ทำท่าว่า ยังไม่ทันลงสนามก็จะแพ้ตั้งแต่ในมุ้งเสียแล้ว สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคแกนนำรัฐบาล ที่หมายมั่นปั้นมือคัมแบ๊คกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกรอบ
พยายามเข็นนโยบายประชานิยมช่วงโค้งสุดท้ายอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่กระแสตอบรับผิดคาดดูช่างเบาบางเหลือเกิน ชาวบ้านร้านช่องกลับจดจำเอาภาพตอนแย่งซื้อน้ำมันปาล์ม ราคาข้าวของแพงมหาโหด เข็ดขยาดไปตามๆ กัน
โพลสำนักต่างๆ ที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นของสถาบันศึกษา ทั้งสวนดุสิตโพล เอแบคโพล หน่วยราชการ ทั้ง กอ.รมน. สันติบาล ล้วนฟันธงไปในทิศทางเดียวกันว่าพรรคเพื่อไทยคู่อริตัวตัวฉกาจจะชนะพรรคประชาธิปัตย์ขาดลอยแบบไม่เห็นฝุ่น
ไม่รู้ว่าโพลชี้นำคน หรือคนชี้นำโพลกันแน่
ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยเองก็ไม่ได้แสดงผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์ สภาพภายในก็ยังไร้ทิศทาง กระบวนทัพยังไม่ค่อยจะลงตัวดีนัก ที่ผ่านมาก็เพียงแค่ขายฝัน คลอดนโยบายหาเสียงออกมาเท่านั้น
จุดนี้มันสะท้อนว่า ประชาชนให้ความเชื่อถือกับสิ่งที่เคยทำไว้ในอดีต และเซ็งกับการบริหารของพรรคประชาธิปัตย์ในยามปัจจุบันนี้หรือไม่
น่าเสียดายที่พรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสแล้วกลับไม่ทำให้ดี ไม่สามารถทำให้ประชาชนพึ่งหวังได้ ในที่สุดชาวบ้านก็ต้องกลับไปให้ความเชื่อถือกับพรรคยี่ห้อ “นายห้างดูใบห่อ”
หากย้อนอดีตไป พรรคประชาธิปัตย์มักได้รับโอกาสเข้ามากอบกู้ประเทศในยามวิกฤติ หลายครั้งหลายหน แต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่ได้ดีตามที่หลายคนคาดหวัง ยังคงไว้ซึ่งการบริหารแบบเอาตัวรอดไปวันๆ บริหารแบบขอไปที เช้าชามเย็นชาม เช่นเดียวกับข้าราชการ
มิหนำซ้ำ ข่าวคราวการทุจริตก็ไม่เว้นแต่ละวันเนื่องจากเป็นรัฐบาลผสมที่ต้องมีพรรคร่วมรัฐบาลเป็นส่วนผสมสำคัญค้ำยันให้รัฐบาลอยู่รอดได้
จะทำอะไรให้ฉับไว รวดเร็วก็ไม่สะดวกนัก นานเข้าคนก็เบื่อ เอือมระอา อยากจะเปลี่ยนรัฐบาลให้มันรู้แล้วรู้รอด เพราะชีวิตความเป็นอยู่ไม่ได้ดีขึ้นเลย
ที่ปากบอกปาวๆ ว่าตัวเลขเศรษฐกิจดี แต่ทำไมชาวบ้านจึงอดอยากปากแห้งกันนัก มันเป็นเพียงการสร้างภาพ ปั่นตัวเลขกันแค่นั้นกระมัง
วันนี้สภาพความเป็นอยู่ของประชาชน ชาวบ้านชนชั้นระดับล่างนับว่าใกล้ตายเต็มทีแล้ว รัฐบาลโดยพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถช่วยเหลือได้เลย แม้จะพยายามปรับท่าที ปรับขบวนอย่างไร มันก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว ประชาชนเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ๆ ให้ตัวเองกันแล้ว
พรรคประชาธิปัตย์ยามนี้จึงเปรียบเหมือนเรือที่กำลังหลงทิศ หลงทาง โดนคลื่นซัดหลุดออกนอกทะเลไปไกล จะกลับลำมุ่งหน้าให้ถูกทิศก็ไม่ทันแล้ว
จะพยายามงัดกลยุทธ์อะไรอย่างไร ก็ทำท่าว่าจะไม่ได้กลับมาชูคอเป็นรัฐบาลอีกครั้งดั่งใจหวังเสียแล้ว สุดท้ายอาจต้องหันมาใช้เกมใต้ดิน ทำทุกวิถีทางให้กลับมาสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์ในสนามเลือกตั้ง
ทั้งการแตะมือพรรคการเมืองอื่นๆ ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ทำสัญญาใจผูกมัดกันไว้ หว่านงบให้ทั่วถึง อย่างถึงใจ เพื่อกลับมากอดคอกันอีกครั้ง ทั้งการไม่ยึดติดวัฒนธรรมการเมืองที่ให้พรรคที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลก่อน แบะท่าว่าจะตั้งรัฐบาลแข่งแม้ไม่ได้เสียงอันดับ 1 ก็ตาม
นอกจากนั้นยังพยายามตกปลาในบ่อคู่แข่ง ไม่เว้นแม้กระทั่งบ่อเพื่อน ไล่ทุบ ไล่ต้อน ทุ่มซื้อผู้สมัครเข้าสังกัดพรรคตัวเองอุตลุด หวังเพิ่มเก้าอี้ส.ส.ให้มากที่สุด
ขั้นต่อไปก็อาจจะใช้อำนาจ กลไกรัฐ กลไกทหาร ที่อยู่ในมือ ไล่สกัด ดิสเครดิตทำลายแต้มฝั่งตรงข้าม โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยให้ง่อยเปลี้ยเสียขา เหยียบหัวคู่แข่งให้ตัวเองดูดีมีราคามากขึ้น
แต่ดูเหมือนว่าความพยายามทั้งหมดทั้งมวลจะยังไม่ได้ผล กระแสที่ออกมายังไม่ทำให้รู้สึกได้เลยว่าจะเป็นผู้ชนะ คนในพรรควันนี้ต่างรู้สึกกลัดกลุ้ม ไม่รู้จะทำอย่างไรให้มันดีขึ้นอีก
ส.ส.หลายคนที่รู้ทิศทางลม พรรคจะดันตัวเองขึ้นระบบปาร์ตี้ลิสต์ ก็ส่ายหน้าคอแทบเคล็ดไม่เอาเด็ดขาด เพราะไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าจะได้กลับมาเป็นส.ส.อีก อย่างน้อยๆ ก็ต้องไปฟาดฟันแย่งชิงลำดับดีๆ กับพวกเขี้ยวลากดินกันอีกบานตะไท อยู่ในเขตสู้ด้วยตัวเองยังดีกว่าต้องไปอิงกระแสเพียวๆ ในระบบปาร์ตี้ลิสต์ โดยเฉพาะส.ส.เมืองกรุง จึงมีข่าวแย่งลงเขตหนีตายกันจนต้องทะเลาะต่อยตีกัน
ปัจจัยภายในสู้ชนะลำบาก ยังปัจจัยภายนอกก็แทบไม่เหลือตัวช่วย เพราะสถานการณ์ต่างๆ ไม่เอื้ออำนวยให้อำนาจพิเศษเข้ามาช่วยเหลือ ผู้มีบารมีหลังฉากจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอย่างไรก็ต้องดูทิศทางลมด้วย ตอนนี้ลมเปลี่ยนทิศไปแล้ว จะทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลัง สำคัญต้องไม่ให้เสียหายมาถึงตัวเอง
เมื่อลำพังตัวเองทำให้คู่แข่งเพลี่ยงพล้ำไม่ได้ ก็ต้องรอให้คู่แข่งเพลี่ยงพล้ำเอง
พรรคเพื่อไทยเกาะเกี่ยวอยู่กับคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวรุนแรง สุ่มเสี่ยงจะทำให้เสียขบวน เป็นไปได้ว่าจะใช้สถานการณ์ตรงนี้ทำให้คู่แข่งพังพาบไปเอง เร็วๆ นี้จะมีการชุมนุมเชิงสัญลักษณ์ ล้อเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้ว 19 พฤษภาคม เหตุการณ์กระชับพื้นที่ สลายชุมนุม เผาเมือง ที่ทำให้คนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยเสียแต้ม เสียรูปมวยมาแล้ว
พรรคประชาธิปัตย์คาดหวังว่าวันที่ 19 พฤษภาคม 2554 นี้ จะเป็นวันรำลึกความหลัง ที่ก่อเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่พึงประสงค์ของชาวบ้านร้านตลาด และปุถุชนทั่วไป อาจมีบางกลุ่มบางฝ่ายก่อเหตุรุนแรง อันเป็นเหตุให้พรรคเพื่อไทยต้องเสียกระบวนไป
แต่ในความคาดหวังนั้นมันอาจมีโชคร้ายที่แฝงมา แกนนำตัวเอ้ อย่างสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำ 24 มิถุนาประชาธิปไตย สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือสุรชัย แซ่ด่าน แกนนำแดงสยาม ล่าสุด จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ สายฮาร์ดคอร์ ที่จะเป็นตัวป่วนทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิง เข้าล็อกเข้าทางฝ่ายมีอำนาจ ฝ่ายรัฐบาล กลับโดนคดี ถูกจับเข้าห้องขังไปแล้ว
ท่ามกลางความดีใจ สะใจของใครหลายคน มันอาจเป็นความเสียใจ ความกังวลใจของใครบางคน ที่เฝ้าคอยโอกาส เฝ้ารอความหวัง โดยที่ตัวเองไม่อาจทำอะไรได้เลย!