ผู้เขียนเพิ่งกลับจากกัมพูชาเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว เดินทางไปในขณะนี้ การสู้รบที่ชายแดนจังหวัดสุรินทร์ก็กำลังเข้มข้น ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่า จะเอาชีวิตไปเสี่ยงหรือไม่ เพราะไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากการเมืองหรือเป็นการปะทะกันโดยมีสภาพแวดล้อมที่ทำให้เป็นไปจริงๆ แต่ปรากฏว่า การเดินทางไปกัมพูชาครั้งนี้ ดีเกินคาด เพราะทำให้ได้รู้สภาพที่แท้จริงทั้งโอกาสการทำธุรกิจในกัมพูชา และความรู้สึกทั้งของชาวกัมพูชาทั้งภาครัฐและเอกชน และคนไทยที่ลงทุนอยู่ในกัมพูชา
คณะของเราเดินทางไปร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โดยการประสานงานเป็นอย่างดียิ่งของคุณดวงใจ จันทร ซึ่งเป็นรองประธานคณะกรรมการส่งเสริมเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านและประธานอนุกรรมการประเทศกัมพูชา ร่วมกับหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของกัมพูชา ซึ่งให้การต้อนรับเป็นอย่างดียิ่ง เราเดินทางไปตราดไปออกที่เกาะกง ไปสีหนุวิลล์ กัมปอต และกรุงพนมเปญ ระหว่างการเยือน คณะของเราได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดียิ่งจากผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ และประธานหอการค้าจังหวัด จนเสมือนว่า ไม่มีความขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ ทำให้เข้าใจได้ว่า ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและกัมพูชามีความเข้มแข็งและมั่นคงมาก
คนงานในโรงงานของคนไทยยังทำงานตามปกติ เนื่องจากบริษัทให้การดูแลเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องสวัสดิการ ค่าแรงงานและข้อสำคัญ การทำงานกับบริษัทไทย ทำให้ครอบครัวของคนงานเหล่านั้น อยู่ดีมีสุข ไม่เดือดร้อน ในเรื่องความสัมพันธ์กับชุมชนรอบข้างโรงงานก็เป็นไปด้วยดี เพราะโรงงานของไทยช่วยเหลือชุมชนรอบข้างให้ได้อยู่ดีมีสุข ทั้งช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ การกีฬา การสร้างจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ถือเป็นความสำเร็จของการทำธุรกิจของคนไทยในต่างแดนอีกประเทศหนึ่ง
กัมพูชาเป็นแหล่งธุรกิจใกล้ไทยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง มีความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ แรงงานจำนวนมากในราคาที่ถูกกว่าไทย (ตามกฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำเดือนละ 61 เหรียญสหรัฐ) เอื้อต่ออุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นหลัก เช่น เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า เป็นต้น อีกทั้ง การก่อสร้างสาธารณูปโภค การศึกษา เป็นสิ่งที่กัมพูชาต้องการการลงทุนจากต่างชาติเป็นอย่างมาก โอกาสที่คณะเราได้ค้นพบอีกหลายเรื่อง คือ เรื่องการท่องเที่ยว เมืองแกบ เป็นเมืองชายทะเลที่สวยงามและกำลังบริสุทธิ์อยู่มาก
ปัจจุบัน ผู้ที่ค้นพบความสวยงามของเมืองชายทะเลแห่งนี้คือ นักท่องเที่ยวจากยุโรป ซึ่งก็คงจะเดินทางผ่านไทยเข้าไป มีนักท่องเที่ยวจากเบลเยียม ฝรั่งเศส เข้าไปพักผ่อนและสร้างรีสอร์ตไว้ แต่จังหวัดนี้ยังขาดแคลนน้ำดื่มสะอาด ไฟฟ้า การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและบริการด้านท่องเที่ยวอีกมาก
สำหรับเมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งนอกจากความสวยงามด้านแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลแล้ว ยังเป็นเมืองที่เหมาะกับการลงทุนอย่างยิ่ง เพราะมีท่าเรือน้ำลึกที่ได้รับการพัฒนาพร้อมรองรับการส่งออก ปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติ เช่น จีน เกาหลีใต้ เข้าไปลงทุนมาก สร้างเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อผลิตส่งออก จากการหารือกับที่ปรึกษาพาณิชย์ของไทย การสร้างเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และสร้างท่าเรือส่งออกเป็นของตนเองในเขตอุตสาหกรรม เป็นการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชัน และการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมด้านลอจิสติกส์ ที่สูงมากได้ส่วนหนึ่ง นอกเหนือไปจากการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการลงทุน โดยการสนับสนุนด้านงบประมาณจากรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกการลงทุน เช่น จีน
ข้อพึงคำนึงต่อการลงทุนในประเทศนี้ คงต้องเริ่มจากการทดลองตลาด ควรเข้าไปสำรวจตลาดด้วยตัวเอง เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ท่านได้เข้าใจถึงสภาพที่แท้จริงของความต้องการของผู้บริโภค คู่ค้าที่จะทำธุรกิจด้วย และช่องทางการขนส่งด้านลอจิสติกส์ และข้อสำคัญคือ non-tariff ในกัมพูชายังมีอยู่มาก อย่าหวังว่าเขตการค้าเสรีอาเซียนจะทลายกำแพงภาษีของกัมพูชาลงได้ การขนส่งข้ามแดนไม่ง่ายดายเหมือนในไทย ท่านจึงต้องปรับตัว แต่สถานเอกอัครราชทูตไทยที่กรุงพนมเปญ ฝากมาว่า หากคิดจะร่วมทุนหรือหาคู่ค้าในกัมพูชา ขอให้ส่งรายชื่อคู่ค้ากัมพูชาให้สถานทูตไทยตรวจสอบก่อน โดยท่านที่ปรึกษาพาณิชย์ของไทยที่กัมพูชา จะช่วยเหลือตรวจสอบข้อมูลให้ว่า เชื่อถือได้หรือไม่ ท่านจะได้มั่นใจว่า จะไม่ถูกหลอก
แม้ว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาจะปะทุและปะทะกันรุนแรงแค่ไหน ขอให้ภาคประชาชนของทั้งสองประเทศเข้มแข็งและอดทนเข้าไว้ ปัญหาก็จะผ่านพ้นไปด้วยดี การเยือนครั้งนี้ เราได้รับทราบว่า ท่านนายกรัฐมนตรีของกัมพูชากล่าวให้ความมั่นใจกับนักลงทุนต่างชาติที่ทำธุรกิจในกัมพูชารวมถึงคนไทยว่า จะให้ความคุ้มครองการลงทุนของต่างชาติในกัมพูชาอย่างเต็มที่ อีกทั้งกฎหมายการลงทุนของกัมพูชาก็ให้ความคุ้มครองไว้อีกระดับหนึ่งด้วยเช่นกัน
กัมพูชายังน่าลงทุนอยู่ค่ะ
ติดต่อขอข้อมูล ติชม และเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่ศูนย์บริการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 0-2553-8111 หรือที่ head@boi.go.th
คณะของเราเดินทางไปร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โดยการประสานงานเป็นอย่างดียิ่งของคุณดวงใจ จันทร ซึ่งเป็นรองประธานคณะกรรมการส่งเสริมเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านและประธานอนุกรรมการประเทศกัมพูชา ร่วมกับหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของกัมพูชา ซึ่งให้การต้อนรับเป็นอย่างดียิ่ง เราเดินทางไปตราดไปออกที่เกาะกง ไปสีหนุวิลล์ กัมปอต และกรุงพนมเปญ ระหว่างการเยือน คณะของเราได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดียิ่งจากผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ และประธานหอการค้าจังหวัด จนเสมือนว่า ไม่มีความขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ ทำให้เข้าใจได้ว่า ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและกัมพูชามีความเข้มแข็งและมั่นคงมาก
คนงานในโรงงานของคนไทยยังทำงานตามปกติ เนื่องจากบริษัทให้การดูแลเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องสวัสดิการ ค่าแรงงานและข้อสำคัญ การทำงานกับบริษัทไทย ทำให้ครอบครัวของคนงานเหล่านั้น อยู่ดีมีสุข ไม่เดือดร้อน ในเรื่องความสัมพันธ์กับชุมชนรอบข้างโรงงานก็เป็นไปด้วยดี เพราะโรงงานของไทยช่วยเหลือชุมชนรอบข้างให้ได้อยู่ดีมีสุข ทั้งช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ การกีฬา การสร้างจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ถือเป็นความสำเร็จของการทำธุรกิจของคนไทยในต่างแดนอีกประเทศหนึ่ง
กัมพูชาเป็นแหล่งธุรกิจใกล้ไทยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง มีความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ แรงงานจำนวนมากในราคาที่ถูกกว่าไทย (ตามกฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำเดือนละ 61 เหรียญสหรัฐ) เอื้อต่ออุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นหลัก เช่น เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า เป็นต้น อีกทั้ง การก่อสร้างสาธารณูปโภค การศึกษา เป็นสิ่งที่กัมพูชาต้องการการลงทุนจากต่างชาติเป็นอย่างมาก โอกาสที่คณะเราได้ค้นพบอีกหลายเรื่อง คือ เรื่องการท่องเที่ยว เมืองแกบ เป็นเมืองชายทะเลที่สวยงามและกำลังบริสุทธิ์อยู่มาก
ปัจจุบัน ผู้ที่ค้นพบความสวยงามของเมืองชายทะเลแห่งนี้คือ นักท่องเที่ยวจากยุโรป ซึ่งก็คงจะเดินทางผ่านไทยเข้าไป มีนักท่องเที่ยวจากเบลเยียม ฝรั่งเศส เข้าไปพักผ่อนและสร้างรีสอร์ตไว้ แต่จังหวัดนี้ยังขาดแคลนน้ำดื่มสะอาด ไฟฟ้า การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและบริการด้านท่องเที่ยวอีกมาก
สำหรับเมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งนอกจากความสวยงามด้านแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลแล้ว ยังเป็นเมืองที่เหมาะกับการลงทุนอย่างยิ่ง เพราะมีท่าเรือน้ำลึกที่ได้รับการพัฒนาพร้อมรองรับการส่งออก ปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติ เช่น จีน เกาหลีใต้ เข้าไปลงทุนมาก สร้างเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อผลิตส่งออก จากการหารือกับที่ปรึกษาพาณิชย์ของไทย การสร้างเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และสร้างท่าเรือส่งออกเป็นของตนเองในเขตอุตสาหกรรม เป็นการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชัน และการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมด้านลอจิสติกส์ ที่สูงมากได้ส่วนหนึ่ง นอกเหนือไปจากการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการลงทุน โดยการสนับสนุนด้านงบประมาณจากรัฐบาลของประเทศผู้ส่งออกการลงทุน เช่น จีน
ข้อพึงคำนึงต่อการลงทุนในประเทศนี้ คงต้องเริ่มจากการทดลองตลาด ควรเข้าไปสำรวจตลาดด้วยตัวเอง เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ท่านได้เข้าใจถึงสภาพที่แท้จริงของความต้องการของผู้บริโภค คู่ค้าที่จะทำธุรกิจด้วย และช่องทางการขนส่งด้านลอจิสติกส์ และข้อสำคัญคือ non-tariff ในกัมพูชายังมีอยู่มาก อย่าหวังว่าเขตการค้าเสรีอาเซียนจะทลายกำแพงภาษีของกัมพูชาลงได้ การขนส่งข้ามแดนไม่ง่ายดายเหมือนในไทย ท่านจึงต้องปรับตัว แต่สถานเอกอัครราชทูตไทยที่กรุงพนมเปญ ฝากมาว่า หากคิดจะร่วมทุนหรือหาคู่ค้าในกัมพูชา ขอให้ส่งรายชื่อคู่ค้ากัมพูชาให้สถานทูตไทยตรวจสอบก่อน โดยท่านที่ปรึกษาพาณิชย์ของไทยที่กัมพูชา จะช่วยเหลือตรวจสอบข้อมูลให้ว่า เชื่อถือได้หรือไม่ ท่านจะได้มั่นใจว่า จะไม่ถูกหลอก
แม้ว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาจะปะทุและปะทะกันรุนแรงแค่ไหน ขอให้ภาคประชาชนของทั้งสองประเทศเข้มแข็งและอดทนเข้าไว้ ปัญหาก็จะผ่านพ้นไปด้วยดี การเยือนครั้งนี้ เราได้รับทราบว่า ท่านนายกรัฐมนตรีของกัมพูชากล่าวให้ความมั่นใจกับนักลงทุนต่างชาติที่ทำธุรกิจในกัมพูชารวมถึงคนไทยว่า จะให้ความคุ้มครองการลงทุนของต่างชาติในกัมพูชาอย่างเต็มที่ อีกทั้งกฎหมายการลงทุนของกัมพูชาก็ให้ความคุ้มครองไว้อีกระดับหนึ่งด้วยเช่นกัน
กัมพูชายังน่าลงทุนอยู่ค่ะ
ติดต่อขอข้อมูล ติชม และเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่ศูนย์บริการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 0-2553-8111 หรือที่ head@boi.go.th
