รมว.คลัง ชี้ การปรับค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มอีก 25% ต้องพิจารณาควบคู่กับต้นทุนการผลิต การลดภาษีเงินได้ให้นิติบุคคล เพื่อนำไปตอบแทนแรงงาน ต้องสอดคล้องกันทุกด้าน ยันลดภาษีสรรพสามิตเพื่อตรึงดีเซล 30 บาท ยังมีความจำเป็น เพราะสินค้ามักขึ้นราคาตามน้ำมันแต่ไม่ลงตาม
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกร้อยละ 25 โดยยืนยันว่า นโยบายดังกล่าวไม่เพียงจะช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน แต่ต้องคำนึงถึงต้นทุนของผู้ประกอบการ ซึ่งการลดภาษีเงินได้ให้นิติบุคคล เพื่อนำไปตอบแทนแรงงาน ต้องสอดคล้องกันทุกด้าน
ทั้งนี้ รมว.คลัง มั่นใจว่า หากรายได้ประชาชนเพิ่มขึ้น การจับจ่ายใช้สอยในประเทศจะดีขึ้น รวมไปถึงความเป็นอยู่ก็จะดีขึ้น โดยจะดำเนินการภายใน 2 ปี
ส่วนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตน้ำมัน กระทรวงการคลังขอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2554 นี้ เพราะถ้าปล่อยให้น้ำมันดีเซลไม่ได้รับการชดเชยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง จะทำให้น้ำมันปรับขึ้นมาอยู่ที่ 36 บาทต่อลิตร ซึ่งจะส่งผลกระทบราคาสินค้า ที่จะปรับขึ้นอย่างแน่นอน และแม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะลดลง แต่ราคาสินค้าจะไม่ปรับลดลงตามราคาน้ำมัน
ด้าน นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย เรียกร้องให้รัฐบาลปัจจุบันและชุดใหม่ พิจารณาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ควบคู่กับความสามารถในการผลิต เพราะหากปรับขึ้นค่าแรง แต่ปริมาณการผลิตและประสิทธิภาพเท่าเดิม จะไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ส่วนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตน้ำมัน มองว่า ในระยะสั่นสามารถทำได้ แต่ในระยะยาวไม่สามารถทำได้ ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกลตลาด