นายกฯ เจอดีหาเสียงวัดไร่ขิงเจอไพร่แดงตามป่วน ท่ามกลางการอารักขาความปลอดภัยชั้นสูงสุด ยันไม่ขอร่วมสังฆกรรมเพื่อไทย เหน็บ"ยิ่งลักษณ์" ระวังทีมปรองดอง วางแผนเผาเมืองรอบใหม่ ปัดขอโทษแดงนครปฐมเหตุสลายการชุมนุมเมษาเลือด แต่เสียใจกับเหตุการณ์กระชับพื้นที่
วันนี้ (20 พ.ค.) ในระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมคณะลงพื้นที่หาเสียงย่านวัดไร่ขิง จ.นครปฐม ท่ามกลางการรักษาควมปลอดภัยชั้นสูงสุด แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ขณะเข้ากราบนมัสการหลวงพ่อวัดไร่ขิง เพื่อเป็นสิริมงคล และเดินทางต่อมาพบปะกับชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ปกครอง และนักเรียน ที่โรงเรียนวัดไร่ขิง ( สุนทรอุทิศ) เพื่อช่วยหาเสียงให้กับนายมารุต บุญมี ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมรถเครื่องขยายเสียง ตีนตบ ประมาณ 40 คน ได้มาปักหลักชุมนุมเพื่อเตรียมขับไล่นายอภิสิทธิ์ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ท้องที่ได้เข้าไปประสานขอความร่วมมือเพื่อความสงบเรียบร้อยของการเลือกตั้ง ทางกลุ่มคนเสื้อแดงจึงได้ย้ายไปปักหลักที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าวัดและโรงเรียนวัดไร่ขิง พร้อมเปิดเพลงของคนเสื้อแดงตลอดเวลาที่นายอภิสิทธิ์หาเสียงอยู่โดยกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ
นายอภิสิทธิ์ ได้ปราศรัยชูนโยบายโดยเน้นเรื่องด้านการศึกษา การดูแลเด็กและเยาวชน แนวทางปกิรูปประเทศไทย นโยบายการเรียนฟรี การลงทุนในเรื่องของครู กองทุนกู้ยืมทางการศึกษา นมโรงเรียน เป็นต้น
“วันนี้การเลือกตั้งเป็นการแข่งขันของ 2 พรรคใหญ่ คือเพื่อไทย กับประชาธิปัตย์ และมีความแตกต่างชัดเจน คือถ้าเลือก ปชป.ก็จะได้นโยบายต่างๆที่ได้พูดมา ได้คนเข้ามาเป็น ส.ส.และยกมือเลือกผมเป็นนายกฯ แต่ถ้าเลือกเพื่อไทย( พท.) ผุ้สมัครของ ปชป.ก็สอบตกหมด ส.ส.เพื่อไทยก็ไปยกมือให้คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ก็เป็นความแตกต่าง ที่สำคัญคือนโยบายก็จะต่างกัน วันนี้ เพื่อไทยประกาศแล้วว่าโครงการประกันรายได้ยกเลิกไม่ทำต่อ แต่จะเอานโยบายอื่นมาแทน ส่วนนโยบายการศึกษายังไม่ทราบชัดว่าเพื่อไทยจะเป็นอย่างไร เพียงแต่รู้ว่าจะมีการเอาคอมพิวเตอร์มาแจกเด็ก แต่อยากให้คิดว่าการแก้ปัญหาการศึกษาวันนี้คือการเอาคอมพิวเตอร์มาให้เด็กทุกคนหรือไม่ ราคาเครื่องละ 6-7 พันบาท มีเด็กประมาณ 15 ล้านคน ใกล้ๆแสนล้านบาท ผมไม่รู้ว่าจะเอาเงินจากไหน อาจจะมาเลิกการแจกชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน หรือโชคไม่ดีอาจเลิกโครงการเบี้ยยังชีพก็ได้ จึงอยากบอกว่าเมื่อเป็นอย่างนี้การตัดสินใจของประชาชนจะเป็นการกำหนดอนาคตของตัวเอง และประเทศ นโยบายต่างกัน คนต่างกัน รัฐบาลต่างกัน นายกฯ เป็นคนละคน ย้ำว่าการตัดสินใจอยากให้ประชาชนต้องซักถามว่านโยบายที่พูดทำได้จริงหรือไม่ “ นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า
ประเด็นเลือก ปชป.ทำได้ทันที ไม่เสียเวลาเรียนรู้งาน ปัญหาที่พูดคุยและรับฟังมาเอามาเตรียมพร้อมและวันแรกที่มีโอกาสทำงานในฐานะรัฐบาลก็เดินหน้าทันที นอกจากนั้น สำคัญที่สุด ปชป.มีแต่วาระของประชาชนไม่มีเรื่องอื่น วันนี้พรรคเพื่อไทยพูดชัดว่างานแรกที่เขาจะทำคือต้องไปล้างความผิดเพื่อเอาพ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน ผมไม่มานั่งเถียง แต่อยากถามว่าถ้าเริ่มต้นวันแรก แล้วการเมืองที่ทุกคนเบื่อจะกลับมาใหม่ เลือกตั้งทั้งทีทำไมกลับเอาเรื่องนี้มาอีก ทำไมไม่ให้เป็นเรื่องของประชาชน ไปหยิบเรื่องนี้มาทำไม พท.บอกว่าจะได้ปรองดอง แต่ผมเห็นว่ามีแต่ทะเลาะหัน ปชป.ไม่มีเรื่องนี้ งานปรองดองควรจะทำโดยให้คนเป็นกลางทำ ถ้าบอกว่าปรองดองด้วยการล้างผิดก็จะไม่มีทางปรองดอง เขาบอกว่าผู้สมัครัเป็นนายกคือยิ่งลักษณ์ เป็นคนนิ่มนวลคือยิ่งลักษณ์ แต่ตนไม่รู้จักคุณยิ่งลักษณ์ แต่ห่วงทีมของคุณยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะทีมที่ชอบพูดเรื่องที่เกี่ยวกับคุณทักษิณ ผมกลัวทีมปรองดองจริงๆ นายจตุพร นายณัฐวุฒ หมอเหวง ภรรยาคุณอริสมันต์ ที่เห็นบนเวทีทั้งชุด ไม่แน่ใจว่าทีมปรองดองนี้จะปรองดองกับใคร เรื่องอะไร ดังนั้นการตัดสินใจในวันที่ 3 ก.ค. ต้องดูว่าประเทศจะเดินไปข้างหน้า เดินวนหรือถอยหลัง สำหรับ ปชป.ขอยืนยันว่ามีแต่ความตั้งใจนำพาปท.เดินไปข้างหน้า คิดถึงนโยบายที่จะทำให้ประชาชน และทำทันทีในวันแรกที่มีโอกาส
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนหนึ่ง ว่า ทุกคนทราบดีว่า วันที่ 3 ก.ค.เป็นวันเลือกตั้งหลังมีการยุบสภา ความจริงสภาชุดนี้มีอายุไปจนถึงเดือน ธ.ค. แต่ที่ตนตัดสินใจยุบสภาก็เพื่อคืนอำนาจคืนการตัดสินใจให้ประชาชน ในการลือกผู้แทน ที่จะเข้าไปยกมือเลือกนายกฯ ตั้งรัฐบาล กำหนดทิศทางอนาคตของประเทศ ดังนั้นการคืนอำนาจผ่านการยุบสภาตนตั้งใจว่าเที่ยวนี้ทำอย่างไรให้การเลือกตั้งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน 5-6 ปีที่ผ่านมา ตนอยู่การเองประมาณ20 ปี เป็นช่วงเวลาที่การเมืองมีความวุ่นวายมากที่สุด ตนสัมผัสความอึกอัด หงุดหงิดของประชาชนมามาก แต่ตลอด 2ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำให้เห็นแล้วว่าเราพยายามเดินหน้าแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนแม้จะยังมีความขัดแย้งทางการเมืองอยู่ก็ตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการจัดเวทีพูดคุยกับชาวบ้านของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นการหาเสียงนั้นได้มีกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มคนที่ไม่ชอบนายอภิสิทธิ์ได้เข้ามานั่งรวมปะปนกับชาวบ้านอยู่ด้วย ประมาณ 10 กว่าคน โดยกระจายกันนั่งอยู่และไม่ได้สวมเสื้อหรือมีสัญลักษณ์อะไรว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เข้าประกบอย่างแน่นหนา และพยายามขอร้องว่า อย่าสร้างความวุ่นวายใดๆ ซึ่งหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ กล่าวปราศรัยเสร็จก็เปิดโอกาสให้มีการซักถาม ซึ่งปรากฎว่ากลุ่มคนไม่ชอบนายอภิสิทธิ์ ได้ลุกขึ้นและกล่าวทันทีว่าไม่เชื่อคำพูดของนายอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะเรื่องเงินค่าซื้อชุดนักเรียน 360 บาท ซื้อชุดนักเรียนไม่ครบ
จากนั้นนางมนัชยา สิริพงษ์ อายุ 44 ปี ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้ได้รับผลกะทบจากการกระชับพื้นที่ เหตุการณ์สลายการชุมนุม ที่จ้องรอเวลาตั้งแต่นายอภิสิทธิ์เดินทางมาถึงก็ได้ลุกขึ้นยืน และตะโกนเสียงดังทันที ท่ามกลางกลุ่ม รปภ. ที่พยายามเข้าไปกันและจะดึงตัวออกมา ว่า “เราตกเป็นเหยื่อของการกระชับพื้นที่ เราทุกข์ทรมานมาตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.53 แล้วคุณรู้สึกอย่างไรกับประชาชนที่ล้มตาย และคนที่ได้รับบาดเจ็บ พวกเรามีหลักฐาน ซึ่งเมื่อพูดมาถึงตรงนี้นางมนัชยาได้ชูเอกสารสำเนาใบแจ้งความของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนั้นได้ตะโกนต่อว่า นายกฯไม่เคยรับผิดชอบ หรือเยียวยาอะไร นายกฯไม่รับผิดชอบเหยื่อที่ได้รับผลกระทบทั้งจากการปะทะ การยิงด้วยกระสุนยาง หรือแก๊สน้ำตา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนั้นได้มีกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ 3-4 คน ได้เดินไปหานางมนัชยา พร้อมกับโห่ไล่ ทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องพูดผ่านไมโครโฟนว่าไม่เป็นไร อย่าไปทำอะไร และเชิญให้นางมนัชยามาพูดคุยกันที่บริเวณด้านหน้า จากนั้นนางนนัชยา กล่าวต่อหน้านายอภิสิทธิ์ว่า พวกตนไม่ต้องมาก่อกวนอะไร แต่อยากมาขอความเป็นธรรม และความจริงใจจากรัฐบาล ซึ่งนายอภิสิทธิ์ พยายามชี้แจงถึงเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. ว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์เกิดขึ้น “เราเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” และ รัฐบาลเองก็พยายามที่จะดำเนินการโดยตั้งกรรมการซึ่งเป็นคนกลางเข้ามา และเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาพบและพูดคุยกัน เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย
นางมนัชยา กล่าวว่า เราเป็นเหยื่อของการกระชับพื้นที่ ในวันที่ 10 เม.ย.เราทุกข์ทรมานใจ เรื่องการยิงแก๊สน้ำตา การยิงลูกยางลูกกระสุนเข้ามาหาประชาชน ถามว่าถ้าลูกกระสุนเหล่านี้ไปโดนครอบครัวของคุณบ้างจะเป็นอย่างไร คุณมาขอคะแนนเสียงจากประชาชน แต่พวกคุณ ยังไม่เคยขอโทษกับความรู้สึกของประชาชนที่สูญเสีย และได้รับผลกระทบจากการกระชับพื้นที่ เราพยายามไปพบหลายครั้งแต่ก็ไม่อนุญาตให้เราพบ จนถึงวันนี้เราไม่เชื่อใจ ไม่มั่นใจ
นายอภิสิทธิ์ โต้กลับว่า เหตุการณ์บานปลายเพราะมีการยิงเอ็ม-79 เข้าไป จนกระทั่งทหารเสียชีวิต นางมนัชยา กล่าวว่า ตนไม่ทราบ นายอภิสิทธิ์ จึงพยายามขอเอกสารหลักฐานต่างๆที่นางมนัชยามี แต่นางมนัชยาไม่ให้ โดยให้เหตุผลว่าไม่ให้เพราะไม่เชื่อใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้โต้เถียงกันระยะหนึ่ง โดยใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 10 นาที จากนั้นนายอภิสิทธิ์ จึงลุกขึ้นเมื่อการพูดคุยดูจะไม่ได้ข้อยุติ จากนั้นทีม รปภ.จึงล้อมและพานายอภิสิทธิ์ ขึ้นรถกลับออกมาทันที เมื่อเวลา 15.30น. จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เดินทางกลับเข้ามายังทำเนียบรัฐบาล และเดินทางกลับบ้านพักที่ซอยสุขุมวิท 31ทันที โดยในวันที่ 21 พ.ค.เวลา 08.00น. นายอภิสิทธิ์ จะเป็นประธานเปิดตัว “วันแรกทำทันที” และเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ฝั่งธน ที่วัดอรุณราชวราราม