xs
xsm
sm
md
lg

สรรพากร คาดปีนี้ ปชช.ยื่นแบบ ภ.ง.ด.ผ่านเน็ตสูงกว่า 7 ล้านราย แนะยื่นเร็วได้คืนภาษีเร็ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กรมสรรพากร แนะ ปชช.เร่งยื่นภาษีประจำปี โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการขอคืนภาษี ชี้ หากยื่นเร็วก็จะได้คืนเร็ว ไม่กระจุกตัวในเดือน มี.ค.เผยปีที่ผ่านมา มีผู้ยื่นแบบทั้งหมด 9 ล้านราย แนะยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต เพราะสะดวกรวดเร็ว ระบุ ปีที่แล้วมีผู้ยื่นสูงถึง 7 ล้านราย

นายอนันต์ ศิริแสงทักษิณ รองอธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การร่วมมือกับสถาบันต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาเพื่อส่งเสริมให้เด็กตระหนักถึงความสำคัญในการเสียภาษีเมื่อเข้าสู่วัยทำงานโดยเฉพาะการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เพราะตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา ถึงกำหนดให้ประชาชนยื่นแบบแสดงตนการเสียภาษีแล้ว โดยจะครบกำหนดในเดือนมีนาคม 2554 เพื่อให้ประชาชนยื่นเสียภาษีได้รวดเร็วไม่กระจุกตัวเฉพาะเดือนมีนาคม จึงเตรียมปรับระบบบัญชีสำหรับการหักภาษี ณ ที่จ่ายประจำปี 2553 เพื่อให้ทุกคนยื่นได้เร็วมากขึ้น

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีผู้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจำนวน 9 ล้านคน แต่ยื่นผ่านทางอินเทอร์เน็ต 7 ล้านคน ปีนี้คาดว่าไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะผู้ที่ยื่นเสียภาษีผ่านอินเทอร์เน็ตในช่วงนี้ หากเตรียมเอกสารไว้ครบถ้วนเมื่อได้รับคืนภาษีก็จะได้รับเงินคืนภายใน 3 วัน เนื่องจากปริมาณผู้ยื่นภาษี ยังมีไม่มาก หากในช่วงเดือนมีนาคมมักจะมีประชาชนยื่นเสียภาษีจำนวนมาก และจะเกิดความล่าช้าในการคืนภาษี ในขณะเดียวกัน กรมสรรพกรได้เตรียมปรับระบบการยื่นภาษีผ่านทางอินเทอร์เน็ตทั้งระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคลและการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้เกิดความสะดวกรวดเร็วมากกว่าช่วงที่ผ่านมา

ดังนั้น หากใครมีการบริจาคเพื่อหักลดหย่อนภาษี เช่น บริจาคทำบุญ วัด โรงเรียน โรงพยาบาล ให้เตรียมเอกสารเพื่อยื่นแสดงต่อกรมสรรพากรให้พร้อม เพื่อส่งให้กับเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้างขอคืนภาษีผ่านทางโทรศัพท์ หรือหลอกลวงให้กดเงินผ่านทางเอทีเอ็ม รวมถึงขอบัตรประชาชนเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอคืนภาษี โดยมิจฉาชีพมักเข้าหากลุ่มหนุ่มสาวโรงงาน เพื่อหวังผลตอบแทนเพียงเล็กน้อย อาจถูกดำเนินคดีมีส่วนร่วมกระทำผิดโทษหนักถึงขั้นจำคุกได้ เพราะที่ผ่านมากลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวถูกจับแล้วหลายรายโดยยืนยันว่ากรมสรรพากรจะคืนเงินภาษีเป็นเช็คเงินสดเท่านั้น

นายอนันต์ กล่าวว่า กรมสรรพากรกำลังศึกษาโครงสร้างภาษีเพื่อกำหนดกรอบการปรับลด หรือเพิ่มอัตราภาษีทั้งหมด ทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) โดยเบื้องต้น ในส่วนของภาษีนิติบุคคลนั้น ระดับที่คาดว่าจะสามารถปรับลดได้ คือ ร้อยละ 25 จากปัจจุบันจัดเก็บอยู่ ร้อยละ 30 ซึ่งกรมสรรพากรมองว่าจะเป็นระดับที่เหมาะสมมากที่สุด หากจะให้ปรับลดมาอยู่ระดับต่ำกว่านี้ กรมจะต้องศึกษาอัตราภาษีอย่างรอบคอบว่าจะสามารถเพิ่มภาษีตัวใดได้บ้าง เพื่อไม่กระทบกับรายได้ของรัฐและประชาชน

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะไม่ขึ้นภาษี Vat เพราะหากจะปรับลดภาษีนิติบุคคลและเพิ่มอัตราภาษี Vat อาจมีผลต่อการบริโภคภายในประเทศ โดยการลดหรือเพิ่มอัตราภาษีร้อยละ 1 จะคิดเป็นมูลค่า 10,000 ล้านบาท ดังนั้น จะต้องพิจารณาให้รอบคอบและจะต้องขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อ และอำนาจการซื้อของประชาชน หากกำลังซื้อลดลงก็จะมีผลต่อรายได้รัฐด้วย

สำหรับการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบในปีนี้ น่าจะเป็นการกำหนดกรอบว่าจะอยู่ระดับใด และคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นภายในปี 2555 เพื่อให้ทันต่อการรองรับที่ประเทศไทยจะเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนซึ่งจะเปิดการค้าเสรี และคาดว่า น่าจะทันการแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติ ควบรวมกิจการ เพื่อพัฒนาตลาดทุนด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น