เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (12 พ.ค.) ที่สถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีปิดการฝึกกองทัพเรือประจำปี ถึงโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำเยอรมันมือ 2 จำนวน 6 ลำ ที่ยังไม่ได้นำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของครม.ว่า ก็ผิดหวัง แต่ไม่น้อยใจ เพราะคงต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่าง ที่ทำไมถึงไม่ให้ ที่ผ่านมากองทัพเรือได้แจ้งความจริงทุกอย่างให้ผู้บังคับบัญชา ประชาชนได้ทราบ ขอให้เข้าใจกองทัพเรือว่า กองทัพเรือรู้เรื่องนี้ดีที่สุด ถ้าหากท่านไม่เชื่อก็ไม่รู้ว่าจะให้ใครมาบอก แต่เราก็จะพยายามต่อไป
ทั้งนี้ โครงการจัดหาเรือดำน้ำวงเงินประมาณ 7.5 พันล้านบาท ที่ทางประเทศเยอรมันเสนอมา จะสายไปหรือเปล่า ตนก็ไม่ทราบ แต่จะพยายามขอร้องกับทางประเทศเยอรมันว่า ขอต่อเวลาได้หรือไม่ ถ้าต่อเวลาได้ ตนก็จะรอการอนุมัติ และขอความกรุณาจากครม.ใหม่อีกครั้ง
"ขอให้เห็นใจกองทัพเรือ และลูกหลานของท่านที่ส่งไปรบเพื่อประเทศชาติ เพราะนั่นหมายถึงชีวิตของเขาซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผม แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องรอรัฐบาลหน้า ทั้งนี้ ขอบอกประชาชนว่า ไม่ใช่ของแปลกใหม่ กองทัพเรือของเรามีอัตราเรือดำน้ำมานานแล้ว อยู่ในโครงสร้าง เพียงแต่เราไม่มีเงินไปซื้อ 60 ปีทำมาสองครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3" ผบ.ทร. กล่าว
พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า การที่จะติดอาวุธให้กองทัพเรือให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีขีดความสามารถที่จะรบชนะ หรือป้องกันตัวเองได้ คิดว่าไม่ได้ทำผิดอะไรกับประเทศชาติ มีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติที่ต้องการให้มีความเข้มแข็ง
ทั้งนี้ มีหลายประเด็นที่โจมตีกองทัพเรือโดยไม่เข้าใจ อย่างที่บอกว่าอ่าวไทยตื้น ขอให้เลิกคิดได้แล้ว ที่ผ่านมาเคยเสนอซื้อเรือดำน้ำ 4.8 หมื่นล้านบาท แต่ให้เรากลับไปปรับมาใหม่ เพราะมากเกินไป กองทัพเรือจึงได้ปรับโครงการลงมาเหลือ 7.5 พันล้านบาท ทั้งกองเรือได้ครบทุกอย่าง ทำเพื่อส่วนร่วมจริงๆ สตางค์แดงเดียวก็ไม่เคยได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาพูดเรื่องผลประโยชน์
" เมื่อเราเสนองบประมาณไปสูง และให้เราตัดแล้ว เราก็ปรับลดลงมา มันก็เหมือนกับกองทัพบก หากเปรียบเทียบ ถ้าไม่มีรถถัง แล้วเราจะไปรบชนะกับคนที่มีรถถังได้อย่างไร อันนี้ก็เหมือนกัน กองทัพเรือไม่มีเรือดำน้ำ ซึ่งเป็นเครื่องมืออันหนึ่งที่จะมี ไม่ต้องถามว่าจำเป็นจะต้องมีหรือไม่ มันต้องมี แต่จะมีเมื่อไร มีงบประมาณให้เราหรือเปล่าเท่านั้น ขอให้เข้าใจตามนี้ เราพูดด้วยใจ ขอให้เชื่อใจกองทัพเรือ เพราะเราตรงไปตรงมา และทำเพื่อประเทศชาติ รักษาชีวิตของท่านที่เป็นทหารเรือ ที่จะออกไปรบ ให้เขาได้มีโอกาสต่อกรบ้าง ให้มีโอกาสชนะบ้าง หรือ อย่างน้อยก็ให้เอาตลอด ไม่ใช่ออกไปแล้วถูกสอยทีละลำจากเรือที่เรามองไม่เห็น แต่อย่างน้อยผมก็ดีใจที่เราพูดไปเด็กๆ สมัยนี้ไปศึกษาจน เข้าใจ ให้รู้ถึงความจำเป็น บางคนก็แสดงความเสียใจต่อกองทัพเรือ บางคนก็อยากจะสละเงินให้ ก็รู้สึกอุ่นใจที่มีคนเข้าใจ แต่ผมก็อยากให้มีคนเข้าใจมากกว่านี้" ผบ.ทร. กล่าว
ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวต่อไปว่า ไม่ได้สอบถามเหตุผลที่กระทรวงกลาโหม ไม่ได้เสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุม ครม. เพราะว่าในการบรรยายในที่ประชุมสภากลาโหม ตนก็พูดทุกอย่างชัดเจน เปิดโอกาสให้ทุกคนสอบถาม ตนยังรู้สึกขอบคุณพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด วันนั้นท่านไม่อยู่ แต่ท่านบอกว่า ท่านผ่านเรื่องให้เพราะเห็นใจกองทัพไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. บอกว่าจะเอาใจช่วย กองทัพก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้การรบชนะ ตนก็ขอบคุณทุกเหล่าทัพ ทั้งนี้ตนเคยนำเรียนนายกรัฐมนตรีว่า ถ้าไม่เชื่อทหารเรือ และผู้บัญชาการทั้ง 2 เหล่าทัพรวมทั้ง ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้ว เรื่องเรือดำน้ำท่านนายกฯ จะต้องถามใครอีก
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่ากระทรวงกลาโหม ต้องการจัดหาเรือดำน้ำจากประเทศเกาหลี พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และ รมว.กลาโหม ก็ไม่เคยพูดว่าจะเอาของเกาหลี เพียงแต่ไปดูงานเท่านั้น ไม่ทราบว่าใครเป็นคนเขียน ท่านไม่เคยพูด แม้กระทั่งประเทศจีน ท่านก็ไปดูงานเฉยๆ ท่านไม่เคยพูดว่าอยากได้ของเกาหลี หรือของจีน
ทั้งนี้ โครงการจัดหาเรือดำน้ำวงเงินประมาณ 7.5 พันล้านบาท ที่ทางประเทศเยอรมันเสนอมา จะสายไปหรือเปล่า ตนก็ไม่ทราบ แต่จะพยายามขอร้องกับทางประเทศเยอรมันว่า ขอต่อเวลาได้หรือไม่ ถ้าต่อเวลาได้ ตนก็จะรอการอนุมัติ และขอความกรุณาจากครม.ใหม่อีกครั้ง
"ขอให้เห็นใจกองทัพเรือ และลูกหลานของท่านที่ส่งไปรบเพื่อประเทศชาติ เพราะนั่นหมายถึงชีวิตของเขาซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผม แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องรอรัฐบาลหน้า ทั้งนี้ ขอบอกประชาชนว่า ไม่ใช่ของแปลกใหม่ กองทัพเรือของเรามีอัตราเรือดำน้ำมานานแล้ว อยู่ในโครงสร้าง เพียงแต่เราไม่มีเงินไปซื้อ 60 ปีทำมาสองครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3" ผบ.ทร. กล่าว
พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า การที่จะติดอาวุธให้กองทัพเรือให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีขีดความสามารถที่จะรบชนะ หรือป้องกันตัวเองได้ คิดว่าไม่ได้ทำผิดอะไรกับประเทศชาติ มีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติที่ต้องการให้มีความเข้มแข็ง
ทั้งนี้ มีหลายประเด็นที่โจมตีกองทัพเรือโดยไม่เข้าใจ อย่างที่บอกว่าอ่าวไทยตื้น ขอให้เลิกคิดได้แล้ว ที่ผ่านมาเคยเสนอซื้อเรือดำน้ำ 4.8 หมื่นล้านบาท แต่ให้เรากลับไปปรับมาใหม่ เพราะมากเกินไป กองทัพเรือจึงได้ปรับโครงการลงมาเหลือ 7.5 พันล้านบาท ทั้งกองเรือได้ครบทุกอย่าง ทำเพื่อส่วนร่วมจริงๆ สตางค์แดงเดียวก็ไม่เคยได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาพูดเรื่องผลประโยชน์
" เมื่อเราเสนองบประมาณไปสูง และให้เราตัดแล้ว เราก็ปรับลดลงมา มันก็เหมือนกับกองทัพบก หากเปรียบเทียบ ถ้าไม่มีรถถัง แล้วเราจะไปรบชนะกับคนที่มีรถถังได้อย่างไร อันนี้ก็เหมือนกัน กองทัพเรือไม่มีเรือดำน้ำ ซึ่งเป็นเครื่องมืออันหนึ่งที่จะมี ไม่ต้องถามว่าจำเป็นจะต้องมีหรือไม่ มันต้องมี แต่จะมีเมื่อไร มีงบประมาณให้เราหรือเปล่าเท่านั้น ขอให้เข้าใจตามนี้ เราพูดด้วยใจ ขอให้เชื่อใจกองทัพเรือ เพราะเราตรงไปตรงมา และทำเพื่อประเทศชาติ รักษาชีวิตของท่านที่เป็นทหารเรือ ที่จะออกไปรบ ให้เขาได้มีโอกาสต่อกรบ้าง ให้มีโอกาสชนะบ้าง หรือ อย่างน้อยก็ให้เอาตลอด ไม่ใช่ออกไปแล้วถูกสอยทีละลำจากเรือที่เรามองไม่เห็น แต่อย่างน้อยผมก็ดีใจที่เราพูดไปเด็กๆ สมัยนี้ไปศึกษาจน เข้าใจ ให้รู้ถึงความจำเป็น บางคนก็แสดงความเสียใจต่อกองทัพเรือ บางคนก็อยากจะสละเงินให้ ก็รู้สึกอุ่นใจที่มีคนเข้าใจ แต่ผมก็อยากให้มีคนเข้าใจมากกว่านี้" ผบ.ทร. กล่าว
ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวต่อไปว่า ไม่ได้สอบถามเหตุผลที่กระทรวงกลาโหม ไม่ได้เสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุม ครม. เพราะว่าในการบรรยายในที่ประชุมสภากลาโหม ตนก็พูดทุกอย่างชัดเจน เปิดโอกาสให้ทุกคนสอบถาม ตนยังรู้สึกขอบคุณพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด วันนั้นท่านไม่อยู่ แต่ท่านบอกว่า ท่านผ่านเรื่องให้เพราะเห็นใจกองทัพไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. บอกว่าจะเอาใจช่วย กองทัพก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้การรบชนะ ตนก็ขอบคุณทุกเหล่าทัพ ทั้งนี้ตนเคยนำเรียนนายกรัฐมนตรีว่า ถ้าไม่เชื่อทหารเรือ และผู้บัญชาการทั้ง 2 เหล่าทัพรวมทั้ง ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้ว เรื่องเรือดำน้ำท่านนายกฯ จะต้องถามใครอีก
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่ากระทรวงกลาโหม ต้องการจัดหาเรือดำน้ำจากประเทศเกาหลี พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และ รมว.กลาโหม ก็ไม่เคยพูดว่าจะเอาของเกาหลี เพียงแต่ไปดูงานเท่านั้น ไม่ทราบว่าใครเป็นคนเขียน ท่านไม่เคยพูด แม้กระทั่งประเทศจีน ท่านก็ไปดูงานเฉยๆ ท่านไม่เคยพูดว่าอยากได้ของเกาหลี หรือของจีน