xs
xsm
sm
md
lg

ผวา!ถังแตกหาเสียงถลุงภาษี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - กรมจัดเก็บภาษีพบนโยบายประชานิยมพรรคการเมืองถลุงภาษีกว่า 3 ล้านล้านบาท แต่ไม่มีพรรคไหนพูดถึงประเด็นจัดเก็บรายได้ เตือนประชาชนเสพติดของฟรีทำฐานะประเทศง่อนแง่น ขณะที่ 8 เดือนล่าสุดสรรพากรจัดเก็บ 3.64 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้า 15% เหตุภาษีนิติบุคคลเพิ่ม 34% ตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ พร้อมเสนอข้อมูลลดภาษีนิติบุคคล-VATให้รัฐบาลใหม่

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า จากนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองในปัจจุบันกระทรวงการคลังได้ประเมินการใช้เงินงบประมาณจากนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ โดยในเบื้องต้นพบว่าจะมีการใช้เม็ดเงินเฉพาะนโยบายด้านประชานิยมโดยไม่รวมงบประมาณรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนภายใน 4 ปีสูงถึง 3 ล้านล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นนโยบายที่เน้นการแจกจ่ายเงินให้กับประชาชนเพื่อดึงคะแนนเสียงมากกว่าที่ต้องการวางรากฐานการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน

ขณะเดียวกันยังไม่มีพรรคการเมืองใดแม้แต่พรรคเดียวพูดถึงนโยบายการจัดเก็บรายได้ที่จะนำมาใช้สำหรับโครงการประชานิยมเหล่านี้แต่อย่างใด ซึ่งหากแต่ละพรรคการเมืองไม่ตระหนักถึงการหารายได้สนใจเพียงการใช้จ่ายเงินงบประมาณเพื่อเรียกคะแนนเสียงเพียงอย่างเดียวอาจส่งผลกระทบต่อวินัยทางการคลังได้ เพราะหากมีโครงการที่ใช้งบประมาณมหาศาลถึง 3 ล้านล้านบาทแต่ไม่มีแผนการหารายได้ควบคู่ไปด้วยคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

“กระทรวงการคลังและกรมจัดเก็บภาษีประเมินว่าหากปล่อยให้ฝ่ายการเมืองถลุงเงินมหาศาลโดยไม่พูดถึงการจัดเก็บเลยก็อาจมีปัญหา แม้ว่ากระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณจะเซ็นเอ็มโอยูเรื่องทำงบสมดุล 5 ปีแต่หากพรรคการเมืองที่เข้ามาเป็นรัฐบาลไม่สนใจประเด็นนี้ก็คงกระทบต่อวินัยทางการคลังและหากใช้เงินโดยไม่สนใจวินัยการคลังแล้วฐานะทางการคลังของประเทศอาจเลยร้ายเหมือนหลายๆ ประเทศในยุโรปได้จึงอยากให้พรรคการเมืองคำนึงถึงจุดนี้ด้วย” แหล่งข่าวกล่าว

ด้านนายสาธิต รังคสิริ อธิบดี กรมสรรพากรเปิดเผยถึงการจัดเก็บรายได้ช่วง 8 เดือนของปีงบประมาณ สิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคมว่า สามารถจัดเก็บได้ทั้งสิ้น 964,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 220,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการประมาณ 15-16% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 21% ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการบยื่นภาษีนิติบุคคล เนื่องจากการจัดเก็บภาษีอยู่ในเกณฑ์สูงทุกตัว โดยเฉพาะภาษีนิติบุคคลที่จัดเก็บได้ถึง 321,000 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการถึง 81,000 ล้านบาท หรือ 34% ซึ่งเป็นไปตามคาด จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงกลไกการเพิ่มภาษีที่มีการตรวจเช็คฐานภาษีจากการหักภาษี ณที่จ่ายไปฐานภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม

“รายได้ที่สูงกว่าประมาณการมาก ส่วนหนึ่งเป็นไปตามการฟื้นตัวขึ้นของเศรษฐกิจ แต่ก็คงไม่มากขนาดนี้ หากไม่มีการปรับกระลบวนการทำงานมาตั้งแต่ต้นปีของกรมสรรพากร ที่มีการตรวจเช็คการเสียภาษีจากภาษีหัก ณ ที่จ่าย ที่ทำให้เราสามารถจัดเก็บภาษีได้สูงกว่าประมาณการมาก และยังทำให้ฐานผู้เสียภาษีเข้ามาอยู่ในระบบเพิ่มขึ้นด้วย แต่ภาษี ปิโตรเลี่ยมต่ำกว่าประมาณการ ซึ่งไม่ได้เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องการขุดเจาะแท่งน้ำมัน”นายสาธิตกล่าว

อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดายังไม่ดีนัก เนื่องจากมีสิทธิลดหย่อนภาษีค่อนข้างมาก 18-20 รายการ เพิ่มขึ้นประมาณ 4 รายการจากปีก่อน เช่น ประกัน การส่งเสริมการท่องเที่ยว ช่วยเหลือเรื่องอุกภัย สิทธิลดหย่อนคนพิการ ทำให้รวมแล้วมีรายการสิทธิลดหย่อนประมาณ 19-20 รายการ ทำให้ฐานการเสียภาษีบุคคลธรรมดาหายไป แค่ลดหย่อนบุคคลธรรมดาร 30,000 บาท ก็จะทำให้คนที่มีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือนไม่ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดา จึงมีผลให้คนที่มีรายได้ปีละ 1 แสนบาทก็ไม่ต้องเสียภาษีกลายเป็นและเมื่อสิทธิลดหย่อนมากขึ้น ก็จะยิ่งทำให้คนที่มีรายได้มากขึ้นไม่ต้องเสียภาษีด้วย

นายสาธิตกล่าวต่อว่า กรมสรรพากรมีความพร้อมของข้อมูลในการจัดเก็บภาษีต่างๆแล้ว เพื่อรอเสนอกับรัฐบาลใหม่ว่า จะมีการปรับโครงสร้างภาษีอย่างไรบ้าง โดยรวมถึงได้สังเคราะห์ข้อมูลของนโยบายพรรคการเมืองต่างๆเข้าไปด้วย เพราะเห็นว่า มีหลายพรรคได้มีนโยบายที่จะลดภาษีนิติบุคคลลง รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย เพื่อจะได้มีข้อมูลที่ชัดเจนเสนอว่า แต่ละภาษีที่จะลดลงทุกๆ 1% จะกระทบต่อการจัดเก็บรายได้อย่างไรบ้าง หรือแม้แต่รวมทุกอย่างที่ลดลง อาจจะไม่มากเท่ากับที่ประเมินก็ได้ เพราะภาษีบางตัวมันซ้อนกันอยู่ และสุดท้ายจะลดภาษีนิติบุคคลหรือภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราใด ขึ้นกับการตัดสินใจของรัฐบาลใหม่ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

“แนวทางการลดภาษีนิติบุคคลถือว่าเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ และหันมาเก็บภาษีทางอ้อมและภาษีเฉพาะมากขึ้นเช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร เนื่องจากการจัดตั้งสำนักงานสำนักงานใหญ่ทำได้ง่ายขึ้น หากเห็นว่าภาษีทางตรงหรือภาษีนิติบุคคลสูง ก็ย้ายไปตั้งในประเทศที่ภาษีนิติบุคคลถูก ทำให้ประเทศต่างๆลดความสำคัญของภาษีตรงมากขึ้นและหันมาเก็บภาษทางอ้อมแทน” นายสาธิตกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น