ASTVผู้จัดการรายวัน- “กฟผ.”เผยพ.ค.อากาศเริ่มร้อนส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟสูงสุดหรือพีคเพิ่งเกิดเมื่อวันที่ 4 พ.ค. ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 23,567 เมกวัตต์ ยังลุ้นทำสถิติต่อ เหตุอากาศยังร้อน แต่ยอมรับว่ามีฝนมาช่วย ด้านพลังงานสั่งกฟผ.เดินหน้ารณรงค์ทุกภาคส่วนใช้หลอดผอมเบอร์ 5 หวังลดพีคปี 2556 ได้ 174.8เมกะวัตต์
นายพิบูลย์ บัวแช่ม ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.ยังคงติดตามภาวะความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุด (พีค) เดือนพ.ค.นี้ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากพีคเริ่มปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนเม.ย. จากสภาพอากาศที่เริ่มร้อนขึ้น โดยเมื่อวันที่ 4 พ.ค.2554 พีคมีค่าเท่ากับ 23,567 เมกะวัตต์ อุณหภูมิเฉลี่ย 35 องศาเซนเซียส สูงกว่าวันที่ 22 เม.ย. ที่พีคมีค่าเท่ากับ 23,322.12 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม พีคปีนี้ กฟผ.คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 24,000 เมกะวัตต์
“ปกติแล้ว พีคจะเกิดขึ้นช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. โดยส่วนใหญ่จะเกิดพีคมากเดือนเม.ย.และพ.ค. ดังนั้น กฟผ.ยังคงต้องดูอีกเพราะอากาศเริ่มร้อนขึ้น แต่ยอมรับว่าปีนี้สภาพอากาศค่อนข้างเปลี่ยนไป เม.ย.ร้อนไม่มาก แต่มาร้อนพ.ค. และยังมีฝนมาช่วย คงต้องติดตามช่วงที่เหลือของเดือนนี้ เพราะยังมีโอกาสลุ้นได้อีก แต่ภาพรวมปีนี้คงจะต่ำกว่าปี 2553”นายพิบูลย์กล่าว
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้เร่งกฟผ.ไปดำเนินการส่งเสริม ภายใต้การสนับสนุนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งในภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม ร่วมกันใช้หลอดผอมเบอร์ 5 ขนาด 28 วัตต์ แทนหลอดฟลูออเรสเซนต์ T8 ขนาด 36 วัตต์ ทั้งประเทศจำนวน 18.5 ล้านหลอดภายในปี 2556 เพื่อลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุดได้ 174.8 เมกะวัตต์ ลดปริมาณพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 800 ล้านหน่วยต่อปี หรือลดค่าใช้จ่ายได้ 2,400 ล้านบาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ได้ 400,000 ตันต่อปี
นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าฯ กฟผ.กล่าวว่า กฟผ.ได้รับมอบหมายจากกระทรวงพลังานให้ส่งเสริมการใช้หลอดผอมเบอร์ 5 ตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งปัจจุบันสามารถเปลี่ยนแล้ว 1.5 ล้านหลอดและปี 2554 จะเปลี่ยนอีก 5 ล้านหลอดแบ่งเป็นอาคารรัฐและศาศนสถาน 2 ล้านหลอดและเอกชน 3 ล้านหลอด อย่างไรก็ตาม ล่าสุดกฟผ. ร่วมกับบมจ.บางจากปิโตรเลียมและธนาคารกสิกรไทยเปิดตัวภาพยนต์โฆษณาหลอดผอมเบอร์ 5 เผยแพร่ความสำเร็จจากการใช้หลอดผอมเบอร์ 5 ของ 3 องค์กรดังกล่าว ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้กว่า 13.92 ล้านหน่วยต่อปีหรือปีละ 41.7 ล้านบาท
นายพิบูลย์ บัวแช่ม ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.ยังคงติดตามภาวะความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุด (พีค) เดือนพ.ค.นี้ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากพีคเริ่มปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนเม.ย. จากสภาพอากาศที่เริ่มร้อนขึ้น โดยเมื่อวันที่ 4 พ.ค.2554 พีคมีค่าเท่ากับ 23,567 เมกะวัตต์ อุณหภูมิเฉลี่ย 35 องศาเซนเซียส สูงกว่าวันที่ 22 เม.ย. ที่พีคมีค่าเท่ากับ 23,322.12 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม พีคปีนี้ กฟผ.คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 24,000 เมกะวัตต์
“ปกติแล้ว พีคจะเกิดขึ้นช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. โดยส่วนใหญ่จะเกิดพีคมากเดือนเม.ย.และพ.ค. ดังนั้น กฟผ.ยังคงต้องดูอีกเพราะอากาศเริ่มร้อนขึ้น แต่ยอมรับว่าปีนี้สภาพอากาศค่อนข้างเปลี่ยนไป เม.ย.ร้อนไม่มาก แต่มาร้อนพ.ค. และยังมีฝนมาช่วย คงต้องติดตามช่วงที่เหลือของเดือนนี้ เพราะยังมีโอกาสลุ้นได้อีก แต่ภาพรวมปีนี้คงจะต่ำกว่าปี 2553”นายพิบูลย์กล่าว
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้เร่งกฟผ.ไปดำเนินการส่งเสริม ภายใต้การสนับสนุนกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งในภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม ร่วมกันใช้หลอดผอมเบอร์ 5 ขนาด 28 วัตต์ แทนหลอดฟลูออเรสเซนต์ T8 ขนาด 36 วัตต์ ทั้งประเทศจำนวน 18.5 ล้านหลอดภายในปี 2556 เพื่อลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุดได้ 174.8 เมกะวัตต์ ลดปริมาณพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 800 ล้านหน่วยต่อปี หรือลดค่าใช้จ่ายได้ 2,400 ล้านบาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ได้ 400,000 ตันต่อปี
นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าฯ กฟผ.กล่าวว่า กฟผ.ได้รับมอบหมายจากกระทรวงพลังานให้ส่งเสริมการใช้หลอดผอมเบอร์ 5 ตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งปัจจุบันสามารถเปลี่ยนแล้ว 1.5 ล้านหลอดและปี 2554 จะเปลี่ยนอีก 5 ล้านหลอดแบ่งเป็นอาคารรัฐและศาศนสถาน 2 ล้านหลอดและเอกชน 3 ล้านหลอด อย่างไรก็ตาม ล่าสุดกฟผ. ร่วมกับบมจ.บางจากปิโตรเลียมและธนาคารกสิกรไทยเปิดตัวภาพยนต์โฆษณาหลอดผอมเบอร์ 5 เผยแพร่ความสำเร็จจากการใช้หลอดผอมเบอร์ 5 ของ 3 องค์กรดังกล่าว ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้กว่า 13.92 ล้านหน่วยต่อปีหรือปีละ 41.7 ล้านบาท