บางจากเล็งปรับลดราคาขายปลีกน้ำมัน เผย ขอรอดูทิศทางตลาดโลกอีกครั้ง คาดน้ำมันโลกเฉลี่ยปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 105 ดอลลาร์/บาร์เรล ยันสาเหตุที่น้ำมันสัปดาห์ก่อนลงแรงกว่า 17 ดอลลาร์/บาเรล เกิดจากแรงขายทำกำไร
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ โดยระบุว่า บางจากขอติดตามราคาน้ำมันตลาดโลกก่อนพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศต่อ พร้อมประเมินว่าราคาน้ำมันตลาดโลกเฉลี่ยทั้งปีจะไม่ต่ำกว่า 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ผลประกอบการโรงกลั่นของบางจาก มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน
นายอนุสรณ์ คาดกาณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ว่าราคาน้ำมันตลาดโลกจะผันผวน ปรับลดลงกว่า 17 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสาเหตุที่ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลง เกิดจากแรงเทขายเก็งกำไรในระยะสั้น
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบล่าสุด วันที่ 9 พฤษภาคม 2554 (วานนี้) ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ ปรับเพิ่มขึ้น 4.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 105.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ในส่วนของเบนซินปรับเพิ่มขึ้น 3.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดที่ 127 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ดีเซลเพิ่มขึ้น 4.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดที่ 125.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันที่ยังปรับเพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้ผลประกอบการของโรงกลั่นในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีโอกาสขาดทุนจากสตอกน้ำมันค่อนข้างน้อย โดยในส่วนของบางจาก หากราคาน้ำมันดิบดูไบปิดตลาดปีนี้สูงกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะส่งผลให้บางจากมีกำไรสตอกน้ำมัน เพราะต้นทุนสตอกของบางจากสิ้นปีที่แล้วอยู่ที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และยังมั่นใจว่าค่าการกลั่นปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศสัปดาห์นี้จะปรับลดลงอีกหรือไม่ ยังต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก หากปรับเพิ่มขึ้น การปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกกลุ่มเบนซินในประเทศคงทำได้ยาก โดยวันนี้ ปั๊มบางจากได้ปรับลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินไปแล้ว 60 สตางค์ต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ อี85 ลงอีก 30 สตางค์ต่อลิตร ส่วนราคาน้ำมันดีเซลยังตรึงอยู่ที่ไม่เกินลิตรละ 30 บาท และแม้ราคาจะไม่ลดลง แต่เงินกองทุนอาจเก็บเพิ่มขึ้นได้อีก จากปัจจุบันเก็บเงินเข้ากองทุนไปแล้ว 1.40 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ บางจากได้เข้าร่วมโครงการเครือข่ายร่วมลดโลกร้อนด้วยหลอดผอมเบอร์ 5 กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาหลอดผอมเบอร์ 5 โดยการใช้หลอดผอมเบอร์ 5 ของ 3 องค์กร สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้กว่า 14 ล้านหน่วยต่อปี หรือปีละ 41 ล้านบาท พร้อมลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 13,140 ตันต่อปี
โดยในปีนี้ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มีเป้าหมายรณรงค์ส่งเสริมให้อาคารภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมเปลี่ยนมาใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ขนาด 28 วัตต์ หรือหลอดผอมเบอร์ 5 ทดแทนหลอดฟลูออเรสเซนต์ขนาด 36 วัตต์ทั่วประเทศ 5 ล้านหลอด แบ่งเป็นอาคารควบคุมภาครัฐ ศาสนสถาน จำนวน 2 ล้านหลอด และภาคเอกชนจำนวน 3 ล้านหลอด