ASTVผู้จัดการรายวัน - หาเสียงเลือกตั้ง วันที่สองคึกคัก! “ปู” เดินตลาดบางกะปิ ประกาศเป็นรัฐบาลจะยกเลิก “ชั่งไข่ไก่” ยันไม่ขาดคุณสมบัติ “คดียึดทรัพย์” หลัง กกต.การันตรีไม่ใช่คดีอาญา มึน! แดงเชียงใหม่ น้อยใจปาร์ตี้ลิสต์ ขู่ “โหวตโน” ส่วน “มาร์ค”ไปเมืองกาญจน์ขายนโยบาย เย้ย เลือก “ปู” ได้ “ตู่” นำปรองดอง? ไม่วายถูกเสื้อแดงไล่กลางวัดไร่ขิง บิ๊ก กกต.เผยมีผู้ใหญ่ขอให้ประเทศนับหนึ่งใหม่
เวลา07.00 น. วานนี้ (20 พ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ย่านตลาดบางกะปิ เพื่อแนะนำตัว พร้อมปราศรัยหาเสียง ร่วมกับแกนนำของพรรคเพื่อไทยหลายคน พร้อมแนะนำนายยุรนันท์ ภมรมนตรี นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางกะปิ โดยปราศรัยชูนโยบายแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง การเพิ่มรายได้ประชาชนซึ่งบรรยากาศที่ตลาดบางกะปิ เป็นไปอย่างคึกคัก
**เป็น รบ.เดินหน้ายกเลิกชั่งไข่ไก่
โดยระหว่างการหาเสียง น.ส. ยิ่งลักษณ์ได้เดินจับมือทักทายกับพ่อค้า แม่ค้าชาวตลาดบางกะปิ อย่างเป็นกันเอง เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้ เมื่อ น.ส. ยิ่งลักษณ์พบร้านค้าขายไข่ไก่ก็ได้เดินเข้าๆไปยังร้านดังกล่าวทันที เพื่อสอบถามราคาและต้นทุนของราคาสินค้าอย่างละเอียด
จากนั้น น.ส. ยิ่งลักษณ์ได้ขึ้นปราศรัยบนรถติดเครื่องขยายเสียง โดยกล่าวว่าขอขอบคุณประชาชนที่ให้การต้อนรับอย่างดี ตนมาหาเสียงเป็นที่นี่เป็นที่แรกเพื่อมารับฟังปัญหา จึงขอโอกาสของคนที่นี้ให้โอกาส ผู้สมัครส.ส.เขตของพรรคเพื่อไทยด้วย
ต่อมานางสาวยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมาที่ตลาดบางกะปิเพื่อรับฟังปัญของประชาชน หลังจากที่พรรคเพื่อไทยออกนโยบายเพื่อแก้ปัญหาที่ประชาชนต้องการ โดยเฉพาะปัญหาปากท้อง สินค้าราคาแพง ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องเร่งแก้ไขอย่างเป็นระบบ ส่วนเรื่องยุทธศาสตร์หาเสียงหลังจากนี้ ตนจะเร่งลงพื้นที่ต่อเนื่องเพื่อพบกับกลุ่มต่างๆ และเก็บข้อมูลเพิ่มเติมก่อนนำไปแก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะยกเลิกโครงการขายไข่ไก่ชั่งกิโลกรัม เพราะไม่เป็นประโยชน์ และกลับไปใช้การขายรูปแบบเดิม ขณะที่นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เรื่องไหนที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็จะคงไว้ เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน แต่หากนโยบายไหนไม่ดีก็จำเป็นต้องยกเลิก
**ยันไม่ขาดคุณสมบัติ ลงรับสมัครได้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงคุณสมบัติของตนเองในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ว่า ได้มีการตรวจสอบกับทีมกฎหมายแล้ว พบว่าไม่ขาดคุณสมบัติ และไม่มีปัญหาในเรื่องคดีความที่มีความเกี่ยวโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยการดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอน เชื่อว่าจะไม่กระทบกับการตรวจสอบกับทีมกฎหมายแล้ว พบว่าไม่ขาดคุณสมบัติในครั้งนี้
หลังจากนี้จะเดินหน้าลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงกับประชาชนและจะผลักดันนโยบายการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ส่วนนโยบายของรัฐบาลที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ ก็จะคงไว้ แต่ส่วนใดที่มีปัญหาก็จะดำเนินการแก้ไขให้ดีขึ้น
**“แดงคลองเตยเซ็ง “ปู”เบี้ยวคิว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากเดิมที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีกำหนดการจะไปหาเสียงที่มูลนิธิบ้านครูประทีป ย่านคลองเตย ในเวลา 10.00 น แต่ขอยกเลิกกำหนดการกระทันหัน เนื่องจากมีภาระกิจต้องเข้าไปที่ที่ทำการพรรคเพื่อเตรียมงานในการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ วันที่ 21 พ.ค.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางไปพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อปราศรัยหาเสียงใหญ่ โดยกำหนดการช่วงเช้าใน จ.เชียงใหม่ เดินทางไปสักการะครูบาศรีวิชัยและพระธาตุดอยสุเทพ ก่อนที่ในช่วงบ่ายจะเดินทางไปไหว้สถูปบรรพบุรุษ บริเวณวัดโรงธรรมสามัคคี รวมทั้งเดินพบปะประชาชนบริเวณตลาดวโรรส จากนั้นจึงจะเปิดปราศรัยใหญ่อย่างเป็นทางการ ที่สนามกีฬา 700 ปี ก่อนที่ช่วงค่ำ จะเดินทางไป จ.ลำพูน เพื่อปราศรัยต่อไป ขณะเดียวกัน ในวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค.จะมีการหาเสียงปราศรัย ที่ จ.พะเยา และ จ.เชียงราย
**น้อยใจอ้างแดง4จังหวัดขู่“โหวตโน”
ที่จ.เชียงใหม่ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้เปิดแถลงข่าวที่โรงแรมวโรรส แกรนด์พาเลซ อ.เมืองเชียงใหม่ กรณีที่หลุดบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไปติดอยู่ที่อันดับ 86 ซึ่งเสี่ยงต่อการพลาดโอกาสได้เป็น ส.ส.
นายเพชรวรรต กล่าวว่า ไม่ได้สนใจเพราะเราสู้เพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ได้กลับมาและชาวบ้านคนเสื้อแดงเขาคิดไว้เหมือนเรา แต่ตอนนี้คนเสื้อแดงที่เป็นสมาชิกเครือข่ายเขาไม่พอใจว่าอย่างน้อยน่าจะต้องมีตัวแทนคนเสื้อแดงที่ได้เป็นผู้สมัคร.ปาร์ตี้ลิสต์ในอันดับที่จะได้เข้าไปทำงานในสภาเพื่อต่อสู้คดีความสามารถเรียกร้องแทนชาวบ้านได้
“ทราบว่าขณะนี้มวลชนเสื้อแดงที่เป็นเครือข่าย 51ทั้งจ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปางและเชียงรายบางส่วนมีความไม่พอใจที่ตนไม่ติดอันดับผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทยในอันดับต้น ๆและประกาศจะโหวตโนเพื่อตอบโต้” นายเพชรวรรตกล่าวและว่าอาจส่งผลให้คนเสื้อแดงที่เป็นเครือข่ายของรักเชียงใหม่ 51 ใจะไม่ไปเข้าร่วมเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์
**มาร์คไปเมืองกาญจน์ขายนโยบาย
เวลา 10.30 น. วันเดียวกันนายอภิสิทธิ์ เวชชชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 136/4 ม.12 ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เป็นบ้านตั้งกลางทุ่งนา ซึ่งเป็นบ้านของนายสำราญ ฟักทอง (ปื้ด) อาชีพทำนา และน้ำตาลปึกขาย เพื่อพบปะกับตัวแทนชาวบ้านใน จ.กาญจนบุรี ประมาณ 100 กว่าคน โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต ของพรรคต้อนรับ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันของสองพรรคใหญ่คือพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อไทย เข้มข้นและสูสีมากโดยทางฝ่ายพรรคเพื่อไทย มีนโยบายชัดเจนแล้วว่าจะยกเลิกประกันรายได้ และจะกลับมาใช้โครงการรับจำนำให้ตันละ 15,000 บาท ซึ่งจะกลับสู่สภาพเดิมคือ กลับคืนสต็อก โควตาจำนำเต็ม ข้าวราคาตก แต่ถ้าเลือกประชาธิปัตย์โครงการประกันรายได้ เดินต่อเพิ่มกำไรจาก 40%เป็น50%
แต่ทั้งนี้ หากจะเลือกพรรคเพื่อไทย เพื่อกลับไปใช้ระบบรับจำนำ ตนอยากฝาก 2 ข้อให้ประชาชนไปคิด ข้อแรกนโยบายที่แต่ละพรรคพูดทำได้จริงหรือเปล่า เพราะรับรองว่าอีก 40 วันช่วงหาเสียงเลือกตั้งจะต้องมีคนมาวาดฝันให้หลายอย่างแน่ ข้อสองนโยบายที่ตนและพรรคประชาธิปัตย์พูดทั้งหมด เป็นรัฐบาลเริ่มต้นวันแรกเดินหน้าทำได้ทันที เลือกตั้งครั้งนี้อย่าไปนับ 1 ควรเติมให้เต็ม 10 ไปเลย ประชาธิปัตย์ไม่ได้เริ่มต้นที่ 0 ไม่นับ 1 ใหม่แต่เติมให้เติม10
**เย้ย เลือก “ปู”ได้ “ตู่”นำปรองดอง?
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แต่ที่สำคัญกว่านั้นพรรคเพื่อไทยบอกว่านโยบายสำคัญเรื่องหนึ่งจะมีการล้างความผิด นิรโทษกรรมพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน วันนี้ตนไม่มาเถียงว่าจะล้างความผิดคนดีหรือไม่ดี เพียงแต่ให้ประชาชนคิดกลับไปว่าเวลาที่มีการจุดประเด็นเรื่องล้างความผิดนิรโทษกรรมบ้านเมืองมันวุ่นวายไหม ตนตั้งใจยุบสภาเพื่อให้การเมืองกลับมาเป็นเรื่องของประชาชน ตนไม่อยากให้ลากกลับไปเป็นเรื่องทักษิณไม่ทักษิณ ล้างความผิดไม่ล้างความผิดวุ่นวายกันไปจะกลายเป็นเหมือนปี 51 วุ่นวายกันทั้งปี
แต่ประชาธิปัตย์ไม่มีเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ไม่ปรองดอง 2 ปีกว่าที่ผ่านมาทำงานด้วยความอดทนไม่เคยคิดทำร้ายใคร แต่ปัญหาหลายปัญหาเหตุการณ์ลุกลามบานปลายไป มีความจำเป็นมากที่สุดคือรักษากฎหมายและเมื่อเกิดเหตุเรียกร้องให้ปรองดอง วิธีที่ดีที่สุดเอาคนกลางเข้ามาช่วยบอกให้ทำอะไร เขาบอกให้เยียวยาเราก็ทำ เรื่องสิทธิประกันตัวเราก็ทำ เอาคนกลางไม่มีส่วนได้เสียมาเดินปรองดองตนว่าเดินได้ แต่ให้คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียมากทำปรองดองวุ่นแน่
ตนไม่รู้จัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นการส่วนตัว แต่เขาอาจจะตั้งใจมาปรองดอง แต่ตนกลัวทีมปรองดองของคุณยิ่งลักษณ์ เพราะอ่านรายชื่อบัญชีรายชื่อ ส.ส.ของเพื่อไทย เห็นแล้วกลัว 1.นายจตุพร พรหมพันธุ์ 2.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 3.น.พ.เหวง โตจิราการ และยังมีนายวิภู แถลง และนายอริสมันต์ ที่ขาดคุณสมบัติก็เอาภรรยามาใส่
ดังนั้นคิดเอาแล้วกันว่าทีมอย่างนี้ มาทำงานปรองดองมันจะปรองดองได้หรือไม่ เสียเวลา และประเทศเสียเวลามามากแล้ว เราต้องเอาปัญหาของพี่น้องมาคุยกันดีกว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยมาวันนี้ พร้อมทีมปรองดองของคุณยิ่งลักษณ์ หลายคนในประเทศคงมีปัญหากันแน่และปัญหาของประเทศก็จะวุ่นวายอีก
**หาเสียงวัดไร่ขิง แดงตามป่วน
ต่อมาคณะนายอภิสิทธิ์ เดินทางมายังโรงเรียนวัดไร่ขิง ( สุนทรอุทิศ) จังหวัดนครปฐม ท่ามกลางการรักษาควมปลอดภัยชั้นสูงสุด เนื่องจากเป็นพื้นที่ของกลุ่มคนเสื้อแดงนครปฐม
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่นายอภิสิทธิ์ จะเดินทางมาถึงบริเวณวัดไร่ขิง ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมรถเครื่องขยายเสียง ตีนตบ ประมาณ 40 คน ได้มาปักหลักชุมนุมเพื่อเตรียมขับไล่นายอภิสิทธิ์
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ ได้ปราศรัยชูนโยบายของพรรค พร้อมระบุว่า วันที่ 21 พ.ค.นี้ นี้ตน จะรณรงค์ว่าประเด็นเลือก “ปชป.ทำได้ทันที” ไม่เสียเวลาเรียนรู้งาน ปัญหาที่พูดคุยและรับฟังมาเอามาเตรียมพร้อมและวันแรกที่มีโอกาสทำงานในฐานะรัฐบาลก็เดินหน้าทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการจัดเวทีพูดคุยกับชาวบ้านของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นการหาเสียงนั้นได้มีกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มคนที่ไม่ชอบนายอภิสิทธิ์ได้เข้ามานั่งรวมปะปนกับชาวบ้านอยู่ด้วย แต่ไม่ได้สวมเสื้อหรือมีสัญลักษณ์อะไรว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เปิดโอกาสให้มีการซักถาม ซึ่งปรากฎว่ากลุ่มคนไม่ชอบนายอภิสิทธิ์ ได้ลุกขึ้นและกล่าวทันทีว่าไม่เชื่อคำพูดของนายอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะเรื่องเงินค่าซื้อชุดนักเรียน 360 บาท ซื้อชุดนักเรียนไม่ครบ
**ร้องขอโทษ-รับผิดชอบสลายชุมนุม
จากนั้นนางมนัชยา สิริพงษ์ อายุ 44 ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้ได้รับผลกะทบจากการกระชับพื้นที่ เหตุการณ์สลายการชุมนุม ลุกขึ้นยืน และตะโกนเสียงดังท่ามกลางกลุ่ม รปภ. ที่พยายามเข้าไปกันและจะดึงตัวออกมา ว่า “เราตกเป็นเหยื่อของการกระชับพื้นที่ เราทุกข์ทรมานมาตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.53 แล้วคุณรู้สึกอย่างไรกับประชาชนที่ล้มตาย และคนที่ได้รับบาดเจ็บ พวกเรามีหลักฐาน ก่อนที่จะชูเอกสารสำเนาใบแจ้งความของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนั้นได้ตะโกนต่อว่า นายกฯไม่เคยรับผิดชอบ หรือเยียวยาอะไร นายกฯไม่รับผิดชอบเหยื่อ
ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ 3-4 คน ได้เดินไปหานางมนัชยา พร้อมกับโห่ไล่ ทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องพูดผ่านไมโครโฟนว่าไม่เป็นไร อย่าไปทำอะไร และเชิญให้นางมนัชยามาพูดคุยกันที่บริเวณด้านหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้โต้เถียงกันระยะหนึ่ง โดยใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 10 นาที จากนั้นนายอภิสิทธิ์ จึงลุกขึ้นเมื่อการพูดคุยดูจะไม้ได้ข้อยุติ จากนั้นทีม รปภ.จึงล้อมและพานายอภิสิทธิ์ ขึ้นรถกลับออกมาทันที เมื่อเวลา 15.30น. จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เดินทางกลับเข้ามายังทำเนียบรัฐบาล และเดินทางกลับบ้านพักที่ซอยสุขุมวิท 31
**โวแฟนเฟซบุ๊คหนุน 9 ล้านคน
อีกด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้อำนวยการเลือกตั้ง กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าว เปิดตัวช่องทางหาเสียงของพรรคผ่านระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์หาเสียงออนไลน์ ซึ่งมีผู้ใช้ขณะนี้ประมาณ 9 ล้านคน โดย 60 % อายุเฉลี่ย 18-35 ปี -ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ จะพบปะพูดคุยกับประชาชนและแฟนเพจกว่า 6 แสนคนแบบสดๆ โดย ผ่านระบบ “Livestream” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 20.10 น. ทางเฟสบุ๊กของนายอภิสิทธิ์ www.facebook.com/Abhisit.M.Vejjajiva “Ch.10” ภายใต้สโลแสน “อยากถามอภิสิทธิ์ฮิตแชนนอลเท็น” และประชาชนสามารถติดตามไฮไลต์ การลงพื้นที่ประจำวันที่เฟสบุ๊กของพรรคประชาธิปัตย์ www.facebook.com/DemocratPartyTH ในช่อง “ DEM 10 โดยจะเริ่มครั้งแรกในวันที่ 22 พ.ค. นี้
ส่วน การหาเสียงผ่านช่องทางนี้จะไม่มีปัญาเรื่องการชี้แจงค่าใช้จ่ายต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เนื่องจากได้มีการสอบถามไปยังกกต.แล้ว และได้รับการยืนว่าไม่มีปัญหา
**รับท้าเป็ดเหลิมส่ง”ชำนิ”ดีเบตนิรโทษ
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 3 พรรคเพื่อไทย ท้าดีเบตพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องแนวทางนิรโทษกรรม พร้อมกับระบุว่า แนวทางดังกล่าวตนเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นเองว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการให้ประชาชนรับทราบกระบวนการนิรโทษกรรม ที่พรรคเพื่อไทยจะใช้ และพรรคเพื่อไทยต้องเปิดเผยให้ชัดว่าจะมีแนวทางอย่างไร ไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างกระบวนการนิรโทษกรรม เหมือนในอดีตที่ผ่านมาในช่วงสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ทั้งนี้หากร.ต.อ.เฉลิม พร้อมที่จะดีเบต พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมจะรับคำท้า โดยจะส่งนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรคฯ เป็นผู้ดีเบตในนามพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนในเรื่องเวลาและสถานที่นั้น แล้วแต่ร.ต.อ.เฉลิมจะระบุมา แต่พรรคมองว่า หากจะมีการดีเบตจริง ควรจะมีองค์กรกลางเป็นผู้จัดเวทีจะเหมาะสมกว่า
**เหลิม"ลั่นขอชน"อภิสิทธิ์"เท่านั้น
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ได้เสนอตัวชิงตำแหน่งนายกฯ ตนจึงพร้อมจะดีเบตพูดคุยเรื่องนี้ แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ จะส่งนายชำนิ มานั้น ตนคงไม่พร้อม เพราะไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่ใช่คู่ปรับของตนในสภาฯ ช่วงที่ผ่านมาคู่ต่อสู้ของตน คือ นายอภิสิทธิ์ ดังนั้นจึงไม่สนใจหากพรรคประชาธิปัตย์จะนำคนอื่นมาดีเบต
**เชื่อพท.ไม่กล้านิรโทษกลัวจุดตาย
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่าเรื่องนิรโทษกรรม เป็นเรื่องภายใน และเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย แต่คาดเดาว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะมองว่าเป็นจุดตาย หรือจุดสลบของพรรคได้ เพราะหากนำเสนอแล้วสังคมไม่โดน สังคมไม่ตอบสนอง เชื่อว่าเรื่องนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงจะหลีกเลี่ยง เพราะหากพูดถึง จะกลายเป็นปัจเจกทำเพื่อบุคคลคนเดียว
ทั้งนี้พรรคจะชูนโยบายความปรองดองของชาติเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อให้สังคมเห็นเด่นชัด ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดแข็งของพรรค ซึ่งพรรคการเมืองอื่นไม่มีนโยบายแบบนี้ โดยพรรคจะขับเคลื่อนนโยบายปรองดองในทุกเวทีปราศรัย โดยผ่านแกนนำของพรรค เราเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบสนองจากทุกสีและทุกพื้นที่
ส่วนเรื่องของการจัดเตรียมการเดินสายปราศรัย เน้นพื้นที่จังหวัดภาคกลาง อีสาน และภาคใต้บางส่วน ประเดิมลงพื้นที่หาเสียงครั้งแรกในสัปดาห์แรกของเดือนมิ.ย. ที่แรก จ.สุพรรณบุรี หรือไม่เริ่มที่แรกที่ จ.สุรินทร์ และอุบลราชธานี
**กกต.กลางประชุม กกต.จว.ทั่วประเทศ
ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดประชุมเรื่อง "เตรียมความพร้อมการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2554" ให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด( กกต.จว.) และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ( ผอ.กต.จว. ) จำนวนกว่า 400 คนทั่วประเทศ เพื่อรับทราบนโยบาย รวมถึงแนวทางปฏิบัติในการจัดหาสถานที่ปิดป้ายประกาศ หาเสียงของผู้สมัคร
โดยขนาดของป้ายหาเสียงมี 2 แบบ คือ ขนาดโปสเตอร์ มีขนาดไม่เกิน 30 เซนติเมตร ยาวไม่เกิน 42 เซนติเมตร (ประมาณ A 3 ) ผลิตได้ไม่เกิน 10 เท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้งในเขตนั้นๆ ขณะที่ป้ายคัตเอ้าต์หรือบิลบอร์ด มีขนาดกว้างไม่เกิน 130 เซนติเมตร ยาวไม่เกิน 245 เซนติมตร หรือประมาณแผ่นไม้อัดทั่วไป ผลิตได้ไม่เกิน 5 เท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้ง ส่วนป้ายประกาศขนาดใหญ่ห้ามไม่ให้ใช้ สำหรับสถานที่ติดป้ายหาเสียง ห้ามปิดในสถานที่ของเอกชน ให้ปิดได้ในสาธารณสถานของรัฐเฉพาะแห่ง ตามที่หัวหน้าหน่วยของรัฐได้ประกาศกำหนดอนุญาตไว้เท่านั้น โดยแผ่นประกาศ (โปสเตอร์) สามารถปิดได้เพียงสถานที่ละ 1 แผ่น ส่วนแผ่นป้ายจะติดได้จำนวนเท่าใด ณ สถานที่ใดให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าหน่วยงานนั้น
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ชี้แจงพร้อมมอบนโยบาย ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ สหภาพยุโรปหรืออียูได้ขอมาสังเกตการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย จึงขอให้ทุกคนยึดกติกา กฎหมาย ขอให้ทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องการลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วง หน้าในเขต คือ 12-16 มิ.ย.
“หลายคนบอกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกอนาคตของประเทศ ซึ่งผมก็เห็นว่าจริง ซึ่ง 3 ก.ค.นี้ขอให้ทุกฝ่ายจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สุจริต และเที่ยงธรรม และตั้งเป้าการใช้สิทธิ์มากว่า 70% และขอให้มีบัตรเสียน้อยที่สุด”ประธาน กกต.กล่าว
**หาเสียงเลือกตั้ง 1.5 ล้านต่อส.ส. 1 คน
นายอภิชาต กล่าวว่า ที่ประชุมกกต.ได้มีมติเห็นชอบเรื่องการกำหนดค่าใช้จ่ายในการหาเสียงผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ปี54 ในวงเงิน 1.5 ล้านบาท ต่อคน และตนจะลงนามให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด ส่วนงบประมาณที่กกต.กลางจะจัดสรรให้กกต.จว. คาดว่าจะสามารถส่งงบประมาณลงไปในพื้นที่ได้ในวันที่ 24 พ.ค.นี้
ทั้งนี้ ตนทราบว่ามีข้าราชการบางคนที่วางตัวไม่เป็นกลาง แต่ก็มีไม่มาก ส่วนเจ้าหน้าที่ของกกต.เองก็ได้มีการเน้นย้ำให้กับผู้ปฏิบัติงานให้ทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงตรง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม โดยเฉพาะข้าราชการควรวางตัวเป็นกลางไม่เอนเอียง หรือเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมือง แต่หากมีเรื่องร้องเรียนเข้ามากกต.ก็จะส่งผู้ตรวจการลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวทันที
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ในอนาคต กกต.จว. จะไม่ได้มาจากข้าราชการ นายอภิชาต กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะการทำหน้าที่ของกกต.จะต้องมีหลายฝ่ายทำงานร่วมกัน
**คดียึดทรัพย์ไม่กระทบคุณสมบัติ“ปู”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีคุณสมบัติของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่อาจขาดคุณสมบัติบางประการ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายอภิชาต กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่ถือว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขาดคุณสมบัติการสมัครรับเลือกตั้ง คงต้องรอให้มีการร้องเรียนเข้ามาก่อน กกต.จึงจะสามารถพิจารณาได้ แต่ทั้งนี้ในเรื่องคดีดังกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ใช่คดีอาญาและการพิพากษาคดีต้องถึงที่สุดแล้วเท่านั้น จึงจะถือว่าขาดคุณสมบัติ
**ทำแผนไม่ต้องรอส่วนกลางสั่ง
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. กล่าวว่า ขอให้ กกต.จังหวัดวางแผนปฎิบัติการในพื้นที่ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ส่วนกลางกำหนด ให้เน้นเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้มาก ทั้งเรื่องการกาเบอร์เดียว การลงทะเบียนในเขตเลือกตั้ง การลงทะเบียนนอกเขตจังหวัด รวมทั้งการลงคะแนนเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้งเหลือวันอาทิตย์ที่ 26มิ.ย.54 เพียงวันเดียวระหว่างเวลา 08.00 น.-15.00 น.
ส่วนเรื่องการจัดเวทีกลางของ กกต. ที่มีปัญหาว่าที่ผ่านมาไม่ค่อยมีผู้สมัครให้ความสนใจเท่าที่ควร ซึ่งหลังจากที่ได้หารือร่วมกับพรรคการเมืองแล้ว เห็นควรให้จัดอย่างน้อยเขตละ 1 แห่ง และฝากกำชับให้มีการประสานกับสื่อต่างๆ ในพื้นที่มาร่วมประชาสัมพันธ์ด้วยเพื่อให้ได้รับความสนใจจากพรรคการเมืองต่างๆ มากขึ้น
สำหรับการดูแลหีบบัตรเลือกตั้งที่เป็นการเลือกตั้งล่วงหน้า ขอให้เก็บไว้ในที่เปิดเผยที่สามารถตรวจสอบได้ ขณะที่หน่วยเลือกตั้งก็ควรจัดไว้ในบริเวณที่เปิดเผย ที่บุคคลภายนอกมองเห็นได้ด้วยเช่นกัน รวมทั้งกำชับให้ตรวจสอบเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้สำหรับการเลือกตั้งว่าพร้อมใช้งานและถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ในส่วนของค่าตอบแทนกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ได้มีการปรับปรุงค่าตอบแทนจาก 700 เป็น 900 บาทต่อคน
**มีผู้ใหญ่ขอให้ประเทศนับหนึ่งใหม่
นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้ใหญ่ของประเทศขอให้ตนช่วยทำให้ประเทศได้นับหนึ่งใหม่ เนื่องจากตอนนี้ทุกฝ่ายมองมาที่ กกต.ที่มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นงานใหญ่ที่ทุกคนต้องช่วยกันให้แก้ไขปัญหาให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤต
**ตำรวจ เปิด“แผนพิทักษ์เลือกตั้ง”
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา สบ.10 กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยฯ จัดทำแผนงานทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง ในชื่อ”แผนพิทักษ์เลือกตั้ง” จัดกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 2 ระบบ ดูแลจุดปราศรัยของผู้สมัคร จะเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในจังหวัดใหญ่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ยังจัดกำลังไปดูแลโรงพิมพ์บัตรเลือกตั้งและการจัดส่งบัตรเลือกตั้งที่ไปรษณีย์ด้วย ทั้งนี้ การดูแลความปลอดภัยจะไม่รอให้ผู้สมัคร ส.ส.ร้องขอ แต่จะประสานให้ผู้สมัครทราบถึงแนวโน้น และส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแล
จะจัดกำลังดูแลเรื่องการทำลายป้ายหาเสียงแล้ว พร้อมจะสนับสนุนการทำงานของ กกต.ในทุกระดับ นอกจากนี้จะเพิ่มการดูแลหีบบัตรเลือกตั้งหลังการเลือกตั้งล่วงหน้า ในที่ประชุมยังเสนอให้ ผบ.ตร.มีคำสั่งให้ตำรวจไปประจำที่ กกต.จังหวัด เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนก็สามารถทำสำนวนเพื่อไปขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพื่อดำเนินการ เชื่อว่าจะสามารถจับกุมการทุจริตได้
**กทม.ห้ามใช้สนามหลวงปราศรัย
ด้าน กทม.ได้จัดสถานที่ในการปราศรัยหาเสียงไว้ทั้งหมด 14 จุด ประกอบด้วย ลานคนเมือง สวนจตุจักร สวนวชิรเบญจทัศ หรือสวนรถไฟ สวนลุมพินี อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย ลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี ศูนย์เยาวชนสะพานพระราม 9 เขตธนบุรี สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม สวนพระนคร เขตลาดกระบัง สวนสุขภาพ เขตประเวศ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ เขตทุ่งครุ และสวนสาธารณะ เขตบางแค
แต่ทาง กทม.ไม่อนุญาตให้ใช้สนามหลวง สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และสวนหลวง ร.9 อย่างไรก็ตาม หากผู้มีความประสงค์จะใช้สถานที่ ต้องยื่นคำร้องถึงศูนย์ประสานงานการเลือกตั้ง กทม. หรือที่สำนักปกครองและทะเบียนราษฎร์ กทม.ไม่น้อยกว่า 3 วัน.