ASTVผู้จัดการรายวัน-พันธมิตรฯ ชี้ไทยวิกฤต หลังยูเนสโกเมินชงข้อเสนอลบชื่อพระวิหารพ้นมรดกโลก ระดมพลบุกยูเนสโก 10 โมงเช้าวันนี้ กดดันยุติแผนจัดการพระวิหารของเขมร ลั่นขวางถึงที่สุด "ประพันธ์"จี้ถอนตัวยูเนสโก โทษฐานเป็นตัวการสร้างความขัดแย้ง 2 ชาติ แนะ"สุวิทย์"สู้ให้ถึงที่สุด
วานนี้ ( 21 มิ.ย. ) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยนายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ร่วมกันแถลงข่าว กรณีคณะกรรมการมรดกโลกไม่บรรจุข้อเรียกร้อง ลบชื่อปราสาทพระวิหารออกจากบัญชีรายชื่อมรดกโลกไว้ในวาระการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 35 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
นายปานเทพกล่าวว่า กคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรฯ ได้รับรายงานจากนายเทพมนตรี ลิมปพยอม ว่า ในวันพุธที่ 22 มิ.ย.นี้ คณะกรรมการมรดกโลกจะพิจารณาวาระเรื่องแผนบริหารจัดการมรดกโลก และปราสาทพระวิหารให้เป็นของกัมพูชา ซึ่งกรณีดังกล่าวทำให้เห็นได้ว่าการที่ภาคประชาชนได้ยื่นหนังสือต่อสำนักงานยูเนสโก ประจำประเทศไทย เพื่อให้ส่งต่อไปยังสำนักงานยูเนสโก ที่ประเทศฝรั่งเศส เพื่อไปบรรจุในวาระว่าภาคประชาชนต้องการให้ลบชื่อปราสาทพระวิหารออกจากบัญชีมรดกโลกนั้น มิได้ถูกบรรจุอยู่ในวาระแต่ประการใด
"เป็นช่วงเวลาที่วิกฤติอย่างยิ่ง ทำให้ภาคประชาชนโดยคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรฯ และพันธมิตรฯ จะต้องเดินทางไปชุมนุมที่หน้าสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ ย่านเอกมัย ถนนสุขุมวิท ในเวลา 10.00 น. วันนี้ (22 มิ.ย.) เพื่อกดดัน และให้ยูเนสโก ที่ฝรั่งเศส ยุติการเดินหน้าแผนบริหารจัดการมรดกโลก และถอนบัญชีปราสาทพระวิหาร ออกจากบัญชีมรดกโลกโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะดำเนินการชุมนุมตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป และจะมีการประสานกับนายเทพมนตรี ซึ่งเป็นตัวแทน คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรฯ ที่กำลังอยู่ในการพูดคุยกับคณะผู้เจรจาฝ่ายไทยอยู่ในเวลาตอนนี้ เพื่อขัดขวางการขึ้นทะเบียนให้ถึงที่สุดด้วย"นายปานเทพกล่าว
ด้านนายประพันธ์กล่าวว่า ประเด็นที่ยูเนสโกยืนยันว่า เราได้ไปแสดงเจตนารมณ์และให้ข้อเท็จจริงต่อยูเนสโกเกือบครบถ้วนหมดแล้ว ถึงที่มาที่ไปของกระบวนการขึ้นทะเบียนมรดกโลกครั้งนี้ว่ามีพฤติกรรมในลักษณะที่ส่อว่าจะรุกรานเอาดินแดนและอธิปไตยของประเทศไทยไปผนวกรวมอยู่ในแผนบริหารจัดการภายใต้การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร และที่กัมพูชาเดินหน้ามาได้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะว่าคณะกรรมการมรดกโลก และยูเนสโก สมรู้ร่วมคิดกับกัมพูชา แต่เราก็ยังให้โอกาสว่า ถ้าหากยูเนสโกเห็นแก่ปณิธานและหลักการของยูเนสโก และหลักการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเอง ควรจะได้ลบชื่อปราสาทพระวิหารออกจากการขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางวัฒนธรรมเสีย
ทั้งนี้ ยืนยันว่าถ้าหากยูเนสโกเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป จะนำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา และจะทำให้ยูเนสโก ที่อยู่ในไทยและทั่วโลกเผชิญหน้าประชาชนไทย เพราะถือว่ายูเนสโก เป็นผู้สนับสนุน และเป็นเครื่องมือของประเทศมหาอำนาจในการรุกรานอธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งประชาชนไทยก็จะไม่ยอมในประเด็นนี้ เราได้ฝากความห่วงใย และคำเตือนนี้ไปถึงองค์การยูเนสโก ผ่านผู้แทนยูเนสโกที่ประเทศไทยไปแล้ว ถ้าหากวันนี้มีการประชุม และยังมีการเดินหน้าที่จะให้เป็นไปตามคำร้องขอของกัมพูชา ในการขึ้นทะเบียนมรดกโลก แล้วยังผนวกเอาดินแดนของประเทศไทยไปด้วย โดยไม่ฟังเสียงของประชาชนไทย ตนเชื่อว่าประชาชนไทยจะไม่ยอม เพราะว่าเราได้พูดเรื่องนี้อย่างจริงจังกับผู้แทนยูเนสโกไปแล้ว
"การเคลื่อนไหวของพวกเราที่ไปที่ยูเนสโกในวันนี้ ก็เพื่อที่จะยืนยันเจตนารมณ์อันเดิมของเรา ในระหว่างการประชุมของคณะกรรมการมรดกโลก ให้รู้ว่าประชาชนไทยจะไม่ลดละในการต่อสู้เรื่องนี้จนถึงที่สุด ถ้าหากว่ายูเนสโก จะได้กลายเป็นองค์กรที่เป็นศัตรูกับประชาชนไทยแล้ว ยูเนสโก ก็ไม่สมควรที่จะตั้งอยู่ในประเทศไทยต่อไป ประชาชนไทยก็คงจะต้องมีการเรียกร้อง กดดัน ต่อสู้ทุกวิถีทาง เพื่อให้ประเทศไทยต้องถอนตัวออกจากยูเนสโก สหรัฐฯ ก็เคยถอนตัว ประเทศอื่นก็เคยถอนตัว เมื่อเห็นว่ายูเนสโกมีพฤติกรรมที่ไม่เคารพหลักการของตนเอง และเข้าไปเกี่ยวข้อง แทรกแซงกิจการภายใน หรือข้อพิพาทระหว่างประเทศ ซึ่งมันไม่ใช่หลักการของยูเนสโก เพราะฉะนั้นเมื่อยูเนสโกไม่เคารพหลักการของตนเอง ประชาชนไทยก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เคารพยูเนสโก และไม่เคารพหลักการเช่นเดียวกัน เพราะว่าเขาเป็นผู้ละเมิดหลักการก่อน"นายประพันธ์กล่าว
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ท่าทีแนวโน้มของการประชุม จะมุ่งไปในทิศทางอย่างไร ยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจว่าทางฝ่ายกัมพูชาและคณะกรรมการมรดกโลก ยังมุ่งที่จะเดินหน้าในการประชุมครั้งนี้ ไปตามแผนการเดิมทุกประการ แม้กระทั่งเรื่องที่ว่าจะเลื่อน ก็ไม่สนใจ ฉะนั้นวันนี้มันถึงจุดแตกหักที่สำคัญที่ประเทศไทยเองก็ถอยไม่ได้ ถ้านายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการฯ มุ่งที่จะรักษาดินแดนของประเทศ ก็ต้องสู้ในประเด็นนี้ อย่างถึงที่สุด
ส่วนการชุมนุมที่หน้ายูเนสโกในวันนี้ จะมีการปักหลักพักค้างหรือไม่นั้น นายปานเทพ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และการประเมินสถานการณ์ แต่วาระการประชุมในวันนี้ เราอาจจะรู้ผลในวันนี้เลยก็ได้ ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง อาจจะมีการเลื่อนไปอีกหนึ่งวันก็ได้ ในระหว่างการเจรจาทุกอย่างเป็นไปได้ จึงไม่มีใครกำหนดแน่ชัด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาตอนนั้น แต่ขอประกาศว่า การไปครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการกดดันปกติ แต่เป็นการประกาศว่า ถ้ายูเนสโกยังคงลุแก่อำนาจ เดินหน้าโดยที่มีการละเมิดอธิปไตยต่อประเทศไทย ประชาชนชาวไทยจะถือว่า ยูเนสโก เป็นศัตรูกับประชาชนคนไทย จะยกสถานภาพไม่ใช่เป็นแค่องค์กรรักษาสันติภาพ หรือมรดกทางวัฒนธรรม ไม่ใช่องค์กรเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว ในสายตาประชาชนชาวไทย ซึ่งตนหวังว่าวันนี้ จะเป็นการสำแดงพลังเพื่อเรียกร้องให้ยูเนสโก และคณะกรรมการมรดกโลก ทบทวนท่าทีของตัวเองอย่างเร่งด่วน
ส่วนบรรยากาศทั่วไปที่หมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหารเพียง 11 กม. แต่หากเดินเท้าจะห่างเพียง 6 กม.เท่านั้น โดยในระหว่างการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 19-29 มิ.ย. ณ สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ชาวบ้านก็ยังออกไปใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ออกไปกรีดยาง ทำไร่ ทำนา ทำสวนตามปกติ บางส่วนก็นั่งจับกลุ่มคุยกันถึงสถานการณ์บ้านเมือง และได้ติดตามข่าวสารทางโทรทัศน์อยู่อย่างต่อเนื่อง ที่แน่นอน คือ ทุกคนมีการเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุมีการสู้รบกันขึ้นตามชายแดนด้านเขาพระวิหาร ก็จะลงหลุมหลบภัยให้เร็วที่สุด หรือถ้าหากการปะทะหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็จะอพยพออกนอกพื้นที่ทันที
นางสวน ตั้งสุข อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 บ้านภูมิซรอล หมู่ที่ 2 ตำบลเสาธงชัย กล่าวว่า ทุกวันนี้ตนและเพื่อนบ้านก็ยังหวาดกลัวกันอยู่ตลอด หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สู้รบระหว่างทหารไทยกับเขมรเมื่อครั้งเดือนก.พ.ที่ผ่านมา กระสุนปืนใหญ่ตกใส่บ้านเพื่อนบ้านพังเสียหาย ห่างจากบ้านตนเพียง 30 เมตร ทำให้ภาพเหตุการณ์วันนั้นยังคงติดตาติดใจอยู่จนถึงทุกวันนี้ เมื่อมีเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ก็จะตกใจผวาทุกครั้ง คิดว่าเป็นเสียงปืนใหญ่อยู่เรื่อย และยังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไว้ตลอด หากมีการปะทะขึ้นอีกก็พร้อมจะอพยพออกนอกหมู่บ้านไปอยู่ที่ปลอดภัยทันที
วานนี้ ( 21 มิ.ย. ) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยนายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ร่วมกันแถลงข่าว กรณีคณะกรรมการมรดกโลกไม่บรรจุข้อเรียกร้อง ลบชื่อปราสาทพระวิหารออกจากบัญชีรายชื่อมรดกโลกไว้ในวาระการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 35 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
นายปานเทพกล่าวว่า กคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรฯ ได้รับรายงานจากนายเทพมนตรี ลิมปพยอม ว่า ในวันพุธที่ 22 มิ.ย.นี้ คณะกรรมการมรดกโลกจะพิจารณาวาระเรื่องแผนบริหารจัดการมรดกโลก และปราสาทพระวิหารให้เป็นของกัมพูชา ซึ่งกรณีดังกล่าวทำให้เห็นได้ว่าการที่ภาคประชาชนได้ยื่นหนังสือต่อสำนักงานยูเนสโก ประจำประเทศไทย เพื่อให้ส่งต่อไปยังสำนักงานยูเนสโก ที่ประเทศฝรั่งเศส เพื่อไปบรรจุในวาระว่าภาคประชาชนต้องการให้ลบชื่อปราสาทพระวิหารออกจากบัญชีมรดกโลกนั้น มิได้ถูกบรรจุอยู่ในวาระแต่ประการใด
"เป็นช่วงเวลาที่วิกฤติอย่างยิ่ง ทำให้ภาคประชาชนโดยคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรฯ และพันธมิตรฯ จะต้องเดินทางไปชุมนุมที่หน้าสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ ย่านเอกมัย ถนนสุขุมวิท ในเวลา 10.00 น. วันนี้ (22 มิ.ย.) เพื่อกดดัน และให้ยูเนสโก ที่ฝรั่งเศส ยุติการเดินหน้าแผนบริหารจัดการมรดกโลก และถอนบัญชีปราสาทพระวิหาร ออกจากบัญชีมรดกโลกโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะดำเนินการชุมนุมตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป และจะมีการประสานกับนายเทพมนตรี ซึ่งเป็นตัวแทน คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรฯ ที่กำลังอยู่ในการพูดคุยกับคณะผู้เจรจาฝ่ายไทยอยู่ในเวลาตอนนี้ เพื่อขัดขวางการขึ้นทะเบียนให้ถึงที่สุดด้วย"นายปานเทพกล่าว
ด้านนายประพันธ์กล่าวว่า ประเด็นที่ยูเนสโกยืนยันว่า เราได้ไปแสดงเจตนารมณ์และให้ข้อเท็จจริงต่อยูเนสโกเกือบครบถ้วนหมดแล้ว ถึงที่มาที่ไปของกระบวนการขึ้นทะเบียนมรดกโลกครั้งนี้ว่ามีพฤติกรรมในลักษณะที่ส่อว่าจะรุกรานเอาดินแดนและอธิปไตยของประเทศไทยไปผนวกรวมอยู่ในแผนบริหารจัดการภายใต้การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร และที่กัมพูชาเดินหน้ามาได้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะว่าคณะกรรมการมรดกโลก และยูเนสโก สมรู้ร่วมคิดกับกัมพูชา แต่เราก็ยังให้โอกาสว่า ถ้าหากยูเนสโกเห็นแก่ปณิธานและหลักการของยูเนสโก และหลักการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเอง ควรจะได้ลบชื่อปราสาทพระวิหารออกจากการขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางวัฒนธรรมเสีย
ทั้งนี้ ยืนยันว่าถ้าหากยูเนสโกเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป จะนำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา และจะทำให้ยูเนสโก ที่อยู่ในไทยและทั่วโลกเผชิญหน้าประชาชนไทย เพราะถือว่ายูเนสโก เป็นผู้สนับสนุน และเป็นเครื่องมือของประเทศมหาอำนาจในการรุกรานอธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งประชาชนไทยก็จะไม่ยอมในประเด็นนี้ เราได้ฝากความห่วงใย และคำเตือนนี้ไปถึงองค์การยูเนสโก ผ่านผู้แทนยูเนสโกที่ประเทศไทยไปแล้ว ถ้าหากวันนี้มีการประชุม และยังมีการเดินหน้าที่จะให้เป็นไปตามคำร้องขอของกัมพูชา ในการขึ้นทะเบียนมรดกโลก แล้วยังผนวกเอาดินแดนของประเทศไทยไปด้วย โดยไม่ฟังเสียงของประชาชนไทย ตนเชื่อว่าประชาชนไทยจะไม่ยอม เพราะว่าเราได้พูดเรื่องนี้อย่างจริงจังกับผู้แทนยูเนสโกไปแล้ว
"การเคลื่อนไหวของพวกเราที่ไปที่ยูเนสโกในวันนี้ ก็เพื่อที่จะยืนยันเจตนารมณ์อันเดิมของเรา ในระหว่างการประชุมของคณะกรรมการมรดกโลก ให้รู้ว่าประชาชนไทยจะไม่ลดละในการต่อสู้เรื่องนี้จนถึงที่สุด ถ้าหากว่ายูเนสโก จะได้กลายเป็นองค์กรที่เป็นศัตรูกับประชาชนไทยแล้ว ยูเนสโก ก็ไม่สมควรที่จะตั้งอยู่ในประเทศไทยต่อไป ประชาชนไทยก็คงจะต้องมีการเรียกร้อง กดดัน ต่อสู้ทุกวิถีทาง เพื่อให้ประเทศไทยต้องถอนตัวออกจากยูเนสโก สหรัฐฯ ก็เคยถอนตัว ประเทศอื่นก็เคยถอนตัว เมื่อเห็นว่ายูเนสโกมีพฤติกรรมที่ไม่เคารพหลักการของตนเอง และเข้าไปเกี่ยวข้อง แทรกแซงกิจการภายใน หรือข้อพิพาทระหว่างประเทศ ซึ่งมันไม่ใช่หลักการของยูเนสโก เพราะฉะนั้นเมื่อยูเนสโกไม่เคารพหลักการของตนเอง ประชาชนไทยก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เคารพยูเนสโก และไม่เคารพหลักการเช่นเดียวกัน เพราะว่าเขาเป็นผู้ละเมิดหลักการก่อน"นายประพันธ์กล่าว
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ท่าทีแนวโน้มของการประชุม จะมุ่งไปในทิศทางอย่างไร ยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจว่าทางฝ่ายกัมพูชาและคณะกรรมการมรดกโลก ยังมุ่งที่จะเดินหน้าในการประชุมครั้งนี้ ไปตามแผนการเดิมทุกประการ แม้กระทั่งเรื่องที่ว่าจะเลื่อน ก็ไม่สนใจ ฉะนั้นวันนี้มันถึงจุดแตกหักที่สำคัญที่ประเทศไทยเองก็ถอยไม่ได้ ถ้านายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการฯ มุ่งที่จะรักษาดินแดนของประเทศ ก็ต้องสู้ในประเด็นนี้ อย่างถึงที่สุด
ส่วนการชุมนุมที่หน้ายูเนสโกในวันนี้ จะมีการปักหลักพักค้างหรือไม่นั้น นายปานเทพ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และการประเมินสถานการณ์ แต่วาระการประชุมในวันนี้ เราอาจจะรู้ผลในวันนี้เลยก็ได้ ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง อาจจะมีการเลื่อนไปอีกหนึ่งวันก็ได้ ในระหว่างการเจรจาทุกอย่างเป็นไปได้ จึงไม่มีใครกำหนดแน่ชัด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาตอนนั้น แต่ขอประกาศว่า การไปครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการกดดันปกติ แต่เป็นการประกาศว่า ถ้ายูเนสโกยังคงลุแก่อำนาจ เดินหน้าโดยที่มีการละเมิดอธิปไตยต่อประเทศไทย ประชาชนชาวไทยจะถือว่า ยูเนสโก เป็นศัตรูกับประชาชนคนไทย จะยกสถานภาพไม่ใช่เป็นแค่องค์กรรักษาสันติภาพ หรือมรดกทางวัฒนธรรม ไม่ใช่องค์กรเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว ในสายตาประชาชนชาวไทย ซึ่งตนหวังว่าวันนี้ จะเป็นการสำแดงพลังเพื่อเรียกร้องให้ยูเนสโก และคณะกรรมการมรดกโลก ทบทวนท่าทีของตัวเองอย่างเร่งด่วน
ส่วนบรรยากาศทั่วไปที่หมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหารเพียง 11 กม. แต่หากเดินเท้าจะห่างเพียง 6 กม.เท่านั้น โดยในระหว่างการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 19-29 มิ.ย. ณ สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ชาวบ้านก็ยังออกไปใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ออกไปกรีดยาง ทำไร่ ทำนา ทำสวนตามปกติ บางส่วนก็นั่งจับกลุ่มคุยกันถึงสถานการณ์บ้านเมือง และได้ติดตามข่าวสารทางโทรทัศน์อยู่อย่างต่อเนื่อง ที่แน่นอน คือ ทุกคนมีการเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุมีการสู้รบกันขึ้นตามชายแดนด้านเขาพระวิหาร ก็จะลงหลุมหลบภัยให้เร็วที่สุด หรือถ้าหากการปะทะหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็จะอพยพออกนอกพื้นที่ทันที
นางสวน ตั้งสุข อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 บ้านภูมิซรอล หมู่ที่ 2 ตำบลเสาธงชัย กล่าวว่า ทุกวันนี้ตนและเพื่อนบ้านก็ยังหวาดกลัวกันอยู่ตลอด หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สู้รบระหว่างทหารไทยกับเขมรเมื่อครั้งเดือนก.พ.ที่ผ่านมา กระสุนปืนใหญ่ตกใส่บ้านเพื่อนบ้านพังเสียหาย ห่างจากบ้านตนเพียง 30 เมตร ทำให้ภาพเหตุการณ์วันนั้นยังคงติดตาติดใจอยู่จนถึงทุกวันนี้ เมื่อมีเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ก็จะตกใจผวาทุกครั้ง คิดว่าเป็นเสียงปืนใหญ่อยู่เรื่อย และยังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไว้ตลอด หากมีการปะทะขึ้นอีกก็พร้อมจะอพยพออกนอกหมู่บ้านไปอยู่ที่ปลอดภัยทันที