ASTVผู้จัดการรายวัน - ธปท.จำใจเลื่อนการใช้ระบบภาพเช็คสั่งจ่ายเงินแทนใบเช็คออกไป 3-6 เดือน เหตุแบงก์ไม่เชื่อมั่นหวั่นเห็นแต่ภาพไม่เห็นตัวจริงอาจจะมีปัญหาสั่งจ่ายผิดพลาด ขอให้มีการส่งใบเช็คตามเดิมในกรณีเช็คราคา 1 ล้านบาทขึ้นไป ด้าน "สุชาดา" ยัน ธปท.ไม่ถอยกำลังหารือวิธีการใหม่เพื่อให้จ่ายด้วยภาพใน 1 วันทำการให้ได้ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับความคืบหน้าในการเปิดใช้ระบบการจ่ายเงินสดจากเช็คด้วยภาพเช็ค แทนการนำส่งใบเช็ค ซึ่งจะลดเวลาการสั่งจ่ายเงินตามเช็คเหลือเพียง 1 วันทำการ จากเดิมที่ต้องใช้เวลา 2-3 วัน กรณีที่เป็นเช็คในเขตเดียวกัน และใช้เวลาการสั่งจ่าย 3-5 วันในกรณีเช็คข้ามเขตนั้น
แหล่งข่าวจากสายระบบชำระเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า การเริ่มใช้ระบบเช็คด้วยภาพดังกล่าวคงจะไม่สามารถเริ่มใช้ไดภายในเดือน พ.ค.นี้ ตามกำหนดการเดิมของธปท. เนื่องจากระบบของธนาคารพาณิชย์ยังไม่พร้อมที่จะดำเนินการ และประเด็นสำคัญคือ ธนาคารพาณิชย์ต้องการใช้ระบบเดิมควบคู่กับการอ่านภาพเช็ค ในการสั่งจ่ายเงินตามเช็คมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านบาท เพื่อให้พนักงานเกิดความมั่นใจในการสั่งจ่ายเงิน เพราะในขณะนี้ธนาคารไม่แน่ใจว่า หากเกิดความผิดพลาดในการสั่งจ่ายเงินจำนวนมาก จะสามารถรับผิดชอบได้
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า เรื่องนี้ ธปท.กำลังอยู่ระหว่างการหาทางออก เพราะหากธนาคารพาณิชย์ยังต้องรอตรวจสอบใบเช็คมูลค่า 1 ล้านบาทขึ้นไปก่อนที่จะสั่งจ่ายเงิน ก็จะทำให้เวลาการสั่งจ่ายเงินตามเช๋คไม่ลดลงเหลือ 1 วันทำการตามที่ ธปท.ต้องการ เพราะการสร้างระบบการอ่านเช็คด้วยภาพขึ้นมาเพราะต้องการให้ประชาชนได้รับเงินตามเช็คเร็วขึ้นกว่าเดิม
ด้านนางสุชาดา กิระกุล รองผู้ว่าการ ธปท.สายเสถียรภาพการชำระเงิน กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ในขณะนี้ระบบการสั่งจ่ายเงินจากภาพเช็คดังกล่าวนั้น จะเลื่อนจากกำหนดเดิมคือภายในเดือน พ.ค.นี้ ออกไปประมาณ 3-6 เดือน แต่เชื่อว่าสามารถเริ่มใช้ได้จริงไม่เกินสิ้นปี 2554 นี้แน่นอน เนื่องจากในขณะนี้ยังมีปัญหาในเรื่องความเชื่อมั่นในการอ่านภาพเช็ค ซึ่งขณะนี้ ธปท.และธนาคารพาณิชย์กำลังดำเนินการแก้ปัญหาไปด้วยกัน โดยพยายามหาทางออกที่ดีที่สุด สำหรับทุกฝ่าย และสามารถที่จะทำให้ประชาชนได้รับเงินผ่านเช็คภายใน 1 วันทำการ
"ในหลักการแล้ว ตามปกติหากภาพเช็คที่ได้รับไม่ชัดเจน ธนาคารผู้รับเช็คก็สามารถที่จะไม่สั่งจ่ายเงินได้ และหากมัข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจในบางกรณี ก็สามารถที่จะขอดูใบเช็ตตัวจริงได้ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนตามปกติ นอกจากนั้น เท่าที่หารือร่วมกันกับธนาคารพาณิชย์ ในช่วงแรกสำหรับกรณีการจ่ายเช็ตในเขตเดียวกัน แม้ว่าในช่วงต้นๆ อาจจะต้องมีการส่งใบเช็คควบคู่ไปให้สำหรับเช็ควงเงินมูลค่า 1 ล้านบาทขึ้นไป แต่ก็ยังสามารถสั่งจ่ายเงินในวันทำการเดียวหรือวันรุ่งขึ้นได้ เช่น ภาพเช็คไปถึงประมาณ 19.00 น.ของวันที่รับเช็ค ก็จะมีกระบวนการนำส่งเช็คตามไปในคืนนั้น เพื่อให้สามารถสั่งจ่ายเงินได้ในวันรุ่งขึ้น"
รองผู้ว่าการ ธปท. กล่าวต่อว่า มีความเป็นไปได้ว่า ในช่วงแรกอาจจะมีความเป็นไปได้ว่า จะต้องใช้ 2 ระบบไปก่อนระยะหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานของธนาคารพาณิชย์ในการสั่งจ่ายเงินมูลค่าสูงๆ แต่เชื่อว่า เมื่อใช้ไประยะหนึ่งแล้ว มีความเชื่อมั่นในระบบภาพเช็ค และระบบมีความปลอดภัยสามารถต่อต้านการปลอมแปลง หรือ การแอบเข้าไปแก้ไขข้อมูลภาพเช็คแล้วเชื่อว่า ธนาคารพาณิชย์จะสามารถใช้ระบบภาะเช็ตอย่างเต็มรูปแบบทั้งในการสั่งจ่ายเช็คในเขตเดียวกัน และข้ามเขต ซึ่งจะทำให้การสั่งจ่ายเงินตามเช็ตรวดเร็วมากขึ้น
สำหรับความคืบหน้าในการเปิดใช้ระบบการจ่ายเงินสดจากเช็คด้วยภาพเช็ค แทนการนำส่งใบเช็ค ซึ่งจะลดเวลาการสั่งจ่ายเงินตามเช็คเหลือเพียง 1 วันทำการ จากเดิมที่ต้องใช้เวลา 2-3 วัน กรณีที่เป็นเช็คในเขตเดียวกัน และใช้เวลาการสั่งจ่าย 3-5 วันในกรณีเช็คข้ามเขตนั้น
แหล่งข่าวจากสายระบบชำระเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า การเริ่มใช้ระบบเช็คด้วยภาพดังกล่าวคงจะไม่สามารถเริ่มใช้ไดภายในเดือน พ.ค.นี้ ตามกำหนดการเดิมของธปท. เนื่องจากระบบของธนาคารพาณิชย์ยังไม่พร้อมที่จะดำเนินการ และประเด็นสำคัญคือ ธนาคารพาณิชย์ต้องการใช้ระบบเดิมควบคู่กับการอ่านภาพเช็ค ในการสั่งจ่ายเงินตามเช็คมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านบาท เพื่อให้พนักงานเกิดความมั่นใจในการสั่งจ่ายเงิน เพราะในขณะนี้ธนาคารไม่แน่ใจว่า หากเกิดความผิดพลาดในการสั่งจ่ายเงินจำนวนมาก จะสามารถรับผิดชอบได้
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า เรื่องนี้ ธปท.กำลังอยู่ระหว่างการหาทางออก เพราะหากธนาคารพาณิชย์ยังต้องรอตรวจสอบใบเช็คมูลค่า 1 ล้านบาทขึ้นไปก่อนที่จะสั่งจ่ายเงิน ก็จะทำให้เวลาการสั่งจ่ายเงินตามเช๋คไม่ลดลงเหลือ 1 วันทำการตามที่ ธปท.ต้องการ เพราะการสร้างระบบการอ่านเช็คด้วยภาพขึ้นมาเพราะต้องการให้ประชาชนได้รับเงินตามเช็คเร็วขึ้นกว่าเดิม
ด้านนางสุชาดา กิระกุล รองผู้ว่าการ ธปท.สายเสถียรภาพการชำระเงิน กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ในขณะนี้ระบบการสั่งจ่ายเงินจากภาพเช็คดังกล่าวนั้น จะเลื่อนจากกำหนดเดิมคือภายในเดือน พ.ค.นี้ ออกไปประมาณ 3-6 เดือน แต่เชื่อว่าสามารถเริ่มใช้ได้จริงไม่เกินสิ้นปี 2554 นี้แน่นอน เนื่องจากในขณะนี้ยังมีปัญหาในเรื่องความเชื่อมั่นในการอ่านภาพเช็ค ซึ่งขณะนี้ ธปท.และธนาคารพาณิชย์กำลังดำเนินการแก้ปัญหาไปด้วยกัน โดยพยายามหาทางออกที่ดีที่สุด สำหรับทุกฝ่าย และสามารถที่จะทำให้ประชาชนได้รับเงินผ่านเช็คภายใน 1 วันทำการ
"ในหลักการแล้ว ตามปกติหากภาพเช็คที่ได้รับไม่ชัดเจน ธนาคารผู้รับเช็คก็สามารถที่จะไม่สั่งจ่ายเงินได้ และหากมัข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจในบางกรณี ก็สามารถที่จะขอดูใบเช็ตตัวจริงได้ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนตามปกติ นอกจากนั้น เท่าที่หารือร่วมกันกับธนาคารพาณิชย์ ในช่วงแรกสำหรับกรณีการจ่ายเช็ตในเขตเดียวกัน แม้ว่าในช่วงต้นๆ อาจจะต้องมีการส่งใบเช็คควบคู่ไปให้สำหรับเช็ควงเงินมูลค่า 1 ล้านบาทขึ้นไป แต่ก็ยังสามารถสั่งจ่ายเงินในวันทำการเดียวหรือวันรุ่งขึ้นได้ เช่น ภาพเช็คไปถึงประมาณ 19.00 น.ของวันที่รับเช็ค ก็จะมีกระบวนการนำส่งเช็คตามไปในคืนนั้น เพื่อให้สามารถสั่งจ่ายเงินได้ในวันรุ่งขึ้น"
รองผู้ว่าการ ธปท. กล่าวต่อว่า มีความเป็นไปได้ว่า ในช่วงแรกอาจจะมีความเป็นไปได้ว่า จะต้องใช้ 2 ระบบไปก่อนระยะหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานของธนาคารพาณิชย์ในการสั่งจ่ายเงินมูลค่าสูงๆ แต่เชื่อว่า เมื่อใช้ไประยะหนึ่งแล้ว มีความเชื่อมั่นในระบบภาพเช็ค และระบบมีความปลอดภัยสามารถต่อต้านการปลอมแปลง หรือ การแอบเข้าไปแก้ไขข้อมูลภาพเช็คแล้วเชื่อว่า ธนาคารพาณิชย์จะสามารถใช้ระบบภาะเช็ตอย่างเต็มรูปแบบทั้งในการสั่งจ่ายเช็คในเขตเดียวกัน และข้ามเขต ซึ่งจะทำให้การสั่งจ่ายเงินตามเช็ตรวดเร็วมากขึ้น
