ASTVผู้จัดการรายวัน - ททท. จัดทัพ นำเอกชน บุกโรดโชว์ 3 เมืองเศรษฐกิจในประเทศจีน ระบุตลาดดังกล่าวปีนี้อนาคตสดใส คาดถึงสิ้นปีมีชาวจีนเดินทางเที่ยวประเทศไทยแตะ 1.2 ล้านคน เน้นทัวร์คุณภาพ ล่าสุดนำเสนอเดสติเนชั่นเชียงใหม่ จับตลาดครอบครัว และ FIT ชูแหล่งท่องเที่ยวผจญภัย ธีมปาร์ค และ ศิลปวัฒนธรรม
นายสรรเสริญ เงารังษี รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.วางแผนงานเดือน มิ.ย.ศกนี้ จะนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวเดินทางเพื่อไปทำโรดโชว์ที่ประเทศจีน ใน 3 เมืองเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ เจิ้นโจว ปักกิ่ง และจี้หนาน ทั้งนี้เพราะเห็นศักยภาพการเติบโตของตลาด โดยสถิติการเดินทางของชาวจีนที่มาประเทศไทย กว่า 35% มาจาก 3 เมืองดังกล่าว และอีก 40-45% มาจากเมืองกวางโจว
ทั้งนี้จากการจัดเก็บสถิติตัวเลขนักท่องเที่ยวพบว่า ปีนี้ตลาดจีนมีแนวโน้มสดใส เติบโตได้ดี ซึ่งเป็นเพราะชาวจีนให้ความเชื่อมั่นในการเดินทางมาประเทศไทย มากขึ้น คลายความกังวลจากสถานการณ์ทางการเมือง โดยคาดว่าภาพรวมตลอดปีจะมีชาวจีนเดินทางมาไทยราว 1.2 ล้านคน ตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ททท. และภาคเอกชนในบริษัทนำเที่ยว สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน ต่างพยายามจัดโปรแกรมทัวร์คุณภาพ เพื่อไปนำเสนอในการโรดโชว์ครั้งนี้ เพราะปัจจุบัน ชาวจีนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ก็เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ ที่มีการจับจ่ายสูง มองหาที่พักระดับดีราคาแพงขึ้น สะท้อนถึงกำลังซื้อของตลาดจีนที่ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนั้น การเตรียมความพร้อมของไทย คือการปรับปรุงคุณภาพทัวร์ จัดหาโปรแกรม หรือเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ นำเสนอให้แก่ตลาดจีน เช่น เส้นทางเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเหมาะกับกลุ่มครอบครัว เพราะมีเรื่องของศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตชุมชน แบบล้านนา ส่วนกิจกรรมท่องเที่ยวก็มีให้เลือกหลากหลาย เช่น ท่องเที่ยวผจญภัย เช่น ไฟล์ท ออฟ เดอะ กิ๊บบอน ที่หมู่บ้านแม่กำปอง และการนั่งช้าง เป็นต้น
ที่ผ่านมา ททท.นำเดสติเนชั่นเชียงใหม่ไปเสนอขายที่ประเทศอินเดีย ก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี มีการสนับสนุนให้คณะถ่ายทำภาพยนตร์จากอินเดียมาจัดประชุมที่เชียงใหม่, ให้ผู้ประกวดนางงามจากอินเดียมาเก็บตัวที่เชียงใหม่ และโปรโมตให้คนอินเดียมาจัดงานแต่งงานที่เชียงใหม่ 3-4 คณะ ส่งผลให้ปัจจุบัน มีชาวอินเดียไปเที่ยวเชียงใหม่กันมากขึ้น
“เมื่อวันที่ 24 เม.ย.-1 พ.ค.ที่ผ่านมา ททท.ได้นำตัวแทนบริษัทนำเที่ยว 24 ราย พร้อมผู้สื่อข่าวจากจีนอีก 6 ราย เดินทางมาจากกรุงปักกิ่ง เพื่อมาจัดสัมมนานำเสนอเดสติเนชั่นเชียงใหม่ ให้เกิดการรับรู้ถึงเมืองและกิจกรรมการท่องเที่ยว”
นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดจีน ททท.ยังมีแผนส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์ สอดคล้องกับนโยบายของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับการทำตลาดออนไลน์ โดยจับมือกับบริษัท ซีทริป ซึ่งเป็นบริษัทขายทัวร์ผ่านออนไลน์รายใหญ่ของจีน จัดทำแพกเกจท่องเที่ยวไทย โดยททท.สนับสนุนด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยมีเป้าหมายหลัก คือ จับตลาดชาวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวเอง(เอฟไอที) ตั้งเป้ายอดขายโครงการนี้ไว้ที่ 80,000 คนในปีนี้ เพิ่มจากปีก่อนที่ขายได้ราง 30,000 คน โดยมีนโยบายใน 5 ปีนับจากนี้ จะผลักดันไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ขายดีสุดในเอเชีย
ทางด้านความคืบหน้า การจัดทำ”ตราคุณภาพทัวร์จีน” ซึ่ง ททท. จับมือกับ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน และกรมการท่องเที่ยว ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาให้ตราคุณภาพกับโปรแกรมทัวร์ของบริษัทนำเที่ยวที่ทำตลาดจีน โดยแบ่งเป็น 3 ระดับคุณภาพ คือ ตราคุณภาพประเภทแพลทตินัม ลูกค้าจะได้นอนโรงแรม 5 ดาว ไม่บังคับนำนักท่องเที่ยวไปรายการช้อปปิ้ง, ตราคุณภาพประเภทโกลด์ ให้ลูกค้านอนโรงแรมระดับ 4 ดาว จะพานักท่องเที่ยวไปรายการช้อปปิ้ง หรือไม่พาไปก็ได้ และตราคุณภาพประเภทซิลเวอร์ ให้ลูกค้านอนโรงแรมระดับ 3 ดาว พานักท่องเที่ยวไปรายการช้อปปิ้งหรือไม่พาไปก็ได้ ปัจจุบันมีบริษัทนำเที่ยวเข้าร่วมโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 38 บริษัท
นายสรรเสริญ เงารังษี รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.วางแผนงานเดือน มิ.ย.ศกนี้ จะนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวเดินทางเพื่อไปทำโรดโชว์ที่ประเทศจีน ใน 3 เมืองเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ เจิ้นโจว ปักกิ่ง และจี้หนาน ทั้งนี้เพราะเห็นศักยภาพการเติบโตของตลาด โดยสถิติการเดินทางของชาวจีนที่มาประเทศไทย กว่า 35% มาจาก 3 เมืองดังกล่าว และอีก 40-45% มาจากเมืองกวางโจว
ทั้งนี้จากการจัดเก็บสถิติตัวเลขนักท่องเที่ยวพบว่า ปีนี้ตลาดจีนมีแนวโน้มสดใส เติบโตได้ดี ซึ่งเป็นเพราะชาวจีนให้ความเชื่อมั่นในการเดินทางมาประเทศไทย มากขึ้น คลายความกังวลจากสถานการณ์ทางการเมือง โดยคาดว่าภาพรวมตลอดปีจะมีชาวจีนเดินทางมาไทยราว 1.2 ล้านคน ตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ททท. และภาคเอกชนในบริษัทนำเที่ยว สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน ต่างพยายามจัดโปรแกรมทัวร์คุณภาพ เพื่อไปนำเสนอในการโรดโชว์ครั้งนี้ เพราะปัจจุบัน ชาวจีนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ก็เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ ที่มีการจับจ่ายสูง มองหาที่พักระดับดีราคาแพงขึ้น สะท้อนถึงกำลังซื้อของตลาดจีนที่ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนั้น การเตรียมความพร้อมของไทย คือการปรับปรุงคุณภาพทัวร์ จัดหาโปรแกรม หรือเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ นำเสนอให้แก่ตลาดจีน เช่น เส้นทางเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเหมาะกับกลุ่มครอบครัว เพราะมีเรื่องของศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตชุมชน แบบล้านนา ส่วนกิจกรรมท่องเที่ยวก็มีให้เลือกหลากหลาย เช่น ท่องเที่ยวผจญภัย เช่น ไฟล์ท ออฟ เดอะ กิ๊บบอน ที่หมู่บ้านแม่กำปอง และการนั่งช้าง เป็นต้น
ที่ผ่านมา ททท.นำเดสติเนชั่นเชียงใหม่ไปเสนอขายที่ประเทศอินเดีย ก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี มีการสนับสนุนให้คณะถ่ายทำภาพยนตร์จากอินเดียมาจัดประชุมที่เชียงใหม่, ให้ผู้ประกวดนางงามจากอินเดียมาเก็บตัวที่เชียงใหม่ และโปรโมตให้คนอินเดียมาจัดงานแต่งงานที่เชียงใหม่ 3-4 คณะ ส่งผลให้ปัจจุบัน มีชาวอินเดียไปเที่ยวเชียงใหม่กันมากขึ้น
“เมื่อวันที่ 24 เม.ย.-1 พ.ค.ที่ผ่านมา ททท.ได้นำตัวแทนบริษัทนำเที่ยว 24 ราย พร้อมผู้สื่อข่าวจากจีนอีก 6 ราย เดินทางมาจากกรุงปักกิ่ง เพื่อมาจัดสัมมนานำเสนอเดสติเนชั่นเชียงใหม่ ให้เกิดการรับรู้ถึงเมืองและกิจกรรมการท่องเที่ยว”
นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดจีน ททท.ยังมีแผนส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์ สอดคล้องกับนโยบายของ ททท. ที่ให้ความสำคัญกับการทำตลาดออนไลน์ โดยจับมือกับบริษัท ซีทริป ซึ่งเป็นบริษัทขายทัวร์ผ่านออนไลน์รายใหญ่ของจีน จัดทำแพกเกจท่องเที่ยวไทย โดยททท.สนับสนุนด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยมีเป้าหมายหลัก คือ จับตลาดชาวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวเอง(เอฟไอที) ตั้งเป้ายอดขายโครงการนี้ไว้ที่ 80,000 คนในปีนี้ เพิ่มจากปีก่อนที่ขายได้ราง 30,000 คน โดยมีนโยบายใน 5 ปีนับจากนี้ จะผลักดันไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ขายดีสุดในเอเชีย
ทางด้านความคืบหน้า การจัดทำ”ตราคุณภาพทัวร์จีน” ซึ่ง ททท. จับมือกับ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน และกรมการท่องเที่ยว ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาให้ตราคุณภาพกับโปรแกรมทัวร์ของบริษัทนำเที่ยวที่ทำตลาดจีน โดยแบ่งเป็น 3 ระดับคุณภาพ คือ ตราคุณภาพประเภทแพลทตินัม ลูกค้าจะได้นอนโรงแรม 5 ดาว ไม่บังคับนำนักท่องเที่ยวไปรายการช้อปปิ้ง, ตราคุณภาพประเภทโกลด์ ให้ลูกค้านอนโรงแรมระดับ 4 ดาว จะพานักท่องเที่ยวไปรายการช้อปปิ้ง หรือไม่พาไปก็ได้ และตราคุณภาพประเภทซิลเวอร์ ให้ลูกค้านอนโรงแรมระดับ 3 ดาว พานักท่องเที่ยวไปรายการช้อปปิ้งหรือไม่พาไปก็ได้ ปัจจุบันมีบริษัทนำเที่ยวเข้าร่วมโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 38 บริษัท