปากนินทากันมาตลอด ว่าเพื่อรักษาผลประโยชน์ รักษาอำนาจของตัวเอง ทหารเป็นมือเป็นไม้ของอำนาจมืดเบื้องหลังที่มองไม่เห็น
**หรือว่า โรดแม็ป เส้นทางการเดินของประเทศไทยได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าจากคนเพียงไม่กี่กลุ่มคน เมื่อเริ่มเห็นสัญญาณที่จะเดินผิดเพี้ยนไปจากที่พวกตัวเองกำหนด ก็ออกมาเคลื่อนไหวดักทาง พยายามบิดกระบวนการอย่างฝืนธรรมชาติ เป็นฝ่ายลงมาละเลงให้การเมืองมันเปรอะเปื้อน
วันนี้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ทหารเลือกยืนอยู่ฝ่ายอำนาจเดิม แอบอิงอยู่กับพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลชุดเก่า เพราะสามารถสั่งซ้ายหัน ขวาหันได้มากกว่าอีกขั้วหนึ่ง หรือพูดง่ายๆ ก็คือพรรคที่ตั้งตนเป็นอริชัดเจน ตอนนี้โพลทุกสำนัก หรือแม้แต่โพลของทหารเอง ล้วนฟันธงตรงกัน พรรคใหญ่ฝ่ายตรงข้ามยกขบวนเข้าสภามากสุด
ในขณะที่ยิ่งนานวันกระแสไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์ ยิ่งแรง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กระแสนิยมมีแต่สาละวันเตี้ยลงๆ ไม่มีอะไรเป็นขุดขาย ไม่มีนโยบายอะไรเป็นจุดเด่น นอกจากดิสเครดิตโจมตีคู่แข่งอยู่ร่ำไป ไม่ทิ้งสไตล์เดิมๆ ชาวบ้านส่ายหน้าเอือมระอาเต็มที
ส่วนพรรคภูมิใจไทย ก็แว่วว่าประเมินกันเองภายใน เนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคคนสำคัญยังต้องกุมขมับ เพราะประเมินตัวเลข ส.ส.ทั่วประเทศตอนนี้ได้เต็มที่ไม่ถึง 40 ที่นั่ง
แนวโน้มรูปการณ์โอกาสที่จะมีพรรคๆหนึ่งเข้าวินขาดลอยได้เกินครึ่ง มีความเป็นไปได้ไม่น้อย แม้จะได้ไม่ถึงครึ่ง ก็น่าจะเฉียดๆ พรรคการเมืองอื่นๆ จะรวมเสียงสู้ยังเป็นเรื่องลำบาก
เมื่อฝ่ายอำนาจที่มองไม่เห็น และฝ่ายทหารรับรู้ รับทราบ แล้วก็เหงื่อตกเพราะรู้ว่าใกล้เจ๊งแล้ว ถ้าอำนาจเปลี่ยนมือไปแล้วตัวเองจะตกอยู่ในที่นั่งแบบไหน จะต้องโดนเช็คบิลย้อนหลังมากน้อยเพียงใด ดีดลูกคิดนับนิ้วมือแล้ว ก็ละเลงมันเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยดีไหม ?
**หรือถ้าไม่สำเร็จก็ใช้วิธีเป่านกหวีดปรี๊ด.. ล้างบางประเทศไทยกันอีกรอบ ?!!?
-------------------------------