ปาร์ตี้ลิสต์โจกแดงฟิวส์ขาด ขู่ยื่น กกต.ฟ้อง “สุเทพ” กล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งที่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา เตือนอาจมีคำสั่งถึงขั้นยุบพรรค เย้ย ปชป.ถูกโฉลกเบอร์ 10 สื่อนัยตัวเลขแห่งความตาย
วันนี้ (23 พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัครรับเลือกตั้งระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย และแกนนนำกลุ่ม นปช. กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวพาดพิงถึงตน นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นพ.เหวง โตจิราการ โดยระบุพวกตนทั้ง 3 คน มีส่วนร่วมในการก่อการร้าย ทางพรรคเพื่อไทยจึงได้หารือกัน และเห็นว่าการกระทำของนายสุเทพไม่ใช่ครั้งแรกที่พูดในลักษณะนี้ แต่ในครั้งนี้มีการระบุชื่อย่างชัดเจนที่สุด ตนอยากจะเรียนว่าผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยทุกคนเคารพในกฎหมาย และพร้อมที่จะหาเสียงเลือกตั้งแบบอยู่ในระบอบประชาธิปไตย แต่การออกมาพูดเช่นนี้ของนายสุเทพทำให้พรรคเพื่อไทยเสียหายโดยตรง โดยเฉพาะคะแนนเสียง ทางทีมกฎหมายของพรรคได้มอบหมายให้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า การกระทำของนายสุเทพอาจจะนำมาซึ่งคำสั่งตัดสินยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นได้ พวกตนยังไม่ได้ถูกตัดสินทางกฎหมายว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เพราะฉะนั้นในตอนนี้ตนยังเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างชัดเจน จึงจะเห็นได้ว่าคำพูดของนายสุเทพเป็นการใส่ร้ายกันอย่างชัดเจน อีกทั้งนายสุเทพยังแสดงกิริยากระหยิ่มยิ้มย่องใส่โชคชะตาของนายจตุพร ซึ่งตนคิดว่าเป็นการกระทำของผู้ที่ไม่ได้เป็นลูกผู้ชาย
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า การจับฉลากของพรรคการเมืองใหญ่คือนัยยะที่สำคัญคือ การที่พรรคเพื่อไทยหยิบได้หมายเลข 1 ก็คือการรวมกันเป็น 1 ของคนไทย และก็คือเริ่มต้นจากจุดแรกไปสู่อนาคต ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้หมายเลข 10 นั้นเป็นตัวเลขแห่งความตาย เช่นการฆ่าประชาชน 91 ศพ พอนับเลข 9 กับเลข 1 มาบวกกันก็จะได้หมายเลข 10 เพราะฉะนั้นเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะจับฉลากกี่ครั้งตนก็เชื่อว่าจะได้หมายเลขนี้
“เมื่อผมมาเป็นผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ผมก็พร้อมที่จะทำตามกฎขอการเลือกตั้ง และก็เชื่อว่าไม่มีเสื้อแดงคนใดที่จะขัดขวางการเลือกตั้ง หรือต่อต้านการลงพื้นที่ จึงอยากจะฝากไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าอย่าตกใจจนเกินไป คนเสื้อแดงบอบช้ำมามากแล้ว ตอนนี้คงถึงเวลาที่จะมามองดูกลุ่มพันธมิตรฯ กับนายอภิสิทธิ์เผชิญหน้ากัน เพราะรู้สึกเหมือนตัวอิจฉามาเจอกัน” นายณัฐวุฒิกล่าว
ส่วนนโยบายการทำนิรโทษกรรมหรือแนวทางการปรองดองนั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ภายหลังการเลือกตั้ง็จะต้องมีความชัดเจนในเรื่องนี้มากขึ้นว่าประชาชนอยากจะได้โมเดลของใคร เพราะถ้าจะพูดถึงการปรองดองในตอนนี้ทุกพรรคก็มีแนวทางของแต่ละพรรค
