xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

รู้ทัน “ชูวิทย์-ปุระชัย” โปรดใช้วิจารณญาณในการ Vote

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - แม้บรรดา “ผู้เสียประโยชน์” จะพยายามปั่นกระแสบิดเบือนข้อเท็จจริงในการรณรงค์เลือกตั้งให้ไปใช้สิทธิในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใคร หรือ “โหวตโน” ว่า ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ในทางการเมือง แต่ความจริงก็ยังคงเป็นความจริงวันยังค่ำ เพราะแม้จะยังไม่เห็นบทสรุปในตอนจบ ทว่า เพียงแค่ ณ เวลานี้ โหวตโนก็ส่งผลสะเทือนต่อบรรดาพรรคการเมืองและนักการเมืองไม่น้อยทีเดียว

ไม่เช่นนั้นแล้ว คงไม่เกิดเหตุปาระเบิดเข้าใส่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อค่ำคืนวันที่ 31 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นผลมาจากความไม่พอใจต่อการรณรงค์ในครั้งนี้

สำหรับพรรคการเมืองที่ต่อต้านโหวตโนในห้วงเวลานี้ คงต้องบอกว่ากระจายออกไปในแทบทุกพรรคเลยทีเดียว

เริ่มต้นจากพรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามโฆษณาชวนเชื่อเพื่อปลุก “ผีทักษิณ” ให้ขึ้นมาหลอกหลอนด้วยวาทกรรม “ไม่เลือกเรา เขามาแน่” รวมถึงการเก็บป้ายรณรงค์โหวตโนในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตปทุมวันที่ตรวจพบว่า ได้เก็บป้ายดังกล่าวไว้ถึง 33 ป้าย เพราะต้องไม่ลืมว่า พื้นที่กรุงเทพมหานครนั้นอยู่ภายใต้การบริหารงานของ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแห่งพรรคประชาธิปัตย์

ขณะที่พรรคเพื่อไทยของ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่แม้ดูเหมือนจะได้ประโยชน์จากโหวตโน แต่พลานุภาพของ “นายประสงค์ไม่ลงคะแนน” ก็ใช่ว่าไม่มีเอาเสียเลย เพราะถึงกลับทำให้ “บก.นิ้วกลาง” ชื่อ “สมบัติ บุญงามอนงค์” ออกมารณรงค์ Vote Yes สวนกลับโหวตโนเลยทีเดียว โดยให้เหตุผลว่า เพื่อรณรงค์ให้คนไปเลือกตั้ง มีส่วนร่วมใช้ประบวนการประชาธิปไตยแก้ปัญหาการเมือง และลดโอกาสที่อำนาจนอกระบบจะเข้าแทรกแซง

แต่ที่หนักไม่แพ้กันคือ “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรครักประเทศไทย และ “ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์” หัวหน้าพรรครักษ์สันติที่เป็นเดือดเป็นแค้นกับโหวตโน ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะต้องไม่ลืมว่า ฐานเสียงของทั้งนายชูวิทย์และ ร.ต.อ.ปุระชัย กับฐานเสียงของ โหวตโนนั้นเป็นฐานเสียงเดียวกัน

กล่าวสำหรับนายชูวิทย์นั้นถึงขนาดกล้าประกาศยกหางตัวเองว่า เลือกนายชูวิทย์ดีกว่าโหวตโน เพราะแม้จะมีเสียงเดียวแต่ก็เป็นการเสนอตัวว่าเป็นพรรคการเมืองทางเลือกใหม่ที่ไม่ใช่สนใจแต่จะขอเป็นรัฐบาลเพื่อเข้าไปกอบโกย  โดยมีการปั่นกระแสในสังคมออนไลน์ว่า “โหวตโนเป็นคนสิ้นคิด โหวตให้ชูวิทย์ซะเลยก็สิ้นเรื่อง”

  แต่คำถามที่นายชูวิทย์จะต้องตอบก็คือ การรณรงค์ด้วยการป่าวประกาศว่า ขอโอกาสให้ตนเองไปเป็นฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลนั้น ทำไมนายชูวิทย์ถึงเพิ่งมาคิดหรือมาทำในช่วงที่มีการเลือกตั้ง ถ้าเจ้าพ่ออ่างเป็นคนดีและตั้งใจทำงานจริง ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยแสดงท่าทีในการตรวจสอบคอรัปชันที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่เพียงครั้งเดียว

ทำไมนายชูวิทย์ถึงเพิ่งมาตรวจสอบความทุจริตในโครงการแอร์พอตลิงก์ของพรรคภูมิใจไทยและทำไมนายชูวิทย์ถึงเพิ่งมาตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ในโครงการเรียนฟรี 15 ปีของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ฟรีไม่จริง

และข้อสำคัญคือ แทบไม่ปรากฏว่า นายชูวิทย์เคยออกปากวิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งนั่นทำให้เกิดข้อสงสัยว่า การก่อกำเนิดของพรรคพรรคนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ นช.ทักษิณ และเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะดึงคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่

เพราะถ้าหากยังจำกันได้ในช่วงที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงเกิดอาการงอนและประกาศจะตั้ง “พรรคทางเลือกใหม่” ก็มีข้อมูลยืนยันว่า ปรากฏชื่อของนายชูวิทย์ปวารณาตัวในการทำงานการเมืองร่วมกับเป็ดเหลิมด้วย

ซ้ำร้าย นายชูวิทย์ยังแบะท่าในการชวนพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านอีกต่างหาก รวมทั้งหนุนพรรคเพื่อไทยให้เป็นรัฐบาลอยู่ในที ดังคำพูดที่ว่า “ผมอยากทำงานเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นพรรคที่มีบุคลากรพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน พรรคนี้มีทนายเยอะ ทนายที่ไหนที่จะเข้ามาทำงานสร้างสรรค์ พวกเขาถนัดเรื่องค้าน แย้ง ขณะที่พรรคเพื่อไทย ในบทบาทฝ่ายค้านเป็นเรื่องที่ค่อนข้างก้ำกึ่ง ถ้าต้องทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ก็เป็นอย่างจำใจ เพราะมีวาระแอบแฝงอยู่ แต่ก็อีกนั่นแหละ ตั้งใจจะเป็นฝ่ายค้านประกาศออกๆ ไปก็เท่านั้น กวักมือเรียกใครมาร่วมก็คงไม่มา”

สอดคล้องกับกระทู้ที่บรรดาคนเสื้อแดงนำเสนอผ่านสังคมออนไลน์กันอย่างสนุกปาก โดยเฉพาะขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดที่ตีฆ้องร้องป่าวกันอย่างสนุกสนานว่า เลือกชูวิทย์ดีกว่าโหวตโน ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย

ส่วน ร.ต.อ.ปุระชัยก็ออกอาการหัวเสียอย่างเห็นได้ชัดทีเดียวหลังจากนำลูกทีมพรรครักษ์สันติไปหาเสียงที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จ.นครราชสีมา โดยขณะที่เดินเข้าไปแจกแผ่นพับให้ประชาชนที่โรงแรมเมืองทอง ถ.ชุมพล หลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการติดป้ายรณรงค์โหวตโนขนาดใหญ่หลายป้าย นายสุพจน์ พิริยะเกียรติสกุล ประธานกลุ่มพันธมิตรฯ นครราชสีมาและเจ้าของร้านข้าวต้มนายตี๋ ซึ่งตั้งอยู่ใต้โรงแรมเมืองทองได้นำแผ่นพับรณรงค์โหวตโนมาส่งมอบให้ ร.ต.อ.ปุระชัยเพื่อแลกเปลี่ยนกับแผ่นพับแนะนำตัวของพรรครักษ์สันติ ซึ่ง ร.ต.อ.ปุระชัย ได้พูดคุยกับนายสุพจน์ พร้อมขอร้องไม่ให้โหวตโนอ้างว่า ไม่มีความหมาย บ้านเมืองต้องเดินหน้า แต่นายสุพจน์ ตอบกลับว่า มีแต่นักการเมืองหน้าเก่าๆ เข้าไปโกงกินบ้านเมือง ไม่มีคนดีก็ต้องโหวตโน ก่อนที่ทั้ง 2 จะแยกย้ายกันไป

ก่อนที่ ร.ต.อ.ปุระชัยจะสั่งให้ลูกน้องซึ่งเป็นทีมงานหาเสียงย้อนกลับมาขอจดชื่อ-นามสกุล ของนายสุพจน์ไป

“ปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์” โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งคำถามถึงอาการหัวเสียของ ร.ต.อ.ปุระชัยเอาไว้อย่างตรงไปตรงมาว่า “หากมีนักการเมืองคนไหนเดือดร้อนจากป้ายดังกล่าว ก็ขอให้แจ้งมาด้วยว่า สัตว์ตัวไหนทำให้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ หรือเกิดความไม่พอใจ กรณีของ ร.ต.อ.ปุระชัย ถือเป็นครั้งแรกที่มีนักการเมืองเดือดร้อน จึงขอให้ ร.ต.อ.ปุระชัยชี้แจงด้วยว่าสัตว์ตัวไหนที่ทำให้เดือดร้อน หรือทำให้ ร.ต.อ.ปุระชัย เสียหาย”

แต่คำถามที่ ร.ต.อ.ปุระชัยจะต้องตอบก็คือ พรรครักษ์สันติของตนเองดีกว่าโหวตโนตรงไหน เฉกเช่นเดียวกับตัว ร.ต.อ.ปุระชัยเองที่จะต้องตอบว่า คุณสมบัติของตนเองดีกว่าโหวตโนที่ตรงไหน

เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ร.ต.อ.ปุระชัยก็มิได้แสดงออกถึงความเป็นนักการเมืองคุณภาพที่จะเข้ามาตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลแต่อย่างใด โดย ร.ต.อ.ปุระชัยเลือกที่จะอยู่เงียบๆ ในช่วงที่นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี

ในยุคที่บ้านเมืองผจญกับวิกฤต เกิดการปลุกระดมเผาบ้านเผาเมือง เพื่อทวงอำนาจและสมบัติคืนให้ นช.ทักษิณ ร.ต.อ.ปุระชัย ไม่เคยแสดงจุดยืนว่าตัวเองคิดอย่างไร หรือมีความคิดเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานั้นอย่างไร เพราะปลีกตัวไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ

ยกเว้นแต่เมื่อเพื่อนรักอย่าง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูล ความผิดในกรณีสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จนต้องลาออกจากตำแหน่ง ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ทำให้ ร.ต.อ.ปุระชัย ใช้ภาพของความเป็นคนดี เอาคืนให้เพื่อนด้วยการอาละวาดในที่ประชุมคณะกรรมการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขัดขวางการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับสูง เมื่อไม่เป็นผลก็ใช้วิธีวอล์คเอาต์ออกจากที่ประชุม

กระทั่งสบโอกาสที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ร.ต.อ.ปุระชัยจึงตัดสินใจตั้งพรรค แถมยังประกาศตัวว่า พร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยหวังลมๆ แล้งๆ ว่าส้มจะหล่นลงมาให้เก็บกินอย่างง่ายๆ

ขณะที่ที่มาที่ไปของพรรครักษ์สันติก็ยังมีความคลุมเครือและไม่เป็นที่แน่ชัดว่า มีเป้าประสงค์ที่แอบแฝงหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า นอกจากพรรคนี้จะเป็นพรรคตำรวจแล้ว นายทุนพรรคคนสำคัญคือ “นายพันธุ์เลิศ ใบหยก” ก็มีความสัมพันธ์ในระดับที่ไม่ธรรมดากับ นช.ทักษิณ ชินวัตรเช่นกัน

ดังนั้น เมื่อคิดสะระตะดูแล้วก็ไม่เห็นว่า มีพรรคการเมืองพรรคไหนดีกว่าโหวตโนแม้แต่เพียงพรรคเดียว ด้วยเหตุดังกล่าว ในวันที่ 3 ก.ค.นี้ จงพร้อมใจกันไปใช้สิทธิและกากบาทในช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้ใคร
ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์
กำลังโหลดความคิดเห็น