ASTVผู้จัดการรายวัน-หัวหน้าฝ่ายเทศกิจเขตบางรัก เข้าร้องเรียน “พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์” ลูกน้องปลอมใบเสร็จ-เรียกเก็บเงินผู้ค้าตั้งแต่ปี 48-53 แถมถูกข่มขู่เอาชีวิต หลังตรวจพบความไม่ชอบมาพากลในการทำงาน ขณะที่ ผบช.ก.เชื่อน่าจะมีการทำผิดมานาน เบื้องต้นมอบ บก.ปปป.ไปตรวจสอบ คาดมูลค่าความเสียหาย100 ล้านบาท
วานนี้(21 มี.ค.)เมื่อเวลา 11.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.)นายทวิชพณ บุญมายน อายุ 50 ปี หัวหน้าฝ่ายเทศกิจเขตบางรัก ได้เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.กรณีมีเจ้าหน้าที่เทศกิจเขตบางรักปลอมใบเสร็จรับเงินและเรียกเก็บเงินจากพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมาก รวมทั้งยังถูกข่มขู่คุกคามหมายจะเอาชีวิต โดยได้นำใบเสร็จรับเงินปลอมจำนวน 25 เล่ม และใบเสร็จรับเงินปลอมที่ถูกสั่งจ่ายตั้งแต่ปี 48-53 มายื่นไว้เป็นหลักฐาน
นายทวิชพณ กล่าวว่า เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเทศกิจเขตบางรัก ตั้งแต่ปี 2551 จากนั้นในปี 2553 ก็ได้ตรวจสอบพบว่า บริเวณกลางซอยยมราช ถนนศาลาแดง เขตบางรัก มีการลักลอบตั้งหาบเร่แผงลอยโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เทศกิจที่รับผิดชอบบริเวณดังกล่าวหยุดปฏิบัติหน้าที่และให้เข้ามาทำงานในสำนักงานเขตแทน ก่อนที่จะทำการตรวจสอบเพิ่มเติมและพบว่ามีการออกใบเสร็จรับเงินปลอมให้กับพ่อค้าแม่ค้าตั้งแต่ปี 2546 จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บางรัก และรายงานให้ ผอ.เขตบางรัก ได้รับทราบ แต่ต่อมาได้ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ติดตามปองร้ายด้วยการขับรถประกบและมาดักรอบริเวณหน้าบ้านพักถึง 3 ครั้ง “สำหรับใบเสร็จรับเงินปลอมจะมีการลักษณะที่แตกต่างจากใบเสร็จรับเงินของจริง โดยสังเกตได้จากตัวเลขบริเวณใบเสร็จรับเงินของจริงจะมีลักษณะที่นูนออกมาและสามารถใช้นิ้วสัมผัสได้ แต่ใบเสร็จรับเงินปลอมจะใช้หมึกธรรมดาในการพิมพ์ และตัวเลขจะไม่นูนออกมา รวมทั้งตัวเลขใบเสร็จรับเงินของจริงจะมีเลข 0 นำหน้าทุกแผ่น ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าที่ถูกปรับและได้รับใบเสร็จสามารถสังเกตความผิดปกติได้ดังกล่าว” นายทวิชพณกล่าว
ด้าน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวจะมอบหมายให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) รับไปตรวจสอบและดำเนินการคุ้มครองพยาน แต่ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะมีการกระทำผิดในลักษณะนี้มานานแล้ว โดยอาจมีการกระทำเป็นขบวนการใหญ่ และคาดว่าการสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการทางกฎหมายคงทำไม่ยาก เพราะพฤติกรรมการกระทำผิดเป็นแบบเก่าที่เคยทำมานาน ส่วนการสอบสวนจะมีผู้บริหารระดับกทม.และสำนักงานเขตเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ในเรื่องนี้คงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
" เบื้องต้นคงต้องติดตามตัวผู้ที่ทำการปลอมใบเสร็จรับเงินและผู้ที่สั่งจ่ายใบเสร็จมาดำเนินคดีก่อน จากนั้นจึงค่อยขยายผลไปถึงผู้บงการ ส่วนมูลค่าความเสียหายน่าจะประมาณ 100 ล้านบาท "
วานนี้(21 มี.ค.)เมื่อเวลา 11.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.)นายทวิชพณ บุญมายน อายุ 50 ปี หัวหน้าฝ่ายเทศกิจเขตบางรัก ได้เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.กรณีมีเจ้าหน้าที่เทศกิจเขตบางรักปลอมใบเสร็จรับเงินและเรียกเก็บเงินจากพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมาก รวมทั้งยังถูกข่มขู่คุกคามหมายจะเอาชีวิต โดยได้นำใบเสร็จรับเงินปลอมจำนวน 25 เล่ม และใบเสร็จรับเงินปลอมที่ถูกสั่งจ่ายตั้งแต่ปี 48-53 มายื่นไว้เป็นหลักฐาน
นายทวิชพณ กล่าวว่า เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเทศกิจเขตบางรัก ตั้งแต่ปี 2551 จากนั้นในปี 2553 ก็ได้ตรวจสอบพบว่า บริเวณกลางซอยยมราช ถนนศาลาแดง เขตบางรัก มีการลักลอบตั้งหาบเร่แผงลอยโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เทศกิจที่รับผิดชอบบริเวณดังกล่าวหยุดปฏิบัติหน้าที่และให้เข้ามาทำงานในสำนักงานเขตแทน ก่อนที่จะทำการตรวจสอบเพิ่มเติมและพบว่ามีการออกใบเสร็จรับเงินปลอมให้กับพ่อค้าแม่ค้าตั้งแต่ปี 2546 จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บางรัก และรายงานให้ ผอ.เขตบางรัก ได้รับทราบ แต่ต่อมาได้ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ติดตามปองร้ายด้วยการขับรถประกบและมาดักรอบริเวณหน้าบ้านพักถึง 3 ครั้ง “สำหรับใบเสร็จรับเงินปลอมจะมีการลักษณะที่แตกต่างจากใบเสร็จรับเงินของจริง โดยสังเกตได้จากตัวเลขบริเวณใบเสร็จรับเงินของจริงจะมีลักษณะที่นูนออกมาและสามารถใช้นิ้วสัมผัสได้ แต่ใบเสร็จรับเงินปลอมจะใช้หมึกธรรมดาในการพิมพ์ และตัวเลขจะไม่นูนออกมา รวมทั้งตัวเลขใบเสร็จรับเงินของจริงจะมีเลข 0 นำหน้าทุกแผ่น ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าที่ถูกปรับและได้รับใบเสร็จสามารถสังเกตความผิดปกติได้ดังกล่าว” นายทวิชพณกล่าว
ด้าน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวจะมอบหมายให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) รับไปตรวจสอบและดำเนินการคุ้มครองพยาน แต่ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะมีการกระทำผิดในลักษณะนี้มานานแล้ว โดยอาจมีการกระทำเป็นขบวนการใหญ่ และคาดว่าการสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการทางกฎหมายคงทำไม่ยาก เพราะพฤติกรรมการกระทำผิดเป็นแบบเก่าที่เคยทำมานาน ส่วนการสอบสวนจะมีผู้บริหารระดับกทม.และสำนักงานเขตเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ในเรื่องนี้คงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
" เบื้องต้นคงต้องติดตามตัวผู้ที่ทำการปลอมใบเสร็จรับเงินและผู้ที่สั่งจ่ายใบเสร็จมาดำเนินคดีก่อน จากนั้นจึงค่อยขยายผลไปถึงผู้บงการ ส่วนมูลค่าความเสียหายน่าจะประมาณ 100 ล้านบาท "