วานนี้ ( 3 มิ.ย. ) เมื่อ เวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ พร้อมทนายความเดินทางเข้าแจ้งความ ให้ดำเนินคดีกับนายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีกล่าวหาว่าตนยักยอกเงินระดมทุนของพรรคการเมืองใหม่ จำนวน 6.5 แสนบาท และบิดเบือนข้อเท็จจริง ด้วยการกล่าวหาว่า ตนลาออกจากการเป็นเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่แล้ว
ทั้งนี้ นายสุริยะใส ยืนยันว่า สิ่งที่นายสมศักดิ์กล่าวหา ไม่เป็นความจริง ตนมีพยานหลักฐานที่สามารถชี้แจงได้ชัดเจน ทั้งใบเสร็จ และเอกสารการรับเงิน และการมาแจ้งความครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องทางการเมืองที่มีความเห็นแตกต่างกัน
" เชื่อว่าการกระทำของนายสมศักดิ์ มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ที่ต้องการทำให้กรรมการบริหารพรรค ที่สนับสนุนการโหวตโน 10 คน ลดจำนวนเหลือเท่ากับเสียงข้างน้อย เพื่อผลประโยชน์ของการลงสมัครรับเลือกตั้งของกลุ่มนายสมศักดิ์เอง ทั้งนี้ หากนายสมศักดิ์ จะดำเนินคดีกับผมอีก ก็จะให้ทนายแจ้งความกลับเช่นกัน" นายสุริยะใส กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงความขัดแย้งกับนายสมศักดิ์ ในขณะนี้ถึงขั้นไหน นายสุริยะใส กล่าวว่า คงอยู่ในจุดที่คุยกันไม่ได้แล้ว แม้ว่าจะรู้จักกับนายสมศักดิ์ มานานกว่า 10 ปี แต่นายสมศักดิ์ เปลี่ยนไป มีความดื้อดึง และความเห็นที่ขัดแย้ง ไม่สอดคล้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่เหมือนนายสมศักดิ์ คนเดิม จึงต้องมาร้องทุกข์กล่าวโทษด้วยตนเอง เพื่อหยุดพฤติกรรมนายสมศักดิ์ ที่ยังฝืนมติของพรรค
** "สมศักดิ์" รอฟ้องศาล ไม่แจ้งตร.
ด้านนายสมศักดิ์ ที่ออกมาระบุเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ว่าจะเดินทางเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง เพื่อดำเนินการเอาผิด นายสุริยะใส ในข้อหายักยอกเงินของพรรคในวันที่ 3 มิ.ย. แต่ก็ไม่ได้มาปรากฏตัว โดยมิได้แจ้งให้สื่อมวลชนทราบล่วงหน้า ทำให้สื่อมวลชนที่ไปรอทำข่าวที่ สน.นางเลิ้ง ต้องคอยเก้อ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อนายสมศักดิ์ เพื่อสอบถามความชัดเจนในกรณีดังกล่าว โดยนายสมศักดิ์ ระบุว่า ตนได้ปรึกษาทีมทนายความแล้วเห็นว่าจะไม่เดินทางไปแจ้งความกับ สน.นางเลิ้ง แต่จะดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลในคราวเดียว ซึ่งทนายความให้ความเห็นว่า หากแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องจะล่าช้า ยุ่งยาก เพราะต้องส่งเรื่องให้อัยการก่อนจะถึงศาล จึงต้องการจะฟ้องศาลเลยทีเดียว เพราะคดียักยอกเงินนี้ คาบเกี่ยวระหว่างคดีแพ่งกับคดีอาญา
ส่วนที่นายสุริยะใส เข้าแจ้งความที่กองปราบฯ นั้นตนเห็นว่า นายสุริยะใส รู้ดีว่าเป็นอย่างไร การที่ไปแจ้งความนั้นก็เป็นเพียงการออกมาแก้เกี้ยวเท่านั้น เพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ได้จากขายบัตรโต๊ะจีน ระดมเงินเข้าพรรค เพื่อใช้หาเสียงในการเลือกตั้ง โดยกรรมการบริหารพรรคมีมติให้ นายสุริยะใส นำเงินที่ได้จากการขายบัตรในส่วนที่เขารับผิดชอบส่งมอบให้พรรคภายในวันที่ 31 ต.ค.53 แต่นายสุริยะใส จ่ายให้ไม่ครบ ยังขาดอยู่ 6.5 แสนบาท โดยขณะนั้นเจ้าตัวก็รับปากว่าจะนำส่วนที่เหลือมาให้ แต่ก็ผลัดมาเรื่อย สุดท้ายก็ออกมาบอกว่า ให้เงินไปหมดแล้ว ขาดอยู่แค่ 1แสนบาทเท่านั้น แต่เมื่อตนตรวจสอบแล้วยังคงขาดอยู่ทั้งหมด 6.5 แสนบาทเท่าเดิม
"ที่ต้องดำเนินการเอาผิดนั้น เนื่องจากเงินดังกล่าวเป็นเงินของพรรคที่ได้จากประชาชน ไม่ใช่เงินส่วนตัว และขณะนี้ก็ใกล้เลือกตั้ง พรรคต้องการใช้เงินมาก " นายสมศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายสุริยะใส ยืนยันว่า สิ่งที่นายสมศักดิ์กล่าวหา ไม่เป็นความจริง ตนมีพยานหลักฐานที่สามารถชี้แจงได้ชัดเจน ทั้งใบเสร็จ และเอกสารการรับเงิน และการมาแจ้งความครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องทางการเมืองที่มีความเห็นแตกต่างกัน
" เชื่อว่าการกระทำของนายสมศักดิ์ มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ที่ต้องการทำให้กรรมการบริหารพรรค ที่สนับสนุนการโหวตโน 10 คน ลดจำนวนเหลือเท่ากับเสียงข้างน้อย เพื่อผลประโยชน์ของการลงสมัครรับเลือกตั้งของกลุ่มนายสมศักดิ์เอง ทั้งนี้ หากนายสมศักดิ์ จะดำเนินคดีกับผมอีก ก็จะให้ทนายแจ้งความกลับเช่นกัน" นายสุริยะใส กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงความขัดแย้งกับนายสมศักดิ์ ในขณะนี้ถึงขั้นไหน นายสุริยะใส กล่าวว่า คงอยู่ในจุดที่คุยกันไม่ได้แล้ว แม้ว่าจะรู้จักกับนายสมศักดิ์ มานานกว่า 10 ปี แต่นายสมศักดิ์ เปลี่ยนไป มีความดื้อดึง และความเห็นที่ขัดแย้ง ไม่สอดคล้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่เหมือนนายสมศักดิ์ คนเดิม จึงต้องมาร้องทุกข์กล่าวโทษด้วยตนเอง เพื่อหยุดพฤติกรรมนายสมศักดิ์ ที่ยังฝืนมติของพรรค
** "สมศักดิ์" รอฟ้องศาล ไม่แจ้งตร.
ด้านนายสมศักดิ์ ที่ออกมาระบุเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ว่าจะเดินทางเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง เพื่อดำเนินการเอาผิด นายสุริยะใส ในข้อหายักยอกเงินของพรรคในวันที่ 3 มิ.ย. แต่ก็ไม่ได้มาปรากฏตัว โดยมิได้แจ้งให้สื่อมวลชนทราบล่วงหน้า ทำให้สื่อมวลชนที่ไปรอทำข่าวที่ สน.นางเลิ้ง ต้องคอยเก้อ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อนายสมศักดิ์ เพื่อสอบถามความชัดเจนในกรณีดังกล่าว โดยนายสมศักดิ์ ระบุว่า ตนได้ปรึกษาทีมทนายความแล้วเห็นว่าจะไม่เดินทางไปแจ้งความกับ สน.นางเลิ้ง แต่จะดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลในคราวเดียว ซึ่งทนายความให้ความเห็นว่า หากแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องจะล่าช้า ยุ่งยาก เพราะต้องส่งเรื่องให้อัยการก่อนจะถึงศาล จึงต้องการจะฟ้องศาลเลยทีเดียว เพราะคดียักยอกเงินนี้ คาบเกี่ยวระหว่างคดีแพ่งกับคดีอาญา
ส่วนที่นายสุริยะใส เข้าแจ้งความที่กองปราบฯ นั้นตนเห็นว่า นายสุริยะใส รู้ดีว่าเป็นอย่างไร การที่ไปแจ้งความนั้นก็เป็นเพียงการออกมาแก้เกี้ยวเท่านั้น เพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ได้จากขายบัตรโต๊ะจีน ระดมเงินเข้าพรรค เพื่อใช้หาเสียงในการเลือกตั้ง โดยกรรมการบริหารพรรคมีมติให้ นายสุริยะใส นำเงินที่ได้จากการขายบัตรในส่วนที่เขารับผิดชอบส่งมอบให้พรรคภายในวันที่ 31 ต.ค.53 แต่นายสุริยะใส จ่ายให้ไม่ครบ ยังขาดอยู่ 6.5 แสนบาท โดยขณะนั้นเจ้าตัวก็รับปากว่าจะนำส่วนที่เหลือมาให้ แต่ก็ผลัดมาเรื่อย สุดท้ายก็ออกมาบอกว่า ให้เงินไปหมดแล้ว ขาดอยู่แค่ 1แสนบาทเท่านั้น แต่เมื่อตนตรวจสอบแล้วยังคงขาดอยู่ทั้งหมด 6.5 แสนบาทเท่าเดิม
"ที่ต้องดำเนินการเอาผิดนั้น เนื่องจากเงินดังกล่าวเป็นเงินของพรรคที่ได้จากประชาชน ไม่ใช่เงินส่วนตัว และขณะนี้ก็ใกล้เลือกตั้ง พรรคต้องการใช้เงินมาก " นายสมศักดิ์ กล่าว
