xs
xsm
sm
md
lg

สธ.เตือนอย่าตระหนกเชื้อ"อีโคไล" เบากว่าหวัด2009-ไม่เปื้อนผักผลไม้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - สธ.เตือนประชาชนอย่าตื่นตระหนกอีโคไล เหตุรุนแรงน้อยกว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 เตรียมถกวางแนวทางการป้องกัน และการรักษาพยาบาล ขณะที่ยังไม่พบผู้ป่วยในไทย รวมถึงไม่พบผักผลไม้ปนเปื้อน

นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในวันที่ 6 มิ.ย. เวลา 13.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เตรียมหารือวางแนวทางป้องกันโรคอุจจาระร่วงจากเชื้ออีโคไล ชนิด O 104 โดยมีกรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมการแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดูแลทั้งเรื่องการตรวจเฝ้าระวังเชื้อ ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล การตรวจวิเคราะห์ และเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลเอกชน

นพ.ไพจิตร์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์การระบาดของเชื้ออีโคไล ชนิด O 104 จะไม่รุนแรง และติดต่อง่ายเท่ากับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ผ่านทางระบบหายใจ การไอ จาม เนื่องจากการระบาดของเชื้อโรคดังกล่าว เป็นการติดต่อผ่านอาหารและน้ำ ที่มีการปนเปื้อนเชื้อโรค เพียงแต่ประชาชน รู้จักการป้องกันตนเองเบื้องต้นด้วยสุขบัญญัติพื้นฐาน การล้างมือให้สะอาด ก่อนปรุงและรับประทานอาหาร รับประทานอาหารที่ปรุงสุก และใช้ช้อนกลาง ในการตักอาหาร

นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า สำหรับแนวทางการรักษาหากมีการระบาดของโรคดังกล่าวขึ้น หากผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยอาการท่องร่วงโดยอุจจาระมีเลือดปน รวมถึงมีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศหรือสัมผัสกับผู้ที่เดินทางจกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงแพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยหาเชื้อ Shiga toxin จากอุจจาระ จากนั้นรักษาโรคตามอาการที่ปรากฏ เหมือนกับการรักษาโรคบิด อุจจาระร่วงโดยทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงจะมีรายที่มีภาวะแทรกซ้อน ซึ่งอัตราการเสียชีวิตจะอยู่ที่ร้อยละ 5 ทั้งนี้ สำหรับการดูแลตนเองจะไม่แนะนำให้รับประทานยาปฏิชีวนะ หรือยาหยุดถ่าย หากขาดน้ำก็จะมีการให้น้ำเกลือ หรือรับประทานเกลือแร่ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบพบแพทย์

นพ.รุ่งเรือง กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยโรคดังกล่าว รวมถึงการปนเปื้อนในผักผลไม้ที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ซึ่งส่วนตัวมองว่ามาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดในสนามบินไม่จำเป็นต้องตั้งด่านตรวจเข้มข้นอย่างกรณีไข้หวัดใหญ่ 2009 เนื่องจากประเทศไทยมีระบบที่ดีอยู่แล้ว หากเดินทางมาจากต่างประเทศหากมีอาการท้องร่วงก็ให้รับพบแพทย์ทันที.
กำลังโหลดความคิดเห็น