xs
xsm
sm
md
lg

เปิดโฉมหน้า 7 นักการเมืองน้ำเน่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปัญญาพลวัตร”
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

มีผู้คนจำนวนมากคาดหวังว่าการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2554 เป็นการเลือกตั้งที่มีนัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ระหว่างการเมืองน้ำเน่าย่ำอยู่กับที่ กับการเมืองที่แสวงหาทางออกให้กับสังคมไทย แต่เมื่อพิจารณากลุ่มผู้สมัคร ส.ส. หรือ นักการเมืองที่เสนอหน้าให้ประชาชนเลือก ความหวังของผู้คนเหล่านั้นคงเป็นความฝันที่ไม่อาจเป็นจริงได้

กล่าวได้ว่าบรรดานักการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเกือบทั้งหมดเป็นนักการเมืองน้ำเน่า เน่าเสียจนกระทั่งกลิ่นที่กระจายออกมาไม่เพียงแต่อบอวลอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังกระจายไปสู่สังคมโลกด้วย

นักการเมืองน้ำเน่า คือนักการเมืองผู้มีวิธีคิดที่ต้องการได้ตำแหน่งและอำนาจทางการเมืองมาให้ได้โดยไม่คำนึงถึงวิธีการ นักการเมืองน้ำเน่าจะใช้ทุกวิธีการที่ชั่วร้าย ผิดกฎหมาย ผิดจริยธรรมเพื่อให้ตนก้าวสู่การเป็นรัฐบาล เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วนักการเมืองน้ำเน่าก็จะใช้วิธีการต่างๆนาๆในการแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง ตลอดจนรักษาอำนาจของตนเองให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้

ความเน่าเหม็นของนักการเมืองเหล่านี้แสดงออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน จากความคิดและพฤติกรรมที่พวกเขาแสดงออกมา ซึ่งมีทั้ง ความกระสันอยากเป็นรัฐบาลจนตัวสั่น การทำตนอยู่เหนือกฎหมายชอบใช้เส้นสาย การดีแต่พูด ขณะที่ทำไม่เป็นหรือไม่มีความกล้าหาญในการตัดสินใจ การมอมเมาประชาชน กระตุ้นความโลภจนเกินขอบเขตแก่ประชาชน ทำให้ประชาชนลุ่มหลงงมงายในลัทธิบริโภคนิยมอย่างไม่ลืมหูลืมตา การยึดหลักประชาธิปไตยแต่ปาก แต่มีพฤติกรรมเผด็จการ การกินอย่างมูมมามทุจริตคอรัปชั่น และ การเอาดีใส่ตัว ชอบให้ร้ายป้ายสีผู้อื่น

นักการเมืองน้ำเน่าพวกแรก เป็นพวกกระสันอยากเป็นรัฐบาล ไม่อยากเป็นฝ่ายค้านเพราะกลัวอดอยากปากแห้ง พวกเขาจึงงัดเล่ห์กลทุกอย่างเอามาใช้ ทั้งการหลอกลวง การหักหลัง เพื่อไม่ให้ตกกระบวนในการจัดตั้งรัฐบาล และหากถูกเขี่ยออกจากอำนาจรัฐ นักการเมืองน้ำเน่าก็จะไปจัดตั้งมวลชนออกมาเผาบ้านเผาเมือง เพื่อปูทางให้ตนเองได้มีอำนาจต่อรองและมีโอกาสครอบครองอำนาจรัฐในอนาคต

ในช่วงฤดูกาลเลือกตั้งพวกนักการเมืองน้ำเน่ามีพฤติกรรมประดุจสัตว์ที่กำลังติดสัด เดินสายพูดคุย เจรจาต่อรองหาพวกประเภทเดียวกันเพื่อผสมพันธุ์ บางตัวที่ดูท่าจะขี้เหร่และมีกำลังน้อยสักหน่อยก็วิ่งรี่ไปเกาะตัวที่อัปลักษณ์แต่มีกำลังมาก แต่ปรากฏว่าถูกตัวที่อัปลักษณ์ไล่กัดออกมา ทำให้ต้องวิ่งหนีไปแทบไม่ทัน ขณะเดียวกันบางตัวบางกลุ่มก็วางมาด รวบรวมฝูงเล็กๆเข้าด้วยกันเพื่อหวังต่อรอง เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว

ถัดมาเป็นนักการเมืองน้ำเน่าที่ชอบแสดงอิทธิพลอยู่เหนือกฎหมาย นักการเมืองน้ำเน่าพวกนี้ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง พวกเขาหาช่องว่างในการหลีกเลี่ยงกฎหมายอยู่ตลอดเวลา ยิ่งกว่านั้นพวกนี้ชอบใช้เส้นสายทำลายกฎระเบียบของหน่วยงานราชการและสังคมเป็นกิจวัตร ตัวอย่างพฤติกรรมของนักการเมืองประเภทนี้ที่โด่งดังไปทั่วโลกคือ การซุกหุ้นไว้กับคนใช้ที่บ้าน หรือ การให้พี่น้อง เครือญาติถือหุ้นแทน

เมื่อนักการเมืองน้ำเน่าถูกจับได้และถูกพิพากษาว่ามีความผิดต้องติดคุก แทนที่จะสำนึกความผิดบาปที่ตนเองกระทำต่อประเทศ นักการเมืองน้ำเน่าเหล่านี้กลับตำหนิกระบวนการยุติธรรมว่ามีสองมาตรฐาน นักการเมืองน้ำเน่าไม่ยอมติดคุกตามความผิดที่ได้ทำไว้ แต่จะหนีออกนอกประเทศ บางคนก็เปลี่ยนสัญชาติ บางคนก็ยุยงให้มวลชนที่คลั่งไคล้ตนเองออกมาทำลายบ้านเมืองก่อความจลาจลวุ่นวายไปทั้งประเทศ บางคนก็ตั้งพรรคการเมืองให้นอมินีหรือญาติพี่น้องตนเองลงเลือกตั้งเพื่อให้ได้อำนาจมานิรโทษกรรมให้ตนเอง

พวกที่สามเป็นน้ำเน่าประเภทดีแต่พูด เป็นพวกชอบอวดโอ้ว่าจะทำโน่นทำนี่ ในช่วงหาเสียง เช่น ชอบว่าจะถมทะเลสร้างเมืองใหม่ จะแก้ปัญหาความยากจนให้หมดไปใน 1 ปี จะไม่ทำให้การเมืองล้มเหลว จะสร้างความสามัคคี จะลดค่าครองชีพ จะรักษาแผ่นดินเอาไว้ จะปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น พวกดีแต่พูดมักจะให้สัญญากับประชาชนอย่างหนึ่ง แต่พอสักพักพวกเขาก็ลืมว่าตนเองพูดอะไรไปบ้าง

พวกดีแต่พูดมักจะเป็นคนพูดเก่ง เบี่ยงเบนประเด็นเก่ง ลื่นไหลไปได้เรื่อย หากมีผู้ถามว่าทำไมไม่ทำตามสัญญาพวกดีแต่พูดก็บอกว่ากำลังหาหนทางดำเนินการอยู่ หรือไม่ก็อ้างว่ามีเงื่อนไขบางประการที่เป็นอุปสรรค เช่น เมื่อพวกดีแต่พูดรับปากประชาชนว่าจะปกป้องอธิปไตยของชาติโดยใช้วิธีการทั้งการทูตและการทหารในการผลักดันกองกำลังต่างชาติที่เข้ามารุกรานประเทศไทย แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานหลายเดือนก็ไม่ปรากฎว่านักการเมืองน้ำเน่าผู้นี้จะทำอย่างที่รับปากเอาไว้ กลับบ่ายเบี่ยงเลี่ยงอยู่ตลอดเวลา จนเป็นเหตุให้กองกำลังต่างชาติโจมตีประเทศไทยด้วยกำลังอาวุธ ทำให้ทหารและประชาชนบาดเจ็บล้มตายหลายคน ตลอดจนสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนต้องจูงลูกจูงหลานอพยพหนีภัยสงครามอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย

พวกดีแต่พูดมักจะเป็นพวกที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ หรือไม่มีความกล้าหาญเพียงพอในการตัดสินใจ เราจะเห็นนักการเมืองประเภทนี้เป็นจำนวนมาก บางคนมีตำแหน่งสำคัญในการบริหารบ้านเมือง แต่กลับตกอยู่ภายใต้การกำกับและควบคุมบงการของเลขาธิการพรรคของตนเอง หรือ เจ้าของพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค หลายคนเป็นหัวหน้าพรรคแต่ในนาม แต่อำนาจการตัดสินใจในพรรคกลับอยู่ในมือเจ้าของพรรคผู้ถูกห้ามเล่นการเมือง

พวกที่สี่ เป็นพวกมอมเมาประชาชน ด้วยความหลงใหลในอำนาจทางการเมืองทำให้นักการเมืองน้ำเน่าใช้นโยบายประชาชนนิยมมอมเมาประชาชนเพื่อให้ประชาชนเลือกตนเอง พวกเขาล้างสมองประชาชนให้ยึดติดกับเงินและวัตถุสิ่งของ ทำให้จิตสำนึกการพึ่งตนเองของประชาชนลดลง กลายเป็นผู้เสพติดยึดอยู่กับผลประโยชน์ที่ได้รับเฉพาะหน้า และทำให้ประชาชนเป็นทาสของนโยบายต้องพึ่งพาพวกเขาตลอดไป

ยิ่งกว่านั้นด้วยความที่อยากได้ตำแหน่งจนหน้ามืดตามัว นักการเมืองน้ำเน่ายังได้หาเสียงโดยใช้นโยบายสร้างโครงการขนาดใหญ่ซึ่งต้องใช้เงินนับล้านล้านบาท โดยไม่สนใจไยดีต่อผลกระทบทางการเงินและการคลังของประเทศ ตลอดจนผลกระทบของสิ่งแวดล้อมที่ตามมาจากโครงการเหล่านั้น โครงการที่นักการเมืองน้ำเน่าเสนอ เช่น การถมทะเลเพื่อสร้างเมืองใหม่ การสร้างแลนบริด์จ และคลังน้ำมันในภาคใต้ เป็นต้น

พวกที่ห้าเป็นพวกปากประชาธิปไตย แต่มีพฤติกรรมเผด็จการ นักการเมืองพวกนี้มักจะพูดอย่างซ้ำซากว่าตนเองยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย แต่ทำตัวเสมือนว่ายึดหลักประชาธิปไตย เฉพาะในหน้าเลือกตั้งเท่านั้น เมื่อจบการเลือกตั้งและได้อำนาจแล้ว หลักประชาธิปไตยก็ถูกพวกเขาสลัดทิ้งทันที หรือในตอนเป็นฝ่ายค้าน อาจจะแสดงพฤติกรรมที่ดูราวกับว่ายึดหลักประชาธิปไตย แต่ครั้นเป็นฝ่ายรัฐบาลลายเผด็จการที่แอบซ่อนไว้ก็เผยโฉมออกมา เช่น บางคนเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ใช้การบริหารแบบและตัดสินใจแบบสั่งการ หากตนเองต้องการอะไรก็จะเอาให้ได้ โดยที่รัฐมนตรีร่วมคณะผู้ไม่เห็นด้วยไม่กล้าเสนอความคิดเห็นของตนเองออกมา ส่วนบางคนยามเป็นฝ่ายค้านก็ประกาศว่าจะรับฟังเสียงของประชาชน ครั้นเป็นรัฐบาลเสียงของประชาชนก็กลายเป็นเสียงนกเสียงกาไปทันที

พวกที่หก กินอย่างมูมมาม ทุจริตคอรัปชั่นในทุกรูปแบบตั้งแต่การทุจริตโครงการเล็กๆไม่กี่ล้านบาท จนไปถึงโครงการขนาดใหญ่นับหมื่นล้านบาท นักการเมืองน้ำเน่ารีดไถเงินทั้งจากนักธุรกิจโดยการชักหัวคิวในโครงการต่างๆสามสิบถึงห้าสิบเปอร์เซ็น รีดไถเงินจากข้าราชการโดยให้ข้าราชการจ่ายเงินซื้อตำแหน่งนับล้านบาท รีดไถจากประชาชนโดยร่วมมือกับนักธุรกิจทำให้น้ำมันปาล์มหรือสินค้าอื่นๆราคาแพงอย่างไม่สมเหตุสมผล และรีดไถจากคนไทยทุกกลุ่มตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดงจนไปถึงคนชราแก่เฒ่า ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส โดยการทุจริตเงินงบประมาณแผ่นดินที่ควรจะนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนเหล่านั้นมาเป็นของตนเอง เพราะฉะนั้นนักการเมืองน้ำเน่าจึงเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความยากจนและคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ของคนไทย

และสุดท้าย เป็นพวกเอาดีใส่ตัว ชอบร้ายป้ายสีผู้อื่น พวกนี้พอมีเรื่องอะไรที่มีผลดีก็รีบรับสมอ้างว่เป็นผลงานของตนเอง แต่เมื่อใดที่ตนเองทำเรื่องไม่ดีและอื้อฉาวพวกเขาก็ปัดความรับผิดชอบหรือใส่ร้ายแก่ผู้อื่นทันที เช่น บางพรรคหาเสียงหาคะแนนิยมสู้พรรคคู่แข่งไม่ได้ ด้วยเหตุที่ตนเองไร้ฝีมือในการบริหารประเทศ จนผู้คนที่เคยสนับสนุนต่างส่ายหน้า และถอนตัวไม่สนับสนุน แทนที่จะสำนึกว่าเป็นความผิดของตนเอง กลับกล่าวหาว่าผู้ที่เคยสนับสนุนตนเองไปรับเงินจากคู่แข่ง นี่แหละสันดานที่แก้ไม่หายของนักการเมืองน้ำเน่า

เมื่อนักการเมืองไทยเป็นนักการเมืองน้ำเน่าเกือบทั้งหมดดังที่กล่าวมาข้างต้น ผู้เลือกตั้งต้องครุ่นคิดพิจารณาอย่างจริงจังและรอบคอบว่า ควรที่จะฝากบ้านเมืองไว้ในมือของนักการเมืองน้ำเน่าอีกต่อไปหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ การให้นักการเมืองน้ำเน่ามีอำนาจต่อไปจึงเท่ากับเป็นการทำลายและสร้างหายนะให้กับประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทางเลือกเดียวในขณะนี้ก็คือ การโหวตโนเพื่อกวาดล้างนักการเมืองน้ำเน่าและเป็นแสดงเจตนารมณ์ไม่ยอมจำนนกับพวกมันอีกต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น