xs
xsm
sm
md
lg

ไทยตกต่ำ!คนยินดีขายเสียง ปล่อยนักการเมืองงาบงบ50%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "กล้าณรงค์" ชี้ไทยเสี่ยงล่มสลาย เมื่อคนไทยเห็นการทุจริต คอร์รัปชัน เป็นเรื่องปกติ-ยินดีขายสิทธิในการเลือกตั้ง "ชวน"บุกราชบุรี บอกปชช.อย่าเลือกพวกเผาเมือง-ล้มเจ้า ชี้ยุคนี้นักการเมืองงาบงบถึง 50 % ของโครงการ ซื้อเสียง 40-50 ล้าน เพื่อเข้าไปโกง 500 ล้าน

วานนี้ (8 มิ.ย.) นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมสร้างเครือข่ายผู้ดำเนินการด้านสื่อสร้างสังคมโปร่งใส ณ โรงแรมเซ็นทารา ดวงตะวัน จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีผู้ดำเนินการด้านสื่อจากสำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 พื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนจำนวน 150 คน ร่วมกิจกรรม

นายกล้าณรงค์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทยมีทุกรูปแบบและมีการพัฒนา เพิ่มความรุนแรง ส่งผลให้ประเทศไทยมีดัชนีชี้วัดการคอร์รัปชันเพิ่มขึ้นในสายตานานาชาติ ส่งผลให้เสื่อมคุณธรรม จริยธรรม ก่อให้เกิดกระแสบริโภคนิยม วัตถุนิยมและปัจเจกนิยม สร้างสังคมนิยมเงินตรา ประกอบกับประเทศไทยเป็นระบอบอุปถัมภ์ ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไข

ล่าสุดผลโพลสำรวจจากสำนักต่างๆ ระบุชัดว่า คนไทยเห็นการคอร์รัปชันเป็นเรื่องปกติ ประกอบกับคนดีเริ่มเบื่อหน่าย เหล่านี้เป็นปัจจัยกระตุ้นให้มีการคอร์รัปชัน เป็นเครือข่ายมากยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่การล่มสลายของประเทศชาติในที่สุด

นายกล้าณรงค์ กล่าวอีกว่า ข้อมูลของป.ป.ช. พบว่าประเทศไทยมีการคอรัปชั่น ร้อยละ 3 และปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การทุจริตได้พัฒนากระบวนการอย่างเป็นระบบ และสื่อนับว่ามีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่สร้างกระแสต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชันได้เป็นอย่างดี

นายกล้านรงค์ กล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น เป็นหน้าที่ของ กกต. ขณะที่คุณธรรม และจริยธรรมของนักการเมือง เป็นหน้าที่ของผู้ตรวจการรัฐสภา ซึ่งหากพบกระทำผิดร้ายแรง ก็จะนำไปสู่กระบวนการถอดถอนต่อไป

ขณะที่ผู้ตรวจการรัฐสภา หากตรวจสอบพบนักการเมืองทำผิดร้ายแรง ก็จะพิจารณาส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณา แต่หากการกระทำผิดทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำผิดเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม ก็อยู่ที่หน่วยงานจะพิจารณาลงโทษทางวินัยต่อไป

**"มาร์ค"งดหาเสียงกทม.1วัน จ้อสื่อนอกแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ในช่วงเช้าวานนี้ (8 มิ.ย.) นายกฯได้งดภารกิจลงพื้นที่ไปหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคโดยเวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางเข้าไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นประธานการประชุมเตรียมการเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซีย อย่างเป็นทางการใน วันที่ 12 มิ.ย. ก่อนการเดินทางไปเข้าร่วมประชุม World Economic Forum on East Asia ที่กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย

จากนั้นได้เดินทางเข้าไปที่ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ถนนพระราม 6 เพื่อหารือกับคณะทำงานด้านยุทธศาตร์ของพรรค และใช้เวลาอยู่ที่ตึกควง อภัยวงศ์ เพื่อให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศถึง 13 สำนัก

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้ย้ำกับนักข่าวต่างประเทศด้วยความมั่นใจว่า การเลือกตั้งของไทยจะนำไปสู่ ความปรองดองได้ อย่างไรก็ตามนักข่าวต่างประเทศส่วนใหญ่สนใจสอบถามนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะความ เห็นต่อนโยบายนิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทย ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว

** ปชป.รุกหาเสียงนักศึกษา

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ผู้อำนวยการศูนย์การเลือกตั้งกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคฯได้เปิดตัวรถโมบายยูนิต เพื่อจะใช้เดินสายไปจัดกิจกรรมหาเสียงในมหาวิทยาลัย ทั้ง 37 แห่งทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อเป็นการรณรงค์ให้นักศึกษาที่มีสิทธิในการเลือกตั้งครั้งแรก ให้ได้รับทราบแนวนโยบายของพรรค รวมถึงจะแจกโปสการ์ด แนะนำเฟสบุ๊ค และทวิตเตอร์ ของนายอภิสิทธิ์ ให้คนรุ่นใหม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของพรรค ก่อนจะจัดแคมเปญเดินสายหาเสียงในเขตหัวเมืองใหญ่ อาทิ จ.เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา

ทั้งนี้ ในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะนำทีมผู้สมัครของพรรคในเขตดอนเมือง สายไหม หลักสี่ บางเขน และจตุจักร ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งแรกในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพฯ เขตสายไหม เวลา 16.00 น.

** คุยได้ส.ส.กทม.เพิ่ม

นายอภิรักษ์ ยังกล่าวถึงกรณีนายวศิน สังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศทางพรรคฯจะกวาดส.ส.กรุงเทพฯ 15-22 ที่นั่ง จากทั้งหมด 33 ที่นั่งว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันรักษาพื้นที่เดิมในกทม.จำนวน 27 ที่นั่งเอาไว้ โดยจะมีอีก 6 เขต ที่ต้องต่อสู้รุนแรง ได้แก่ ดอนเมือง สายไหม บางเขน มีนบุรี หนองจอก และ ลาดกระบัง ซึ่งเป็นเขตที่พรรคไม่เคยมี ส.ส.แต่เที่ยวนี้คิดว่าจะได้มาเพิ่ม อีกทั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งใช้เบอร์เดียว คือ เบอร์ 10 นอกจากตัวบุคคลแล้ว ยังมีกระแสว่า ใครจะเป็นผู้นำรัฐบาล และเป็นการเลือกอนาคตประเทศด้วย ส่วนผลจะออกมาอย่างไรอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน ซึ่งขึ้นกับกระแสใกล้ช่วงเลือกตั้ง

**"เทือก"ยกทีมใหญ่ลงหาเสียง 3 จว.ใต้

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานวิปรัฐบาล นายชำนิ ศักดิเศรษฐ นายนิพนธ์ บุญญามณี และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ เดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ไปลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ หาเสียง ในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนภาคใต้

นายสุเทพ กล่าวว่า พวกตนได้ลงไปทำงานในพื้นที่จว.ชายแดนใต้เป็นประจำ โดยติดตามดูแลโครงการที่รัฐบาลไปด้ช่วยลงไป ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชน การไปครั้งนี้ จะลงทุกพื้นที่ โดยไปลงที่ จ.นราธิวาส ปัตตานี และยะลา เพื่อดูบรรยากศทั่วไป แล้วแต่ผู้สมัคร ส.ส.จะพาไปไหน

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย หรือ มาตุภูมิ ก็ระบุจะได้ส.ส.ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่ม โดยเฉพาะ พล.อ.สนธิ บุญยกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ก็ลงพื้นที่เป็นประจำ ทำให้การแข่งขันค่อนข้างสูง นายสุเทพ กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดเหล่านี้ การแข่งขันสูง แต่เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เสียเปรียบ เพราะคนที่เป็นแฟนพรรคประชาธิปัตย์ มีใจหนักแน่น อยู่กับพรรคอยู่แล้ว ไม่ถูกแบ่งคะแนนในส่วนนี้

**รถหาเสียง"ชวน"หวิดเจออุบัติเหตุ

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะได้ลงพื้นที่หาเสียงช่วยนางกัลยา ศิริเยาวกุล ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 นายสามารถ พิริยะปัญญาพร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 และ น.ส.ณัชณิชา ขำเจริญ ผู้สมัครส.ส.เขต 5 จ.ราชบุรี โดยขึ้นขบวนรถแห่ไปตาม อ.เมืองฯ อ.ดำเนินสะดวกโดยได้รับความสนใจจากประชาชน เข้ามาคล้องพวงมาลัยและขอจับมือนายชวนเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ขบวนหาเสียงของนายชวน มุ่งหน้าจาก อ.เมืองฯไป อ.ดำเนินสะดวกนั้น เกือบจะประสบอุบัติเหตุ เนื่องจากมีรถกะบะสีขาว ทะเบียน จ.ราชบุรี ซึ่งขนวัสดุก่อสร้างจำนวนมาก และวิ่งอยู่ช่องทางขวาสุด ได้มีวัสดุก่อสร้างหล่นลงมาบนผิวจราจร จนทำให้ขบวนต้องเบรกรถกระทันหัน แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

** อย่าเลือกพวกเผาเมือง-ล้มเจ้า

ต่อมาเวลา 18.00 น. ที่ตลาดนัดสันใหม่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี นายชวน ได้กล่าวปราศรัยหาเสียงตอนหนึ่งว่า ตั้งแต่วันแรกที่มีการจัดตั้งรัฐบาลเขาได้มีการตั้งขบวนการไล่ล่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขาทำทุกอย่างเพื่อล้มรัฐบาล ตั้งแต่วันแรก จนเกิดเหตุการณ์ชุมนุมติดต่อกัน 2-3 ปีซ้อน เกิดเหตุการณ์ไล่ล่าเข้าไปถึงกระทรวงมหาดไทย ที่ใช้หินและเสาธงทำร้ายขบวนรถของนายกฯ รวมถึงการล้มการประชุมอาเซียนซัมมิต หรือแม้แต่การนัดชุมนุม ซึ่งเดิมนัดชุมนุมถนนราชดำเนิน ต่อมาย้ายเข้าไปยึดหัวใจธุรกิจของประเทศ ที่สี่แยกราชประสงค์ เพราะเขาคิดว่าชุมนุม 3 เดือน จะล้มรัฐบาลได้ พอยื้อมาถึง 6 เดือนก็บอกจะล้มภายใน 6 เดือนได้ สุดท้ายก็มีผู้เสียชีวิต เขาก็สอนให้คนออกมาพูดเรื่อง 91 ศพ เพราะจะเห็นว่านายกฯไปไหนก็จะมีคนไปถามเรื่องนี้ทุกที่ เขาจัดตั้งกันมาสอนให้พูด ทั้งที่คนไปพูดบางคนยังไม่รู้เรื่อง เพื่อไม่ให้นายกฯมีสมาธิในการทำงาน

ดังนั้น ขอให้พี่น้องเข้าใจว่านี่คือความจริงที่ตนต้องมาชี้แจง และขอยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้ด้อยกว่าชาติใดในอาเซียน อย่างไรก็ตามขอให้เราคงการปกครองระบบรัฐสภาที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอยู่คู่กับประเทศไทยต่อไป เพราะเป็นระบบการปกครองที่เหมาะสมกับวัฒนธรรมไทย อย่าไปเปลี่ยนแปลง

** แฉซื้อเสียง40-50ล้านเพื่อโกง 500 ล้าน

นายชวน กล่าวต่อว่า วันนี้บ้านเมืองอยู่ในมือพี่น้อง ถ้าบ้านเมืองดี มีผู้ปกครองดีก็จะเจริญ ถ้าบ้านเมืองมีผู้ปกครองที่มาจากคนโกง บ้านเมืองก็จะทรุดโทรม ไม่พัฒนา เพราะวันนี้ภาษี 100 บาท เขาเอากันไปแล้ว 50 บาท เหลืออีก 50 บาทมาเป็นงบใช้ทำถนนบ้านเมือง ใช้ไปไม่นานก็ชำรุดต้องซ่อมแซมกันใหม่ ตนต่อสู้กับการทุจริตซื้อเสียงและถอนทุนมานาน เรียกว่า วงจรอุบาทว์ เพราะเป็นส.ส.มา 14 สมัย เห็นความจริงในสภาฯ มาหมด คนที่ซื้อเสียงลงทุนไป 40-50 ล้านบาท เขาก็ตองโกงอีก 500 ล้านบาท เพื่อเอาไปเลี้ยงคนของเขา ฐานจัดตั้งของเขา พี่น้องต้องมาร่วมกันสกัดการโกงเลือกตั้ง โดยเลือกคนดีเข้าไปเป็นส.ส. ภาษีที่เราเสียไป 100 บาท ก็จะกลับมา100 บาทเต็ม โดยอย่าเห็นแก่คนซื้อเสียง อย่าไปร่วมมือกับเขา และอย่านอนหลับทับสิทธิ์

**"ยิ่งลักษณ์"หาเสียงสภาสตรีฯ

สำหรับการหาเสียงของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับ 1 พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ ได้เดินทาง ที่บ้านมนังคศิลา พร้อมด้วยทีมบุคคลสำคัญ เดินทางมาหารือกับ คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ทั้งนี้ นางเยาวเรศ ชินวัตร อดีตประธานสภาสตรีฯ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในฐานะที่ปรึกษาประธานสภาสตรีฯ และน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล บุตรสาว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ก็ได้เดินทางมาร่วมหารือในครั้งนี้ด้วย

น.สงยิ่งลักษณ์ กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างการหารือว่า พรรคเพื่อไทย มีนโยบายส่งเสริมสตรีทั้งในเรื่องของสิทธิ บทบาทความเท่าเทียมในสังคม และศักดิ์ศรี รวมทั้งจะมีการส่งเสริมในเรื่องของรายได้และอาชีพเสริมให้กับสตรีด้วย

** แจกงบจว.ละ100 ล้านฝึกอาชีพสตรี

พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบายที่จะตั้งกองทุนส่งเสริมบทบาทสตรี โดยจะตั้งงบเฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหา และเป็นศูนย์ฝึกอาชีพให้กับสตรี ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ก็จะทำงานร่วมกับสภาสตรีฯ และกลุ่มแม่บ้านในแต่ละจังหวัดควบคู่กันไปด้วย

**ตำรวจ 1.3 แสนนายดูแลเลือกตั้ง

วันเดียวกันที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง ( ศรส.ลต.ตร. ) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา( สบ10 ) ในฐานะผู้กำกับดูแล ศรส.ลต.ตร. กล่าวภายหลังประชุมว่าได้มีการส่งรายชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ 90,728 หน่วยเลือกตั้ง โดยใช้กำลังตำรวจ 132,695 นาย ซึ่งตำรวจส่วนหนึ่งเป็นตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว และประกอบกำลังกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ( สตม. ) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ( บช.ก. ) และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ( บช.ตชด. ) โดยยืนยันว่าตำรวจทุกหน่วยพร้อมปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 3 ก.ค.

"ประชุมยังได้เพิ่มเขตการเฝ้าระวังเป็นพิเศษเพิ่ม 1 เขต คือ กทม.เขต 23 พระโขนง-บางนา เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันของสองพรรคใหญ่ ซึ่งเข้มข้นและสูสีกัน ขณะนี้ได้ให้ตำรวจท้องที่ประสานกับตำรวจส่วนกลางลงพื้นที่ลงไปดูแลหัวคะแนนและการหาเสียงของผู้สมัครเป็นพิเศษ สรุปว่าขณะนี้มี 41 เขตที่ตำรวจต้องเฝ้าระวังแล้ว"

**รับแจ้งซื้อเสียงเพิ่มในภาคอีสาน

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวอีกว่า ช่วงนี้มีประชาชนแจ้งเบาะแสการซื้อสิทธิ์ขายเสียงมายังสายด่วน 1599 ทั้งจากภาคอีสาน และวันนี้มีการเพิ่มเติมที่ภาคใต้ โดยเฉพาะการเล่นหวย ส.ส. ซึ่งเป็นการเปิดโต๊ะรับพนันว่า ผู้สมัคร ส.ส. รายใดจะได้เป็นส.ส.ในพื้นที่ และมีแต้มต่อ ทางศรส.ลต.ตร. ขอเตือนทั้งหัวคะแนน ประชาชน นักพนัน ว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายเลือกตั้งในลักษณะเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปลงคะแนนให้คนหนึ่งคนใด ซึ่งขณะนี้พบว่า นักพนันเตรียมที่จะเปิดโต๊ะกันแล้ว แต่ยังไม่พบหัวคะแนนเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ม. 53 ส่วนเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ผิดตาม ม.77 โดยกฎหมายใหม่ จะมีความผิดทั้งคนรับและคนให้ มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 2 หมื่น-1 แสนบาท แต่สำหรับพี่น้องประชาชนที่รับเงินมาแล้วจะไม่ผิด มีอยู่กรณีเดียวคือ แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ กกต.ทราบ 7 วันก่อนหรือหลังวันเลือกตั้ง

ทั้งนี้ขอย้ำว่าการซื้อสิทธิ์ขายเสียงผิดกฎหมาย และหากพบว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม ม. 53 มีโทษสูงสุดถึงขั้นยุบพรรค

**ถึงคิว"เหลิม"เล่นบทถูกกลั่นแกล้ง

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวอีกว่ามีตัวแทนของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.บางบอน ว่า ถูกกลั่นแกล้งโดยการนำธนบัตร 100 บาท ไปติดที่แผ่นพับแนะนำตัวของ ร.ต.อ.เฉลิม ไปแจกจ่ายให้กับประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวนว่าเป็นการกระทำของใคร

**จับตา 2 นายพลสีกากีวางตัวไม่เป็นกลาง**

รายงานข่าวแจ้งว่า กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ได้รายงานมายังศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง ( ศรส.ลต.ตร. ) ว่า ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ พล.ต.ท. 2 นาย คนหนึ่งชื่อย่อนายพล ร. ขณะที่อีกคนเป็นผู้กว้างขวางในภาคตะวันออก ว่า เข้าข่ายมีพฤติกรรมวางตัวไม่เป็นกลาง สนับสนุนนักการเมืองชื่อดัง ฝั่งรัฐบาลในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก พร้อมทั้งให้ตรวจสอบการพาดพิงสถาบันฯ ในพื้นที่ภาคตะวันออกด้วย หลังมีการประชุมนักการเมืองระดับการเมืองท้องถิ่น เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งให้ บริสุทธิ์ยุติธรรม
กำลังโหลดความคิดเห็น