xs
xsm
sm
md
lg

มาร์คหมดท่าวอนเขมรถอนคดี ชัดไทยเสียเปรียบ พธม.เตือนตกหลุมพราง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน- พธม.เตือนเขมรคิดไม่ซื่อ ขุดหลุมพรางให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร ชวนทำธุรกิจร่วมกันบนพื้นที่พิพาท 4.6 ตร.กม. ชี้แค่ส่งสัญญาณหลอก ด้าน “มาร์ค" หมดท่าขานรับข้อเสนอจูบปาก "ฮุนเซน" ขอบริหารร่วม แต่ให้ขนคนออกจากพื้นที่ 4.6 พร้อมขอให้ถอนฟ้องคดีออกจากศาลโลก

วานนี้ ( 5 มิ.ย. )นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งข้อสังเกตกรณี พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก ออกมาระบุว่า นายฮุน เซน ต้องการให้ไทยและกัมพูชา ถอนกำลังออกจากพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร พร้อมให้ทำธุรกิจร่วมกันในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร และเปิดเจรจาคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย -กัมพูชา หรือ เจบีซี

รวมทั้งการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาระบุว่า พร้อมพูดคุยกับกัมพูชา แต่ต้องมีการถอนฟ้องคดีปราสาทพระวิหาร และถอนทหารกำลังออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร พร้อมชะลอแผนจัดการพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร โดยภาคประชาชนเห็นว่า กัมพูชามีการส่งสัญญาณทำให้เห็นว่าไทยได้เปรียบในเวทีศาลโลก แต่ก็ไม่มีหลักประกันใดว่าไทยจะชนะคดีในศาลโลก

อย่างไรก็ตามหาก ไทยและกัมพูชาถอนทหารออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ก็จะเข้าหลักเกณฑ์ของกัมพูชา ในการจัดการพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร สำหรับการพัฒนาธุรกิจร่วมกัน ก็เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าจะสามารถรักษาอธิปไตยได้ เพราะกรรมสิทธิ์ปราสาทพระวิหารได้กลายเป็นของกัมพูชาทั้งหมด

นายปานเทพ ยังได้กล่าวถึงกรณีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ มีท่าทียอมรับอำนาจศาลโลก โดยเห็นว่าไทยต้องพิจารณาในเรื่องนี้ให้รอบคอบ และหากต้องต่อสู้ในระดับสหประชาชาติ ไทยต้องพิจารณาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศสมาชิกถาวรใหม่ เพราะที่ผ่านมาไทยมีพฤติการณ์บั่นทอนความสัมพันธ์กับประเทศสมาชิกอย่าง รัสเซีย จีน ฝรั่งเศส และ อเมริกา จากหลายๆ กรณี นอกจากนี้ยังพบว่าประเทศฝรั่งเศสมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกัมพูชาอีกด้วย ซึ่งข้อเสนอที่เกิดขึ้นอาจเป็นการสมรู้ร่วมคิดกันเพื่อให้องค์กรต่างๆ เอื้อประโยชน์ให้กัมพูชา

วันเดียวกันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังท่าอากาศยานดอนเมือง ด้วยรถยนต์ประจำตำแหน่ง เบนซ์ s 600 สีดำ หมายเลขทะเบียน ษห.3834 โดยนายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปลงพื้นที่หาเสียงใน จ.สุโขทัย ถึงกรณีที่ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา มีข้อเสนอ 3 ข้อ ในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทความขัดแย้งเรื่องปราสาทพระวิหาร ว่า ความจริงการแก้ปัญหาที่จะเห็นคือ การพูดคุยกัน และกรอบที่มีอยู่แล้วคือ เจบีซี หากเห็นว่าเจบีซีเป็นเวทีที่เหมาะสมก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เราต้องเริ่มต้นจากการเข้าใจว่า กรอบเจบีซีที่มีเอ็มโอยูที่ระบุไว้ชัดว่าพื้นที่ตรงนั้นต้องไม่มีใครเข้าไปเปลี่ยนแปลงอะไร หากจะใช้กลไกเดิม ต้องเคารพเอ็มโอยู กัมพูชาต้องถอนคนออกไปนอกพื้นที่

ส่วนถ้าหากเห็นว่าในพื้นที่ตรงนั้นจะมาตกลงบริหารร่วมกันทั้งสองฝ่าย ตนคิดว่ากัมพูชาก็ควรจะแสดงความจริงใจตรงนี้ ด้วยการถอนเรื่องออกจากศาลโลก และด้วยการที่บอกกับมรดกโลกว่า การเดินหน้าที่จะไปขึ้นมรดกโลกฝ่ายเดียวนั้นจะหยุดเอาไว้ และค่อยมาคุยกับฝ่ายไทยก่อน ตนว่าถ้าเป็นแบบนี้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีระหว่างสองประเทศ

เมื่อถามว่า เป็นการถอนออกมาตั้งต้นกันใหม่ และให้มีการขึ้นทะเบียนร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ครับ ถอนมาตั้งต้นกันใหม่ ดูพื้นที่ทั้งหมดตรงนั้นและดูว่าจะทำอย่างไร แต่ถ้าหากบอกว่าอยากจะทำแนวนี้ แต่ขณะเดียวกันก็ยังไปฟ้องศาลโลกไปเดินหน้าขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว ขณะเดียวกันก็ยังทำให้เกิดเหตุการณ์การปะทะ แต่ก็ไปเวทีต่างประเทศตนว่าก็ไม่สอดคล้องกับข้อเสนอที่พูดมาทั้งหมด

เมื่อถามว่า ทางกัมพูชา ดูมีท่าทีอ่อนลง จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะได้พูดคุยกับ ฮุนเซ็น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นท่าทีที่ชัดเจน ตนและทางรัฐบาลไทยก็ยินดีคุย แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บอก ไม่เช่นนั้นการพูดคุยกันก็ทำไป แต่ปรากฏว่ากัมพูชาก็ไปเดินทางด้านอื่นอีก

**อ้างยังพยายามช่วยเหลือ"ราตรี-วีระ"

เมื่อถามต่อว่า ในขณะนี้กระบวนการพิจารณาของศาลโลกก็ดำเนินการไปแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ากัมพูชาเห็นว่าแนวทางนี้ดีที่สุด ก็ให้นำเรื่องออกมาจากองค์กรต่างๆซะ กลับมานั่งคุยกันสองฝ่าย ปฎิบัติตามเอ็มโอยูก็หมดเรื่อง

เมื่อถามว่า คิดว่าแนวทางนี้เป็นแนวทางที่จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าดีที่สุด เพราะว่านั้นก็คือเจตนารมณ์ตั้งแต่ต้นของการทำเอ็มโอยู เพื่อไม้ให้มีปัญหาเขตแดนมาทำให้เกิดการกระทบกระทั่ง และจะได้ไม่เดือนร้อนพี่น้องประชาชนบริเวณชายแดน ไม่กระทบความสัมพันธ์สองประเทศ ตนต้องการเห็นชายแดนมีความสงบ แต่ละประเทศรักษาสิทธิ์ของตนเอง และความสัมพันธ์ก็ส่งเสริมกันไป เพราะอยู่ในอาเซียนด้วยกันอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า จะมีการสอบสวนท่าทีของกัมพูชาให้ชัดเจนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนจะคุยกับทางกระทรวงให้ไปดำเนินการ แต่ตอนนี้ยังมีเรื่องอยู่ในเวทีอื่นๆ เพราะฉะนั้นก็ต้องให้มั่นใจเวทีอื่นๆก่อน

เมื่อถามว่าหากเราสามารถดูแลท่าทีโดยรวมของไทยกับกัมพูชาได้ การที่เราจะนำนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ถูกกัมพูชาควบคุมตัวออกมาได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นส่วนที่เราพยายามทำอย่างต่อเนื่อง

**กต.โต้ เขมรอ้างไทยส่งเครื่องบินล้ำน่านฟ้า

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ทางไทยขอปฎิเสธความเข้าใจผิดดังกล่าว ซึ่งในเรื่องนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบข้อมูลไปยังทางทหารของไทย ได้รับการยืนยันว่า ไม่มีการล้ำเข้าไปในดินแดนของกัมพูชาอย่างแน่นอน แม้ว่าทางกองทัพจะมีการใช้เครื่องประเภทปีกหมุนในพื้นที่ แต่ก็มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนว่า ต้องรักษระยะบินห่างเส้นเขตแดน โดยเป็นไปได้ว่า หากมองจากฝั่งกัมพูชา อาจจะเห็นว่าล้ำในดินแดนของตน เนื่องจากมองในมุมเฉียง

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศจะมีหนังสือปฏิเสธข้อกล่าวหา และชี้แจงไปยังกัมพูชา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

**เขมรประท้วงมั่วอ้างเครื่องบินไทยบินล้ำ

เว็บไซต์ ฟิฟทีนมูฟ รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. กระทรวงต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา มีหนังสือประท้วงถึงสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ต่อกรณีที่มีข่าวการละเมิดน่านฟ้ากัมพูชา โดยเครื่องบินของทหารไทย ซึ่งหนังสือประท้วงดังกล่าว กล่าวหาโดยระบุรายละเอียดการล่วงล้ำน่านฟ้า วันที่ 31 พ.ค. เวลา 11.30 น. เครื่องบินไทย รุ่น L-19 ได้ละเมิดน่านฟ้ากัมพูชา โดยบินเหนือพื้นที่ตามพรมแดน จากด่านบึงตรอกวน ในหมู่บ้านบันเตียเมียนริต ต.โคกโรเมียต อ.ทมาปวก แล้วบินไปถึงเมืองปอยเปต และบินกลับจากเมืองปอยเปต มาที่บึงตรอกวน

วันที่ 1 มิ.ย. เวลา 11.05 น. เครื่องบินไทย รุ่น L-19 ได้ละเมิดน่านฟ้ากัมพูชา ตามแนวพรมแดนเหนือ 3 อำเภอของกัมพูชา คือ อ.โอร์จเร๊า อ.ซวายเจก และ อ.ทมาปวก โดยบินเหนือพื้นที่เมืองปอยเปต และเหนือพื้นที่ติดกับเมืองปอยเปต ไปหมู่บ้านโจ็กเจ็ย (โชคชัย หรือ หนองจาน) ต.โอร์บีจวน แล้วบินไปยังด่านบึงตรอกวน ในหมู่บ้านบันเตียเมียนริต ต.โคกโรเมียต อ.ทมาปวก ต่อมาเมื่อวันที่ 3 มิ.ย เมื่อเวลา 07.45 น. ทหารพรานไทย จากหน่วย 523 ได้ใช้ร่มบินติดเครื่องยนต์ บินตรวจการณ์ในน่านฟ้ากัมพูชา เหนือพื้นที่ตามแนวพรมแดนใน อ.พนมปรึก จ.พระตะบอง

หนังสือฉบับดังกล่าวระบุในตอนท้ายว่า กระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ขอประท้วงอย่างรุนแรง ต่อการละเมิดน่านฟ้ากัมพูชา ซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยกองกำลังติดอาวุธของไทย ดังกล่าวถึงข้างต้น ซึ่งกล่าวได้ว่า เป็นการเตรียมการเพื่อโจมตีแผ่นดินกัมพูชา อีกครั้ง แม้กัมพูชา จะมีท่าทีที่อดทนอย่างสูงสุด เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะระหว่างกองกำลังติดอาวุธของประเทศทั้ง 2 ที่อาจเกิดขึ้นได้อีก กัมพูชา รักษาสิทธิ์ตามกฎหมายในการป้องกันตนเอง ปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพดินแดนของตน

หนังสือของกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ออกตามหลังแถลงการณ์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่ออกอย่างรีบเร่งในช่วงเย็นวันที่ 3 มิ.ย. โดยหนังสือทั้ง 2 ฉบับ มีเนื้อหาตรงกัน

**เทพมนตรีนำคณะยื่นหนังสือยูเนสโก

มีรายงานว่า เวลา 10.00น.ที่หน้า ยูเนสโก เอกมัย ถนนสุขุมวิทวันที่ 17 มิถุนายน 2554 นี้ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการและคณะจะไปยื่นหนังสืออธิบายเหตุการณ์และเหตุผลทั้งหมดผ่านยูเนสโกประเทศไทยไปถึงยูเนสโกปารีสและเลขานุการคณะกรรมการมรดกโลกสากลให้ถอดการขึ้นบัญชีปราสาทพระวิหารออกจากรายชื่อมรดกโลก

"ถ้าไม่ยอมจะไล่ยูเนสโกให้พ้นประเทศไทยเพราะเป็นองค์กรที่ฉ้อฉลทำผิดอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก" นายเทพมนตรีกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น