xs
xsm
sm
md
lg

22ประเทศ ขอสังเกตเลือกตั้งไทย ยื่นอีกฟ้องนายกฯ เพิกถอน พ.ร.ฎ.ยุบสภา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (11 พ.ค.) ที่สำนักงานศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ พร้อมพวก 3 คน ได้ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-2 ต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งระงับ หรือยกเลิกเพิกถอนพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 หรือระงับการเลือกตั้งทั่วไป ตามพ.ร.ฎ.ยุบสภา รวมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉิน และกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยระงับการรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ระหว่างวันที่ 19-23 พ.ค. 54 เนื่องจากพ.ร.ฎ.ยุบสภาดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งเห็นว่าการเลือกตั้งทั่วไปในปี 54 นี้ไม่ได้แก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคมได้
นายสมคิด กล่าวว่า ตนขอทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนไทย คัดค้านพ.ร.ฎ.ยุบสภา พ.ศ. 2554 ซึ่งมีผลบังคับเป็นการทั่วไป โดยเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายที่เป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อน หรืออาจเดือดร้อนหรืออาจจะเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 62 วรรคหนึ่งได้ระบุว่า บุคคลย่อมมีสิทธิติดตามและร้องขอให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ของรัฐและมาตรา 62 วรรคสองระบุว่า บุคคลซึ่งให้ข้อมูลโดยสุจริตแก่งองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หรือหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐย่อมได้รับการคุ้มครอง หรือตามมาตรา 59,60,61 จึงเป็นผู้มีสิทธิฟ้องตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้การเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ตนมองว่าไม่ได้ช่วยให้ความขัดแย้งในสังคมลดลงไปได้เหมือนกับการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีพ.ศ.44, 48 และปี 50 ที่ยังไม่ได้ตอบโจทย์ความขัดแย้งทางสังคมที่มีอยู่ในปัจจุบัน

**เผาไทยยื่นกกต.ทบทวนพิมพ์บัตรเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรเพื่อไทย เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ทบทวนการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง เนื่องจากนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพิ่มเป็น 48 ล้านคน ตามกฎหมายระบุให้พิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 7 เปอร์เซ็นต์ จึงได้ขออนุมัติ กกต. จัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งจำนวน 53.5 ล้านฉบับ
นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า จากการประมาณการณ์ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 48 ล้านคน หากจะพิมพ์บัตรตามที่กฎหมายกำหนดจะต้องพิมพ์ทั้งหมด 51.36 ล้านฉบับเท่านั้น แต่ กกต.จัดพิมพ์เกินกว่า 7 เปอร์เซ็น ถึง 2.14 ล้านฉบับ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นครั้งสำคัญ และมีการแข่งขันกันสูง ส่วนตัวเป็นห่วงว่าจะส่งผลให้เกิดการทุจริตเลือกตั้งจากการเปลี่ยนหีบบัตร สับเปลี่ยนบัตรลงคะแนน และจะมีปัญหาเหมือนการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 ที่มีการจัดพิมพ์บัตรเกินกว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ รวมแล้ว 17.8 ล้านฉบับ ดังนั้น จึงเรียกร้องให้ กกต.ทบทวนการจัดพิมพ์บัตร พร้อมทั้งแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร ลงแข่งขัน และองค์กรภาคประชาชน รวมถึงสื่อมวลชน เข้ามามีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบ ติดตามการจัดพิมพ์บัตร เก็บรักษาบัตรเลือกตั้ง เพื่อให้กการเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใส

**22ประเทศส่งตัวแทนสังเกตการณ์
นางสมศรี หาญอนันทสุข ผู้อำนวยการเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้ง กล่าวว่า ช่วงการเลือกตั้งจะมีตัวแทนจาก 22 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชีย เข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง เพื่อศึกษา และเรียนรู้พฤติกรรมการเลือกตั้งของไทย ซึ่งมีความแตกต่างจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย เช่น ประเทศไทยให้อำนาจ กกต. มากที่สุด คือ ให้อำนาจในการออกใบเหลือง-ใบแดง , การซื้อสิทธิ์ขายเสียงที่มีมากที่สุด เบื้องต้นเชื่อว่าการส่งคนลงสังเกตการณ์เลือกตั้งครั้งนี้ จะช่วยให้เกิดการตื่นตัวในการป้องปรามการทุจริตเลือกตั้งในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้หลังจากการเลือกตั้งแล้วเสร็จ คณะผู้สังเกตการณ์จะทำรายงานเพื่อนำเสนอให้กับกกต. เพื่อนำไปปรับปรุงการทำงานด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น