xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“เพื่อแม้ว”ยื่นยุบ ปชป.เกมแก้เกี้ยวการเมืองน้ำเน่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ยื่นหนังสือต่อ กกต.ให้ดำเนินการสอบสวนเอาผิดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ  ฐานกล่าวหาให้ร้ายผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย และเสนอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ทำงานได้ตามที่ปากพูด หลักนิติรัฐของประเทศไทยคงจะหนักแน่นกว่าที่เป็นอยู่และบ้านเมืองคงจะมีความสงบสุขมากขึ้น
 
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่มีนายสุเทพเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงปล่อยให้คนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองมา 2 ปีซ้อน แถมยังออกมติ ครม.ให้ช่วยประกันตัวคนเสื้อแดงที่ถูกจับ ให้นายตำรวจใหญ่ ให้รองนายกรัฐมนตรี ให้ผู้บัญชาการเรือนจำไปให้การต่อศาลเป็นประโยชน์ต่อแกนนำคนเสื้อแดงที่โดนข้อหาก่อการร้าย จนได้รับการประกันตัวออกมา

ขณะเดียวกัน ก็ล่าช้าในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรมารับโทษ ตามคำพิพากษาของศาลที่สั่งจำคุก 2 ปีในคดีที่ดินรัชดา และมาขึ้นศาลในฐานะจำเลยคดีทุจริตที่อยู่ระหว่างรอพิจารณาอยู่อีกนับสิบคดี หรือแม้กระทั่งการถอดยศ การยึดคืนเครื่องราชอิศริยาภรณ์จากทักษิณ ชินวัตร ที่มีสถานภาพเป็นนักโทษหนีคดี รัฐบาลประชาธิปัตย์ก็ยังไม่ดำเนินการ

จนเมื่อเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจส่งน้องสาว คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็น “โคลนนิ่ง” ของตัวเอง นำทัพพรรคเพื่อไทยลงสู้ศึกเลือกตั้ง

ขณะเดียวกันทักษิณ ชินวัตร ก็สั่งให้เอาแกนนำคนเสื้อแดงที่ได้รับการประกันตัวออกมาลงสมัคร ส.สปาร์ตี้ลิสต์กันเกือบทุกคน เพื่อหาคะแนนเสียงกับมวลชนคนเสื้อแดง และยังมีผลพลอยได้หากแกนนำเหล่านี้ได้เป็น ส.ส.ก็จะได้เอกสิทธิคุ้มครองไม่ต้องกลับเข้าเรือนจำอีก หากทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว ขณะเดียวกันก็เป็นการปูนบำเหน็จจาก ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่คนเหล่านี้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อเขา

และเมื่อเห็นว่าพรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนนิยมเหนือพรรคประชาธิปัตย์จากผลสำรวจต่างๆ นายสุเทพจึงมีอาการเหมือนคนเพิ่งตื่น รีบหยิบเอากรณีการเป็นโคลนนิ่งพี่ชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และกรณีพรรคเพื่อไทยส่งคนเสื้อแดงลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์กันทั้งแผง มาเป็นจุดอ่อนโจมตีคู่ต่อสู้

เมื่อวันที่ 16 พ.ค.หลังจากที่พรรคเพื่อไทยมีความชัดเจนว่า จะส่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1 ซึ่งเท่ากับว่าเป็นคู่ชิงนายกรัฐมนตรีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้ว นายสุเทพจึงเริ่มให้ความเห็นกันท่า น.ส.ยิงลักษณ์ โดยบอกว่านายอภิสิทธิ์ได้เปรียบมากกว่า เพราะได้แสดงฝีมือความเป็นผู้นำในการเป็นนายกฯ แก้ปัญหาในช่วงวิกฤตของประเทศ รักษาบ้านเมืองรอดพ้นมาได้ 2 ปีกว่า

ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ประชาชนคงหลับตาแล้วนึกไม่ค่อยออกว่า ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วจะแก้ปัญหาประเทศอย่างไร หรือต้องทำงานไปคอยฟังเสียงโทรศัพท์ทางไกลตลอดเวลาว่าจะวิพากษ์ว่าอย่างไร มันก็เหมือนหนังตะลุง ก็เลยทำงานยาก ทำให้เสียเปรียบมาก มีส่วนที่ได้เปรียบอย่างเดียวคือ พรรคนั้นเงินเยอะ มีวิชาเทพ วิชามาร ชำนาญศึก

ต่อมา เมื่อวันที่ 22 พ.ค.นายสุเทพ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงวิสัยทัศน์ว่าจะแก้ไขไม่แก้แค้น ว่าในขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ประกาศแนวทางปรองดอง แต่ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ทั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนร่วมกับการก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมืองมาแล้ว ประชาชนก็คงคิดมาก และสงสัย หลายคนก็คงคิดว่านี่มันมือถือสากปากถือศีลหรือเปล่า

ขณะเดียวกัน ยังเปรียบเทียบระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์กับนายอภิสิทธิ์ว่า นายอภิสิทธิ์เหนือกว่าทุกประตู นายอภิสิทธิ์เป็นนักการเมืองอาชีพ ชีวิตวิญญาณ การปฏิบัติเป็นนักการเมืองที่ทำงานมุ่งมั่นเพื่อประชาชนในแนวทางประชาธิปไตย ในขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินมาในเส้นทางเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มุ่งประโยชน์และผลกำไรในทางธุรกิจ เมื่อได้โอกาสก็เข้ามาฉกฉวยโอกาสทางการเมืองเป็นครั้งคราว เป้าหมายที่จะทำงานทางการเมืองก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะช่วยเหลือประเทศชาติ หรือประชาชนเรื่องอะไร แต่ระบุชัดเจนว่าจะลบล้างความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ

หากมองในเชิงเกมการเมือง คำพูดของนายสุเทพถือเป็นการโจมตีที่ตรงเป้า จนแกนนำพรรคเพื่อไทยอยู่นิ่งไม่ไหว ต้องดาหน้าออกมาปฏิเสธว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้มุ่งประโยชน์ทางธุรกิจตามที่นายสุเทพกล่าวหา และไม่คิดที่จะลบล้างความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และอ้างว่า การกระทำของนายสุเทพเข้าข่ายการใส่ร้ายด้วยความเท็จ เพราะพวกตนยังไม่ได้ถูกตัดสินทางกฎหมายว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ทำให้เกิดการเข้าใจผิดและส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยและ น.ส.ยิ่งลักษณ์

วันที่ 25 พ.ค.นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย จึงเดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อขอให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนการกระทำผิดของนายสุเทพที่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ในลักษณะที่เข้าข่ายเป็นการหาเสียงด้วยวิธีการใส่ร้ายด้วยความเท็จและจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทย และผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ยังได้มีการเปรียบเทียบว่านายอภิสิทธิ เหนือกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ และอ้างว่าการกระทำของนายสุเทพเป็นการกล่าวหาใส่ร้ายพรรคเพื่อไทยและผู้สมัคร จึงเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 53 (5) พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลืกตั้งฯ โดยนายสุเทพเป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ด้วย จึงเสนอให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคฯ 5 ปี

ขณะที่นายสุเทพก็สวนกลับทันทีว่า ตนคงไม่ได้กล่าวถึงว่าผู้สมัครพรรคเพื่อไทยทุกคนเป็นผู้ก่อการร้าย เพียงแต่เรียนให้พี่น้องประชาชนได้ตั้งข้อสังเกตและได้พิจารณาว่าในบรรดาผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยที่อยู่ในบัญชีรายชื่อประมาณ 22 คน มีบางคนมีพฤติกรรมซึ่งเกี่ยวกับเรื่องของการก่อการร้าย เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นต้น

นายสุเทพระบุว่า ไม่ได้พูดอะไรที่เกินเลยจากความเป็นจริง คนเหล่านี้ได้สร้างความเสียหายให้แก่บ้านเมือง แล้วก็คนเหล่านี้ถูกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองรวบรวมพยานหลักฐานทำสำนวนส่งฟ้องศาลแล้ว และศาลก็รับฟ้องแล้ว ขณะนี้ประกันตัวออกมา

ทั้งนี้ หากมองจากหลักฐานข้อเท็จจริงที่ปรากฏ คำพูดของนายสุเทพไม่ได้ผิดจากข้อเท็จจริงแต่ประการใด แต่คำถามที่นายสุเทพต้องตอบให้สังคมคลายข้อสงสัยก็คือ ในขณะที่เป็นรัฐบาล เหตุใดไม่ดำเนินการเอาผิดแกนนำคนเสื้อแดงเหล่านี้ตามกฎหมายอย่างจริงจัง แต่กลับมาพูดถึงความผิดของคนเสื้อแดงหลังจากที่ได้รับการประกันตัวออกมาลงสมัคร ส.ส.แล้ว หรือว่า พรรคประชาธิปัตย์ ทำงานไม่เป็น แต่เล่นเกมการเมืองเป็นอย่างเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น