ASTVผู้จัดการรายวัน- ก.ล.ต. ชี้ไม่จำเป็นต้องลิสต์ชื่อนักการเมืองซื้อขายหุ้น ยันหากพบความผิดปกติ จะดำเนินการตรวจสอบลงโทษทันที ด้านนายกสมาคมโบรกเกอร์ ระบุช่วงนี้ไม่ได้มีการเข้มงวดการติดตามการซื้อขายนักการเมืองเป็นพิเศษ จากมีกระบวนการดำเนินการปกติอยู่แล้ว ส่วนการเพิ่มเวลาเทรดหุ้น เรื่องยังไม่สรุป แม้บอร์ดตลท. อนุมัติ เหตุ มีบล.ที่ไม่เห็นด้วยหวั่นวอลุ่มไม่คุ้มทำงานเพิ่ม ชี้ต้องรอ ผลสรุปการประชุมระหว่างตลท.กับโบรกเกอร์อีกครั้ง
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. ) เปิดผยว่า ก.ล.ต.จะไม่มีการนำรายชื่อนักการเมืองขึ้นมาเพื่อใช้ในการตรวจสอบว่าจะมีนักการเมืองมาใช้ประโยชน์ในตลาดทุนเพื่อนำเงินไปหาเสียงเลือกตั้ง เพราะ ไม่ใช่วิธีการที่ก.ล.ต.ดำเนินการ ซึ่งก.ล.ต.จะมีการดำเเนินการตรวจสอบตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหากพบว่า มีความเคลื่อนไหวของราคา คำสั่งซื้อขาย และปริมาณการซื้อขายเข้าข่ายผิดปกติจึงจะเข้าไปตรวจสอบ
ทั้งนี้อยากนักลงทุนให้มั่นใจถึงกระบวนการตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์และก.ล.ต. มีระบบคอยติดตามการซื้อขายที่ได้มาตรฐานสากล และก.ล.ต.มีกรอบเวลาในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเพื่อให้คดีมีการสิ้นสุด ในเบื้องต้นหากมีธุรกรรมการซื้อขายผิดปกติทางตลาดหลักทรัพย์จะมีการรายงานมายังก.ล.ต.ทุก 1-2 สัปดาห์อยู่แล้ว ดังนั้น ในช่วงระหว่างการเลือกตั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบแต่อย่างใด โดยตั้งแต่ประกาศยุบสภาทางตลาดหลักทรัพย์ฯก็มีการส่งเรื่องให้ก.ล.ต.มีการดำเนินการตรวจจากพบว่าผิด แต่ถือว่าจำนวนความผิดที่ส่งมากไม่มาก ถือว่าเป็นในระบดับปกติ
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์และในฐานะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า แม้ทางบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการอนุมัติหลักการให้มีการเพิ่มขยายเวลาการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่ม 1 ชั่วโมง แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะมีการขยายเวลาซื้อขาย หรือจะไม่ขยายเวลาซื้อขาย ซึ่งต้องรอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีการเรียกประชุมกับบริษัทหลักทรัพย์สมาชิกเพื่อลงมติในเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง โดยขณะนี้มีโบรกเกอร์ทุกแห่งยังไม่เห็นด้วยกับการขยายเวลาซื้อขาย ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาว่าการเพิ่มเวลาการซื้อขายนั้นจะมีมูลค่าการซื้อขาย และรายได้คุ้มกับที่มีการทำงานเพิ่มหรือไม่
ทั้งนี้ในด้านระบบนั้นโบรกเกอร์ไม่ต้องมีการลงทุนเพิ่มแต่ส่วนที่เพิ่มคือเรื่องพนักงานที่จะต้องทำงาน เพราะปัจจุบันก่อนที่จะมีการเปิดซื้อขายนั้น ทางนักวิเคราะห์ เจ้าหน้าที่การตลาดก็จะมีเวลาในการที่จะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการแนะนำการลงทุนแก่ลูกค้า และช่วงเวลาพักเที่ยงนั้น ทางเจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เกตติ้ง)ก็จะใช้เวลานี้ในการพบกับลูกค้า หรือใช้ในการฝึกอบรมให้กับมาร์เกตติ้ง โดยส่วนตัวมองงว่าหากการเพิ่มเวลาการซื้อขายอีก 1 ชั่วโมง โดยการเปิดซื้อขาย 9.30 น. จากเดิม 10 .00 น. แล้วเปิดการซื้อขายช่วงบ่าย 14.00 จากเดิม 14.30 น.นั้นหากทำให้วอลุ่มเพิ่ม 4-5 หมื่นล้านบาทก็คุ้มค่า แต่หากไม่ถึง อาจจะมีการพิจารณาเลื่อนการดำเนินการดังกล่าวออกไปก่อนหรือไม่ เพราะ เวลาในการทำเรื่องดังกล่าวอาจจะยังไม่เหมาะสม
สำหรับขณะนี้ในอยู่ในช่วงของการเลือกตั้ง ในส่วนของโบรกเกอร์ไม่ได้เพิ่มการตรวจสอบเข้มงวดแต่อย่างใด และทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ไม่ได้สั่งกำชับให้ดูแลการซื้อขายของนักการเมืองเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องจะให้ตรวจสอบการซื้อขายจากรายชื่อนักการเมืองนั้น เห็นว่าไม่ใช่วิธีการถูกต้อง
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. ) เปิดผยว่า ก.ล.ต.จะไม่มีการนำรายชื่อนักการเมืองขึ้นมาเพื่อใช้ในการตรวจสอบว่าจะมีนักการเมืองมาใช้ประโยชน์ในตลาดทุนเพื่อนำเงินไปหาเสียงเลือกตั้ง เพราะ ไม่ใช่วิธีการที่ก.ล.ต.ดำเนินการ ซึ่งก.ล.ต.จะมีการดำเเนินการตรวจสอบตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหากพบว่า มีความเคลื่อนไหวของราคา คำสั่งซื้อขาย และปริมาณการซื้อขายเข้าข่ายผิดปกติจึงจะเข้าไปตรวจสอบ
ทั้งนี้อยากนักลงทุนให้มั่นใจถึงกระบวนการตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์และก.ล.ต. มีระบบคอยติดตามการซื้อขายที่ได้มาตรฐานสากล และก.ล.ต.มีกรอบเวลาในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเพื่อให้คดีมีการสิ้นสุด ในเบื้องต้นหากมีธุรกรรมการซื้อขายผิดปกติทางตลาดหลักทรัพย์จะมีการรายงานมายังก.ล.ต.ทุก 1-2 สัปดาห์อยู่แล้ว ดังนั้น ในช่วงระหว่างการเลือกตั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบแต่อย่างใด โดยตั้งแต่ประกาศยุบสภาทางตลาดหลักทรัพย์ฯก็มีการส่งเรื่องให้ก.ล.ต.มีการดำเนินการตรวจจากพบว่าผิด แต่ถือว่าจำนวนความผิดที่ส่งมากไม่มาก ถือว่าเป็นในระบดับปกติ
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์และในฐานะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า แม้ทางบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการอนุมัติหลักการให้มีการเพิ่มขยายเวลาการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่ม 1 ชั่วโมง แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะมีการขยายเวลาซื้อขาย หรือจะไม่ขยายเวลาซื้อขาย ซึ่งต้องรอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีการเรียกประชุมกับบริษัทหลักทรัพย์สมาชิกเพื่อลงมติในเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง โดยขณะนี้มีโบรกเกอร์ทุกแห่งยังไม่เห็นด้วยกับการขยายเวลาซื้อขาย ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาว่าการเพิ่มเวลาการซื้อขายนั้นจะมีมูลค่าการซื้อขาย และรายได้คุ้มกับที่มีการทำงานเพิ่มหรือไม่
ทั้งนี้ในด้านระบบนั้นโบรกเกอร์ไม่ต้องมีการลงทุนเพิ่มแต่ส่วนที่เพิ่มคือเรื่องพนักงานที่จะต้องทำงาน เพราะปัจจุบันก่อนที่จะมีการเปิดซื้อขายนั้น ทางนักวิเคราะห์ เจ้าหน้าที่การตลาดก็จะมีเวลาในการที่จะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการแนะนำการลงทุนแก่ลูกค้า และช่วงเวลาพักเที่ยงนั้น ทางเจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เกตติ้ง)ก็จะใช้เวลานี้ในการพบกับลูกค้า หรือใช้ในการฝึกอบรมให้กับมาร์เกตติ้ง โดยส่วนตัวมองงว่าหากการเพิ่มเวลาการซื้อขายอีก 1 ชั่วโมง โดยการเปิดซื้อขาย 9.30 น. จากเดิม 10 .00 น. แล้วเปิดการซื้อขายช่วงบ่าย 14.00 จากเดิม 14.30 น.นั้นหากทำให้วอลุ่มเพิ่ม 4-5 หมื่นล้านบาทก็คุ้มค่า แต่หากไม่ถึง อาจจะมีการพิจารณาเลื่อนการดำเนินการดังกล่าวออกไปก่อนหรือไม่ เพราะ เวลาในการทำเรื่องดังกล่าวอาจจะยังไม่เหมาะสม
สำหรับขณะนี้ในอยู่ในช่วงของการเลือกตั้ง ในส่วนของโบรกเกอร์ไม่ได้เพิ่มการตรวจสอบเข้มงวดแต่อย่างใด และทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ไม่ได้สั่งกำชับให้ดูแลการซื้อขายของนักการเมืองเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องจะให้ตรวจสอบการซื้อขายจากรายชื่อนักการเมืองนั้น เห็นว่าไม่ใช่วิธีการถูกต้อง