ก.ม.ม.ระอุ เลขาพรรค ประกาศฟ้อง หน.พรรค ฐานหมิ่นประมาทและแจ้งความเท็จ กรณียักยอกเงินระดมทุนพรรค แฉสมคบเหรัญญิกทำเอกสารเท็จ ท้าพิสูจน์ในชั้นศาล ย้ำสถานภาพยังคงดำรงตำแหน่งเลขาฯพรรค เชื่อ นายทะเบียนพรรคนัดชี้ ก.ม.ม.เสียงข้างน้อยส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเป็นโมฆะ กลางสัปดาห์หน้า เหตุ กก.บห.พรรคเสียงส่วนใหญ่ ค้านส่งผู้สมัคร และมีมติให้ร่วมรณรงค์โหวตโน
วันนี้ (2 มิ.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) กล่าวถึงกรณี นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรค ระบุว่า จะมอบหมายให้ทนายความไปแจ้งความกล่าวหาว่า ผมยักยอกเงินพรรคการเมืองใหม่ จำนวน 6.5 แสนบาท นั้น และก่อนหน้านี้ นายสมศักดิ์ ยังให้สัมภาษณ์บิดเบือนกล่าวหาผมมาหลายครั้ง รวมทั้งกรณีที่บืดเบือนว่าตัวเองได้ลาออกและเป็นอดีตเลขาฯ พรรคไปแล้วนั้น
“พฤติกรรมของนายสมศักดิ์ ถือว่าจงใจบิดเบือนพยายามให้ข่าวเพื่อหวังทำลายชื่อเสียงของผม ด้วยการบิดเบือนข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยเฉพาะการให้เหรัญญิกคนสนิทบิดเบือนข้อเท็จจริง ทั้งๆ ที่ผมได้แจกแจงและรายงานยอดขายบัตรระดมทุนพรรค ด้วยการคืนบัตรที่ขายไม่ได้และนำส่งเงินค่าบัตรที่ทยอยรับมาคืนพรรค ซึ่งมีหลักฐานการเซ็นรับของเหรัญญิกทุกครั้ง ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้” นายสุริยะใส กล่าวและว่า
จากรายงานการประชุมกรรมการบริหารพรรคยืนยันชัดเจน แต่ นายสมศักดิ์ กลับร่วมมือกับเหรัญญิกบิดเบือนข้อเท็จจริง ผมจึงจะเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายสมศักดิ์ ข้อหาหมิ่นประมาทที่กองปราบปราม ในเวลา 11 โมงเช้าพรุ่งนี้ หลังจากนั้นจะมอบหมายให้ทนายความแจ้งความกลับข้อหาแจ้งความเท็จอีกคดีหนึ่ง
รวมทั้งข้อหาบิดเบือนข้อมูลเพื่อหวังผลให้สังคมเข้าใจผิด โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์ว่า ผมลาออกจากเลขาธิการพรรคแล้ว ทั้งที่ข้อเท็จจริงผมไม่เคยยื่นใบลาออก และ นายสมศักดิ์ ก็รายงานเท็จต่อ กกต.แต่ไม่สามารถนำใบลาออกของผมไปยืนยันได้ จึงถอนเรื่องในภายหลัง ซึ่งพรุ่งนี้จะนำพยานเอกสารโชว์กับสื่อมวลชนว่านายสมศักดิ์โกหกบิดเบือนอย่างไรบ้าง ผมจะต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เดิมทีผมไม่ติดใจเอาความและในชีวิตไม่เคยไปแจ้งความกล่าวหาใคร แต่ต้องตัดสินใจดำเนินคดีกับนายสมศักดิ์ เพราะบิดเบือนและกล่าวเท็จจนเคยตัว
เลขาธิกาพรรค ก.ม.ม.กล่าวถึงความตืบหน้าที่ตนร้องนายทะเบียนพรรคให้วินิจฉัยการส่งผู้สมัคร สส.ของพรรคทั้งๆ ที่ไม่มีมติพรรครองรับนั้น ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต.ได้แจ้งให้ผมส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมซึ่งผมได้ส่งไปแล้ว และคาดว่า เร็วๆ นี้ อาจจะกลางสัปดาห์หน้านายทะเบียนพรรคการเมืองคงมีคำวินิจฉัยออกมา ซึ่งตนมั่นใจ เพราะพรรคไม่เคยมีมติส่งผู้สมัคร และที่ประชุมใหญ่พรรค ซึ่งเป็นองค์อำนาจสูงสุดของพรรคการเมืองก็มีมติไม่ให้ส่งผู้สมัครฯ และให้ร่วมรณรงค์โหวตโนกับพันธมิตรฯ แต่นายสมศักดิ์กลับไม่ฟังมติ และใช้กรรมการบริหารเสียงข้างน้อยดื้อดึงดันทุรังส่งผู้สมัคร ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่านายสมศักดิ์เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เพราะอะไร ทั้งที่อ้างมวลชนมาตลอด
