"ปู"จ้อสื่อเทศดักทางทหาร "ปฏิวัติ" "มาร์ค" ลุยขอคะแนน ย่านหนองจอก สีลม คึกคัก ทำใจดีสู้เสือ เข้าไปคุยทำความเข้าใจ"เสื้อแดง"ที่ทำท่าจะป่วน "เทือก" ซัด"แม้ว" เคลื่อนไหวหนัก บงการลิ่วล้อสร้างเงื่อนไข ข่มขู่ประชาชน โฆษกปชป. ชี้ "แม้ว"บังอาจอ้างจะกลับมาไทยช่วงปลายปี เพื่อถวายพระพร ทั้งที่ยังเป็นนักโทษหนีคดี
"ยิ่งลักษณ์"จ้อสื่อเทศดักทาง"ปฏิวัติ"
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครปารืตี้ลิสต์ลำดับที่หนึ่ง พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เรียกร้องกองทัพอย่าก่อรัฐประหารอีก หากเธอชนะการเลือกตั้ง และได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย
“ดิฉันไม่คิดว่าจะเกิดรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง ฉันหวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น แต่เราต้องการให้แน่ใจว่าทุกๆ ฝ่ายเคารพในการตัดสินใจของประชาชน” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
“ประเทศไทยก้าวถอยหลังมาตลอด 4-5 ปี และประชาชนก็ต้องทุกข์ทรมานกันมานานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า”
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ ก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 กรกฎาคม ซึ่งผลสำรวจหลายสำนักชี้ว่า พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำอยู่อย่างสูสีกับพรรคประชาธิปัตย์ของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญการเมืองไทยจากต่างประเทศมองว่า พรรคเพื่อไทยไม่น่าจะได้เป็นรัฐบาล ไมเคิล มอนเตซาโน จากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาในสิงคโปร์กล่าวว่า “ไม่น่าจะเป็นไปอย่างยิ่ง ที่พรรคเพื่อไทยจะได้รับการยอมรับให้เป็นรัฐบาล” “ตัวแทนของทักษิณ ซึ่งมาจากครอบครัวเดียวกัน ใช้นามสกุลเดียวกันยิ่งทำให้ความเป็นไปได้น้อยลง”
ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ให้สัมภาษณ์รายการเลทไลน์ ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซีของออสเตรเลีย โดยยืนกรานว่าตัวเองไม่ทะเยอทะยานอยากกลับมาเป็นผู้นำประเทศไทยอีก พร้อมระบุว่า น้องสาวคนเล็กของเขาเป็นเสมือน “โคลนนิ่ง” ของเขา ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็ได้ย้ำถึงอุดมการณ์ทางการเมืองที่เหมือนกันอีกด้วย โดยกล่าวว่า “ฉันทำงานกับเขามาตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นฉันจึงได้เรียนรู้วิธีการทำธุรกิจ ทั้งการวางตัวของเขา สไตล์ และวิธีคิดของเขา” เธอเสริม โดยชี้ว่าพรรคของเธอได้ประโยชน์จากแนวคิดทางการเมืองของพี่ชาย แต่ก็ยืนยันว่าเธอมีอิสระที่จะตัดสินใจด้วยตัวเธอเอง
ทั้งนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เมื่อวันอาทิตย์ (29 พ.ค.) ที่ผ่านมาระบุว่า พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำพรรคประชาธิปัตย์อยู่ 43% ต่อ 37% แต่โพลดังกล่าวชี้ว่าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวนมากยังไม่ได้ตัดสินใจ และการเลือกตั้งก็ยังเหลือเวลามากกว่า 1 เดือน
ขณะที่ มอนเตซาโนเสริมว่า “ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดคือ กระแสยิ่งลักษณ์ฟีเวอร์นั้นไม่ยั่งยืน”
“ทักษิณได้พิสูจน์ว่าเป็นอัจฉริยะทางการเมืองมาหลายครั้ง จึงชัดเจนว่าการแต่งตั้งยิ่งลักษณ์นั้นมีอะไรมากกว่าแค่เสนอตัวแทนที่มีนามสกุลเหมือนกัน” เขาสำทับ
"มาร์ค"หาเสียงหนอกจอก-สีลม
เมื่อเวลา 06.45 น. วานนี้ (1 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.เขต 19 หนองจอก โดยมีผู้สนับสนุนประมาณ 20 คน มายืนชูป้ายรอต้อนรับเป็นกำลังใจ
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้เดินตระเวนยกมือไหว้ขอคะแนนกับประชาชนตามร้านค้าข้างทาง และบริเวณตลาดสด ก่อนขึ้นรถหาเสียงตระเวนทักทายประชาชนไปตามถนนเลียบวารี ไปจนถึงโรงเรียนหนองจอกพิทยานุสสรณ์ และได้เดินลงไปทักทายเด็กนักเรียน ที่ต่างพากันวิ่งกรูเข้าเพื่อขอถ่ายรูปด้วย
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ใช้เวลาลงพื้นที่ประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยไปเป็นประธานเปิดงานสัมมนา "ต่อต้านคอร์รัปชัน จุดเปลี่ยนประเทศไทย" ที่โรงแรมพลาซาแอทธินี
ต่อมา เวลา 11.30 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปช่วยน.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 2 หาเสียงบริเวณซอยละลายทรัพย์ ถนนสีลม โดยมีประชาชน ผู้ประกอบการร้านค้าและพนักงานออฟฟิศ ที่สีลมให้การต้อนรับ มอบดอกไม้ให้กำลังใจอย่างคึกคัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเดินหาเสียงได้มีหญิงเสื้อแดงสูงวัย 2 คน เข้ามาสอบถามนายอภิสิทธิ์ ถึงกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง โดยหวังว่าถ้าได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ซึ่งนายอภิสิทธิ์ กล่าวอธิบายว่าได้พยายามเยียวยา แก้ไขปัญหา พร้อมยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นคนลงมือทำในช่วงเหตุการณ์ดังกล่าว และจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นอีก พร้อมทั้งจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน
หญิงเสื้อแดงสูงวัย ได้ซักถามเรื่องการขายไข่ชั่งกิโลฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่ารัฐบาลไม่ได้บังคับให้ซื้อแบบชั่งกิโลฯ แต่ขณะนี้มีประชาชนในหลายพื้นที่มีการซื้อไข่ได้ถูก เพราะไม่มีการเสียค่าคัดไข่ และค่าหีบห่อ จัดใส่กล่อง และนำไข่ไปคละกันหมด จึงเปิดโอกาสให้ขายตรงได้ที่ศาลากลางจังหวัด
สำหรับเรื่องหนังสือไทยเรดนิวส์ กับ วอยซ์ ออฟ ทักษิณ ที่ถูกสั่งปิดนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าใครเป็นคนสั่งปิด ต้องไปสอบถามทางเจ้าหน้าที่ เพราะมีบางเรื่องลงตีพิมพ์แล้วผิดกฎหมาย
แฉแกนนำแดงขู่ชาวบ้านห้ามฟัง"มาร์ค"
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเดินทางไปหาเสียงที่ภาคเหนือของ นายอภิสิทธิ์ ว่า ยังคงประสบปัญหาการขัดขวางจากกลุ่มเสื้อแดง โดยเดิมมีกำหนดการให้นายอภิสิทธิ์ ไปหาเสียงที่ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่หาเสียงของ นายนรพล ตันติมนตรี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 10 พรรคประชาธิปัตย์ แต่ปรากฏว่าได้มีแกนนำกลุ่มเสื้อแดงบางคน โทรศัพท์ไปข่มขู่ชาวบ้านว่าห้ามไปร่วมฟังการหาเสียงของนายอภิสิทธิ์ ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว เกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิต ดังนั้นพรรคจึงตัดสินใจเปลี่ยนไปหาเสียงที่ อ.แม่ริม ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ดร.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ ผู้สมัครส.ส. เขต 7 พรรคประชาธิปัตย์ แทน
นายสาทิตย์ กล่าวว่าเหตุการณ์เช่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่แสดงให้เห็นถึงการไม่จริงใจต่อแนวทางปรองดอง ของแกนนำพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่พูดปรองดองแต่ปาก แต่การกระทำเป็นตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง ซึ่งดูได้จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา คนที่ออกมาก่อกวนถึงขนาดใส่เสื้อแดง มีรูปน.ส.ยิ่งลักษณ์ และเบอร์ปรากฏอย่างชัดเจน แต่ กกต. กลับอ้างว่าไม่มีหลักฐาน ทั้งที่ถือเป็นความผิดซึ่งหน้าที่เกิดขึ้นเป็นรายวัน แต่ก็ไม่จัดการอะไร หรือต้องถึงขั้นรอให้มีการบาดเจ็บ หรือตายเกิดขึ้นก่อน
"เทือก"สั่งตร.เข้ม จัดการกลุ่มก่อกวน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มคนเสื้อแดง พยายามขัดขวางการลงพื้นที่หาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนได้เรียกร้องเรื่องนี้หลายครั้งว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจยุบสภาให้มีการเริ่มต้นกันใหม่ เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ก็ควรจะมีการแข่งขันตามกฏ กติกา ตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรแสดงอาการกร้าวร้าว คุกคาม ขัดขวางการหาเสียง และฝากให้เจ้าหน้าที่ได้คอยดูแลระมัดระวังความปลอดภัยของผู้สมัคร หากยังมีการก่อกวน สร้างความรำคาญระหว่างการหาเสียง ก็จะหาทางดำเนินการกันต่อไป โดยตนได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทั้งตัวบุคคล และตัวกฏหมายให้ชัดเจน
นายสุเทพ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในต่างประเทศ ที่สอดคล้องกับการหาเสียงภายในประเทศของพรรคเพื่อไทยว่า เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมายของเราอยู่แล้ว ว่าเขาจะต้องทำอย่างนี้ เพราะพรรคเพื่อไทย กลุ่มเสื้อแดง มวลชนจัดตั้ง กองกำลังติดอาวุธ นี่เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ฟังคำสั่งมาจากต่างประเทศเหมือนกัน ใช้การเคลื่อนไหวที่ต่างประเทศชี้นำ แสดงทิศทางให้บริวารที่อยู่ในประเทศดำเนินการตาม ส่วนจะมีผลอย่างไรต่อพรรคประชาธิปัตย์ ตนคงตอบไม่ได้ แต่พี่น้องประชาชนคนไทย จะได้มีข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับการตัดสินใจในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
จวก"แม้ว"อ้างจะมาไทยเพื่อถวายพระพร
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยืนยันว่าจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ จากการเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปรองดองว่า เป็นการส่อเจตนาชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ประสงค์ที่จะให้การเลือกตั้งครั้งนี้นำไปสู่การได้กลับประเทศไทยโดยการผ่านกระบวนการล้างความผิด ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าเป็นการหมกเม็ด นำคดีความผิดเรื่องคอร์รัปชั่นของตัวเอง มาโยงเข้ากับกระบวนการปรองดอง โดยอาศัยความคาดหวังของประชาชนที่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ มาใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศ โดยอ้างว่าจะกลับมาให้ทันช่วงปลายปีนั้น คือต้องการที่จะกลับมาเพื่อถวายพระพร เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 84 พรรษา ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่บังควร ที่จะใช้เหตุผลนี้มาเป็นข้ออ้าง และขอเรียกร้องเป็นครั้งสุดท้ายว่า ขอให้หยุดการกล่าวอ้างในทุกลักษณะกับสื่อมวลชนต่างประเทศ
ส่วนที่ พรรคเพื่อไทย ออกมาขานรับแนวทางของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยที่แกนนำอย่าง นายขวัญชัย ไพรพนา ซึ่งเป็นแกนนำทั้งของคนเสื้อแดง และเป็นผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาระบุว่า บ้านเมืองจะกลับสู่กลียุค หากพรรคเพื่อไทยถูกขัดขวางไม่ให้กลับมาเป็นรัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการที่สอดรับกับการให้สัญญาณของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเหตุการณ์ที่นายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประสบกับการขัดขวางการหาเสียงในพื้นที่ต่าง ๆ ถือว่า เป็นรูปธรรมของความวุ่นวายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก ได้ทำให้เกิดความหวั่นวิตกต่อสังคมว่า หากตัวเองไม่ได้กลับประเทศไทย และพรรคของน้องตัวเองไม่ได้กลับสู่อำนาจ ความวุ่นวายก็จะกลับคืนมา
จี้"ยิ่งลักษณ์"สั่งเสื้อแดงหยุดป่วน
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้เรียกร้องไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ เดินสายไปหาเสียงที่ภาคเหนือ ขอให้ยุติความเคลื่อนไหวในลักษณะที่ไปขัดขวางการหาเสียง และสร้างความวุ่นวาย และขอให้หยุดการกล่าวอ้างที่ว่า ไม่สามารถควบคุมการกระทำของคนเหล่านี้ได้ เพราะจากเหตุการณ์ที่ตลาดวงศกร ก็มีผู้ใส่เสื้อที่มีภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยชัดเจน ขณะเดียวกัน จ.เชียงใหม่ ก็เป็นจังหวัดแรกที่ นาย ชวน ถูกทำลายเวที และทำร้ายร่างกาย
" การพูดถึงความปรองดอง โดยมีเจตนาที่จะล้างผิดให้กับคนๆ เดียวนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีความพยายามที่จะลดความวุ่นวาย และความวิตกจากความรุนแรงและความขัดแย้งทางการเมืองเลย อยากให้คุณยิ่งลักษณ์ ออกมาให้ความชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะการสร้างความปรองดองนั้น ไม่สามารถที่จะทำโดยการใช้ปาก และการข่มขู่ได้ ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ทั้งสิ้น และพรรคมั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการเห็นการขับเคลื่อนทางการเมืองในลักษณะที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง และกลับไปสู่ความรุนแรงในบ้านเมืองอีกครั้ง" โฆษกพรรคปชป. กล่าว
"ปู" ยังกั๊กเรื่องร่วมงาน"ห้อย"
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า พรรคภูมิใจไทย กับพรรคเพื่อไทย ไม่มีโอกาสที่จะกลับมาทำงานร่วมกันอย่างแน่นอนว่า ตอนนี้คงเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ เพราะยังไม่รู้ว่าใครจะมาเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถึงเวลานั้นก็คงต้องพูดคุยกันถึงรายละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้ตนขอใช้เวลา รณรงค์หาเสียงกับประชาชนก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการพิจารณาสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เป็นรายบุคคลที่จะเข้ามาร่วมงานโดยไม่เอาทั้งพรรค หรือไม่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยต้องเลือกบุคคลที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพรรคเพื่อไทยมาตลอดเวลา มาเป็นอันดับแรก และเมื่อถึงเวลานั้นก็อาจจะต้องมีการพูดคุยกันถึงอุดมการณ์ และแนวทางในการทำงานก็จำเป็น ที่จะต้องตรงกัน ในความคิดเห็นของหลาย ๆ คน ในพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ ตนคิดว่าคงเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งตนก็พร้อมรับฟังเสมอ
ส่วนกรณีนายอภิสิทธิ์ ลงพื้นที่หาเสียง แต่ถูกต่อต้านจากกลุ่มคนเสื้อแดง จะทำให้เกิดคะแนนสงสารหรือไม่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่ขอตอบเรื่องนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล แต่สิ่งที่ตนต้องการในตอนนี้ก็คือ การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม และคิดว่าทุกคนก็คงพร้อมที่จะช่วยเหลือกัน
ส่วนกรณีที่กระแสข่าวโจมตีว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ โคลนนิ่งมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การโคลนนิ่ง เป็นเพียงแค่เรื่องแนวทางการทำงาน และอุดมการณ์ทางการเมืองเท่านั้น
"มาร์ค"นำทีมปชป.ลุยเหนืออารักขาเพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงค่ำวานนี้ นายอภิสิทธิ์ และคณะได้เดินทางไปช่วยผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงในพื้นที่ภาคเหนือ ที่จ.พะเยา ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล ผู้สมัครเขต 1 , นายอนุชา มุสิกะ เขต 2 และ นายธนสรร ธรรมสอน เขต 3 โดยในเวลา 20.00 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางโดยเครื่องบินมาถึงท่าอากาศยานเชียงราย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบอย่างเข้มงวด
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะได้เดินทางด้วยรถยนต์ เข้าสู่ จ.พะเยา เพื่อขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงที่เวทีบริเวณสวนสุขภาพ หลังสำนักงานเทศบาล อ.เมือง จ.พะเยา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกพรรคประชาธิปัตย์ ที่มาเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยนายอภิสิทธิ์ จะไปพักค้างคืนที่วัดหนองเงือก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน
ทั้งนี้ ก่อนที่นายอภิสิทธิ์ จะเดินทางมาถึงเวทีปราศรัย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ประมาณ 400 นาย ได้เข้าตรวจความเรียบร้อยบริเวณพื้นที่โดยรอบ โดยได้นำสุนัขตำรวจ และเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดมาตรวจหาวัตถุแปลกปลอม เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีคนเสื้อแดงสนับสนุน จึงเกรงว่าอาจจะมีการป่วนสถานการณ์เกิดขึ้นได้
"ยิ่งลักษณ์" หาเสียงตำรวจ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ได้ไปช่วย น.ส.วิลาวัลย์ ธรรมชาติ ผู้สมัครส.ส. กทม เขต 9 ปราศรัยหาเสียง ที่บริเวณแฟลตตำรวจ ศูนย์บัญชาการการศีกษาวิภาวดี โดยชูนโยบายกองทุนหมู่บ้าน 2 ล้านบาท และการจัดระบบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ด้วยความเป็นธรรม พร้อมนำศักดิ์ศรีตำรวจไทยกลับคืนมา รวมทั้ง มีกองทุนสำหรับลูกหลานข้าราชการตำรวจด้วย
ด้านน.ส.วิลาวัลย์ มั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ เนื่องจาก ได้ประเมินจากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องและประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี พร้อมยืนว่า ไม่กังวลคู่แข่งอย่างพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะเจ้าถิ่นเดิมแต่อย่างใด
หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางไปยังตลาดศรีเขมา เพื่อเดินหาเสียงช่วย นายเฉลิมชัย จีนะวิจารณะ ผู้สมัครส.ส. เขต10 กทม. ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักอย่างมากประชาชนแห่มอบดอกไม้ และร่วมถ่ายรูปกันอย่างล้นหลาม โดยได้รับการตอบรับจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดศรีเขมา เป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีประชาชนบางส่วนยังนิ่งเฉยกับการหาเสียงของน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ก็ไม่มีการต่อต้านของกลุ่มใดๆ
"ยิ่งลักษณ์"จ้อสื่อเทศดักทาง"ปฏิวัติ"
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครปารืตี้ลิสต์ลำดับที่หนึ่ง พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เรียกร้องกองทัพอย่าก่อรัฐประหารอีก หากเธอชนะการเลือกตั้ง และได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย
“ดิฉันไม่คิดว่าจะเกิดรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง ฉันหวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น แต่เราต้องการให้แน่ใจว่าทุกๆ ฝ่ายเคารพในการตัดสินใจของประชาชน” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
“ประเทศไทยก้าวถอยหลังมาตลอด 4-5 ปี และประชาชนก็ต้องทุกข์ทรมานกันมานานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า”
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ ก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 3 กรกฎาคม ซึ่งผลสำรวจหลายสำนักชี้ว่า พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำอยู่อย่างสูสีกับพรรคประชาธิปัตย์ของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญการเมืองไทยจากต่างประเทศมองว่า พรรคเพื่อไทยไม่น่าจะได้เป็นรัฐบาล ไมเคิล มอนเตซาโน จากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาในสิงคโปร์กล่าวว่า “ไม่น่าจะเป็นไปอย่างยิ่ง ที่พรรคเพื่อไทยจะได้รับการยอมรับให้เป็นรัฐบาล” “ตัวแทนของทักษิณ ซึ่งมาจากครอบครัวเดียวกัน ใช้นามสกุลเดียวกันยิ่งทำให้ความเป็นไปได้น้อยลง”
ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ให้สัมภาษณ์รายการเลทไลน์ ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซีของออสเตรเลีย โดยยืนกรานว่าตัวเองไม่ทะเยอทะยานอยากกลับมาเป็นผู้นำประเทศไทยอีก พร้อมระบุว่า น้องสาวคนเล็กของเขาเป็นเสมือน “โคลนนิ่ง” ของเขา ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็ได้ย้ำถึงอุดมการณ์ทางการเมืองที่เหมือนกันอีกด้วย โดยกล่าวว่า “ฉันทำงานกับเขามาตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นฉันจึงได้เรียนรู้วิธีการทำธุรกิจ ทั้งการวางตัวของเขา สไตล์ และวิธีคิดของเขา” เธอเสริม โดยชี้ว่าพรรคของเธอได้ประโยชน์จากแนวคิดทางการเมืองของพี่ชาย แต่ก็ยืนยันว่าเธอมีอิสระที่จะตัดสินใจด้วยตัวเธอเอง
ทั้งนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เมื่อวันอาทิตย์ (29 พ.ค.) ที่ผ่านมาระบุว่า พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำพรรคประชาธิปัตย์อยู่ 43% ต่อ 37% แต่โพลดังกล่าวชี้ว่าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวนมากยังไม่ได้ตัดสินใจ และการเลือกตั้งก็ยังเหลือเวลามากกว่า 1 เดือน
ขณะที่ มอนเตซาโนเสริมว่า “ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดคือ กระแสยิ่งลักษณ์ฟีเวอร์นั้นไม่ยั่งยืน”
“ทักษิณได้พิสูจน์ว่าเป็นอัจฉริยะทางการเมืองมาหลายครั้ง จึงชัดเจนว่าการแต่งตั้งยิ่งลักษณ์นั้นมีอะไรมากกว่าแค่เสนอตัวแทนที่มีนามสกุลเหมือนกัน” เขาสำทับ
"มาร์ค"หาเสียงหนอกจอก-สีลม
เมื่อเวลา 06.45 น. วานนี้ (1 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.เขต 19 หนองจอก โดยมีผู้สนับสนุนประมาณ 20 คน มายืนชูป้ายรอต้อนรับเป็นกำลังใจ
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้เดินตระเวนยกมือไหว้ขอคะแนนกับประชาชนตามร้านค้าข้างทาง และบริเวณตลาดสด ก่อนขึ้นรถหาเสียงตระเวนทักทายประชาชนไปตามถนนเลียบวารี ไปจนถึงโรงเรียนหนองจอกพิทยานุสสรณ์ และได้เดินลงไปทักทายเด็กนักเรียน ที่ต่างพากันวิ่งกรูเข้าเพื่อขอถ่ายรูปด้วย
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ใช้เวลาลงพื้นที่ประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยไปเป็นประธานเปิดงานสัมมนา "ต่อต้านคอร์รัปชัน จุดเปลี่ยนประเทศไทย" ที่โรงแรมพลาซาแอทธินี
ต่อมา เวลา 11.30 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปช่วยน.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 2 หาเสียงบริเวณซอยละลายทรัพย์ ถนนสีลม โดยมีประชาชน ผู้ประกอบการร้านค้าและพนักงานออฟฟิศ ที่สีลมให้การต้อนรับ มอบดอกไม้ให้กำลังใจอย่างคึกคัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเดินหาเสียงได้มีหญิงเสื้อแดงสูงวัย 2 คน เข้ามาสอบถามนายอภิสิทธิ์ ถึงกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง โดยหวังว่าถ้าได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ซึ่งนายอภิสิทธิ์ กล่าวอธิบายว่าได้พยายามเยียวยา แก้ไขปัญหา พร้อมยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นคนลงมือทำในช่วงเหตุการณ์ดังกล่าว และจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นอีก พร้อมทั้งจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน
หญิงเสื้อแดงสูงวัย ได้ซักถามเรื่องการขายไข่ชั่งกิโลฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่ารัฐบาลไม่ได้บังคับให้ซื้อแบบชั่งกิโลฯ แต่ขณะนี้มีประชาชนในหลายพื้นที่มีการซื้อไข่ได้ถูก เพราะไม่มีการเสียค่าคัดไข่ และค่าหีบห่อ จัดใส่กล่อง และนำไข่ไปคละกันหมด จึงเปิดโอกาสให้ขายตรงได้ที่ศาลากลางจังหวัด
สำหรับเรื่องหนังสือไทยเรดนิวส์ กับ วอยซ์ ออฟ ทักษิณ ที่ถูกสั่งปิดนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าใครเป็นคนสั่งปิด ต้องไปสอบถามทางเจ้าหน้าที่ เพราะมีบางเรื่องลงตีพิมพ์แล้วผิดกฎหมาย
แฉแกนนำแดงขู่ชาวบ้านห้ามฟัง"มาร์ค"
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเดินทางไปหาเสียงที่ภาคเหนือของ นายอภิสิทธิ์ ว่า ยังคงประสบปัญหาการขัดขวางจากกลุ่มเสื้อแดง โดยเดิมมีกำหนดการให้นายอภิสิทธิ์ ไปหาเสียงที่ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่หาเสียงของ นายนรพล ตันติมนตรี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 10 พรรคประชาธิปัตย์ แต่ปรากฏว่าได้มีแกนนำกลุ่มเสื้อแดงบางคน โทรศัพท์ไปข่มขู่ชาวบ้านว่าห้ามไปร่วมฟังการหาเสียงของนายอภิสิทธิ์ ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว เกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิต ดังนั้นพรรคจึงตัดสินใจเปลี่ยนไปหาเสียงที่ อ.แม่ริม ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ดร.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ ผู้สมัครส.ส. เขต 7 พรรคประชาธิปัตย์ แทน
นายสาทิตย์ กล่าวว่าเหตุการณ์เช่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่แสดงให้เห็นถึงการไม่จริงใจต่อแนวทางปรองดอง ของแกนนำพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่พูดปรองดองแต่ปาก แต่การกระทำเป็นตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง ซึ่งดูได้จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา คนที่ออกมาก่อกวนถึงขนาดใส่เสื้อแดง มีรูปน.ส.ยิ่งลักษณ์ และเบอร์ปรากฏอย่างชัดเจน แต่ กกต. กลับอ้างว่าไม่มีหลักฐาน ทั้งที่ถือเป็นความผิดซึ่งหน้าที่เกิดขึ้นเป็นรายวัน แต่ก็ไม่จัดการอะไร หรือต้องถึงขั้นรอให้มีการบาดเจ็บ หรือตายเกิดขึ้นก่อน
"เทือก"สั่งตร.เข้ม จัดการกลุ่มก่อกวน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มคนเสื้อแดง พยายามขัดขวางการลงพื้นที่หาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนได้เรียกร้องเรื่องนี้หลายครั้งว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจยุบสภาให้มีการเริ่มต้นกันใหม่ เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ก็ควรจะมีการแข่งขันตามกฏ กติกา ตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรแสดงอาการกร้าวร้าว คุกคาม ขัดขวางการหาเสียง และฝากให้เจ้าหน้าที่ได้คอยดูแลระมัดระวังความปลอดภัยของผู้สมัคร หากยังมีการก่อกวน สร้างความรำคาญระหว่างการหาเสียง ก็จะหาทางดำเนินการกันต่อไป โดยตนได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทั้งตัวบุคคล และตัวกฏหมายให้ชัดเจน
นายสุเทพ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในต่างประเทศ ที่สอดคล้องกับการหาเสียงภายในประเทศของพรรคเพื่อไทยว่า เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมายของเราอยู่แล้ว ว่าเขาจะต้องทำอย่างนี้ เพราะพรรคเพื่อไทย กลุ่มเสื้อแดง มวลชนจัดตั้ง กองกำลังติดอาวุธ นี่เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ฟังคำสั่งมาจากต่างประเทศเหมือนกัน ใช้การเคลื่อนไหวที่ต่างประเทศชี้นำ แสดงทิศทางให้บริวารที่อยู่ในประเทศดำเนินการตาม ส่วนจะมีผลอย่างไรต่อพรรคประชาธิปัตย์ ตนคงตอบไม่ได้ แต่พี่น้องประชาชนคนไทย จะได้มีข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับการตัดสินใจในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
จวก"แม้ว"อ้างจะมาไทยเพื่อถวายพระพร
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยืนยันว่าจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ จากการเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปรองดองว่า เป็นการส่อเจตนาชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ประสงค์ที่จะให้การเลือกตั้งครั้งนี้นำไปสู่การได้กลับประเทศไทยโดยการผ่านกระบวนการล้างความผิด ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าเป็นการหมกเม็ด นำคดีความผิดเรื่องคอร์รัปชั่นของตัวเอง มาโยงเข้ากับกระบวนการปรองดอง โดยอาศัยความคาดหวังของประชาชนที่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ มาใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศ โดยอ้างว่าจะกลับมาให้ทันช่วงปลายปีนั้น คือต้องการที่จะกลับมาเพื่อถวายพระพร เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 84 พรรษา ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่บังควร ที่จะใช้เหตุผลนี้มาเป็นข้ออ้าง และขอเรียกร้องเป็นครั้งสุดท้ายว่า ขอให้หยุดการกล่าวอ้างในทุกลักษณะกับสื่อมวลชนต่างประเทศ
ส่วนที่ พรรคเพื่อไทย ออกมาขานรับแนวทางของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยที่แกนนำอย่าง นายขวัญชัย ไพรพนา ซึ่งเป็นแกนนำทั้งของคนเสื้อแดง และเป็นผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาระบุว่า บ้านเมืองจะกลับสู่กลียุค หากพรรคเพื่อไทยถูกขัดขวางไม่ให้กลับมาเป็นรัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการที่สอดรับกับการให้สัญญาณของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเหตุการณ์ที่นายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประสบกับการขัดขวางการหาเสียงในพื้นที่ต่าง ๆ ถือว่า เป็นรูปธรรมของความวุ่นวายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก ได้ทำให้เกิดความหวั่นวิตกต่อสังคมว่า หากตัวเองไม่ได้กลับประเทศไทย และพรรคของน้องตัวเองไม่ได้กลับสู่อำนาจ ความวุ่นวายก็จะกลับคืนมา
จี้"ยิ่งลักษณ์"สั่งเสื้อแดงหยุดป่วน
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้เรียกร้องไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ เดินสายไปหาเสียงที่ภาคเหนือ ขอให้ยุติความเคลื่อนไหวในลักษณะที่ไปขัดขวางการหาเสียง และสร้างความวุ่นวาย และขอให้หยุดการกล่าวอ้างที่ว่า ไม่สามารถควบคุมการกระทำของคนเหล่านี้ได้ เพราะจากเหตุการณ์ที่ตลาดวงศกร ก็มีผู้ใส่เสื้อที่มีภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยชัดเจน ขณะเดียวกัน จ.เชียงใหม่ ก็เป็นจังหวัดแรกที่ นาย ชวน ถูกทำลายเวที และทำร้ายร่างกาย
" การพูดถึงความปรองดอง โดยมีเจตนาที่จะล้างผิดให้กับคนๆ เดียวนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีความพยายามที่จะลดความวุ่นวาย และความวิตกจากความรุนแรงและความขัดแย้งทางการเมืองเลย อยากให้คุณยิ่งลักษณ์ ออกมาให้ความชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะการสร้างความปรองดองนั้น ไม่สามารถที่จะทำโดยการใช้ปาก และการข่มขู่ได้ ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ทั้งสิ้น และพรรคมั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการเห็นการขับเคลื่อนทางการเมืองในลักษณะที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง และกลับไปสู่ความรุนแรงในบ้านเมืองอีกครั้ง" โฆษกพรรคปชป. กล่าว
"ปู" ยังกั๊กเรื่องร่วมงาน"ห้อย"
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า พรรคภูมิใจไทย กับพรรคเพื่อไทย ไม่มีโอกาสที่จะกลับมาทำงานร่วมกันอย่างแน่นอนว่า ตอนนี้คงเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ เพราะยังไม่รู้ว่าใครจะมาเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถึงเวลานั้นก็คงต้องพูดคุยกันถึงรายละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้ตนขอใช้เวลา รณรงค์หาเสียงกับประชาชนก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการพิจารณาสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เป็นรายบุคคลที่จะเข้ามาร่วมงานโดยไม่เอาทั้งพรรค หรือไม่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยต้องเลือกบุคคลที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพรรคเพื่อไทยมาตลอดเวลา มาเป็นอันดับแรก และเมื่อถึงเวลานั้นก็อาจจะต้องมีการพูดคุยกันถึงอุดมการณ์ และแนวทางในการทำงานก็จำเป็น ที่จะต้องตรงกัน ในความคิดเห็นของหลาย ๆ คน ในพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ ตนคิดว่าคงเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งตนก็พร้อมรับฟังเสมอ
ส่วนกรณีนายอภิสิทธิ์ ลงพื้นที่หาเสียง แต่ถูกต่อต้านจากกลุ่มคนเสื้อแดง จะทำให้เกิดคะแนนสงสารหรือไม่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่ขอตอบเรื่องนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล แต่สิ่งที่ตนต้องการในตอนนี้ก็คือ การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม และคิดว่าทุกคนก็คงพร้อมที่จะช่วยเหลือกัน
ส่วนกรณีที่กระแสข่าวโจมตีว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ โคลนนิ่งมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การโคลนนิ่ง เป็นเพียงแค่เรื่องแนวทางการทำงาน และอุดมการณ์ทางการเมืองเท่านั้น
"มาร์ค"นำทีมปชป.ลุยเหนืออารักขาเพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงค่ำวานนี้ นายอภิสิทธิ์ และคณะได้เดินทางไปช่วยผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงในพื้นที่ภาคเหนือ ที่จ.พะเยา ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล ผู้สมัครเขต 1 , นายอนุชา มุสิกะ เขต 2 และ นายธนสรร ธรรมสอน เขต 3 โดยในเวลา 20.00 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางโดยเครื่องบินมาถึงท่าอากาศยานเชียงราย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบอย่างเข้มงวด
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะได้เดินทางด้วยรถยนต์ เข้าสู่ จ.พะเยา เพื่อขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงที่เวทีบริเวณสวนสุขภาพ หลังสำนักงานเทศบาล อ.เมือง จ.พะเยา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกพรรคประชาธิปัตย์ ที่มาเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยนายอภิสิทธิ์ จะไปพักค้างคืนที่วัดหนองเงือก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน
ทั้งนี้ ก่อนที่นายอภิสิทธิ์ จะเดินทางมาถึงเวทีปราศรัย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ประมาณ 400 นาย ได้เข้าตรวจความเรียบร้อยบริเวณพื้นที่โดยรอบ โดยได้นำสุนัขตำรวจ และเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดมาตรวจหาวัตถุแปลกปลอม เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีคนเสื้อแดงสนับสนุน จึงเกรงว่าอาจจะมีการป่วนสถานการณ์เกิดขึ้นได้
"ยิ่งลักษณ์" หาเสียงตำรวจ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ได้ไปช่วย น.ส.วิลาวัลย์ ธรรมชาติ ผู้สมัครส.ส. กทม เขต 9 ปราศรัยหาเสียง ที่บริเวณแฟลตตำรวจ ศูนย์บัญชาการการศีกษาวิภาวดี โดยชูนโยบายกองทุนหมู่บ้าน 2 ล้านบาท และการจัดระบบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ด้วยความเป็นธรรม พร้อมนำศักดิ์ศรีตำรวจไทยกลับคืนมา รวมทั้ง มีกองทุนสำหรับลูกหลานข้าราชการตำรวจด้วย
ด้านน.ส.วิลาวัลย์ มั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ เนื่องจาก ได้ประเมินจากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องและประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี พร้อมยืนว่า ไม่กังวลคู่แข่งอย่างพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะเจ้าถิ่นเดิมแต่อย่างใด
หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางไปยังตลาดศรีเขมา เพื่อเดินหาเสียงช่วย นายเฉลิมชัย จีนะวิจารณะ ผู้สมัครส.ส. เขต10 กทม. ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักอย่างมากประชาชนแห่มอบดอกไม้ และร่วมถ่ายรูปกันอย่างล้นหลาม โดยได้รับการตอบรับจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดศรีเขมา เป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีประชาชนบางส่วนยังนิ่งเฉยกับการหาเสียงของน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ก็ไม่มีการต่อต้านของกลุ่มใดๆ