xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

อันตรายจากการแก้แค้น!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลังจากข่าวการเสียชีวิตของ อุซามะห์ บิน ลาดิน ผู้นำเครือข่ายอัลกออิดะห์ ถูกเผยแพร่โดยประธานธิบดีสหรัฐ บารัก โอบามา เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ราคาน้ำมัน มีความผันผวนอย่างรุนแรง โดยในการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ของสหรัฐ เมื่อคืนวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ราคาได้ตกลงทันทีมาอยู่ที่ระดับ 111 เหรียญสหรัฐ ต่อบาเรล ในช่วงเปิดการซื้อขาย หรือลดลงไปกว่า 2 %

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เกิดความวิตกกังวลว่า อัลกออิดะห์ จะเดินหน้าเปิดฉากโจมตีเพื่อล้างแค้นให้กับ บิน ลาเดน ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งพรวดขึ้นมา เกือบ 4 เหรียญ มาอยู่ที่ 114.83 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในรอบ 31 เดือน ก่อนที่จะราคาจะอ่อนลงมาปิดตลาดที่ 113.52 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล

“ความเสี่ยงของการชำระแค้นมีอยู่สูงมาก ดังนั้น เราไม่ต้องการที่จะฉลองอะไรให้เร็วเกินไปนัก” ฟิล ฟลินน์ รองประธานบริษัทวิจัยตาด พีเอฟจีเบสต์ ใน ชิคาโก กล่าว

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา เครือข่ายอัลกออิดะห์ ได้พยายามลงมือเปิดฉากโจมตีอุตสาหกรรมสำคัญของสหรัฐมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐโดยตรง เช่น ในเดือนกุมภาพันธ์ 2006 เจ้าหน้าซาอุดิอาระเบีย สามารถทำลายแผนการโจมตีโรงผลิตน้ำมันอับเคก ในซาอุดิอาระเบียได้ จึงทำให้เกิดความวิตกกังวลกันอย่างหนักว่าหลังจากการเสียชีวิตของบิน ลาเดนนั้น อัลกออิดะห์ น่าจะหาทางล้างแค้นด้วยการด้วยการถล่มอุตสาหกรรมน้ำมันโลกอีกครั้ง

ประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐ กล่าวว่า การสังหารโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำเครือข่ายก่อการร้าย อัล ไกดา เป็นวันดีสำหรับอเมริกา

แต่ผลสำรวจควมนิยมล่าสุดพบว่า การสังหารบิน ลาเดน ก็เป็นวันดีของผู้นำสหรัฐฯ เช่นกัน โดยผลสำรวจของ 2 สำนัก ที่ออกมาเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา พบว่า คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโอบามา เพิ่มขึ้นเป็น 56 % เพิ่มจากเมื่อเดือนที่แล้ว 9 จุด

การสำรวจครั้งนี้ เป็นของ เดอะวอชิงตัน โพสต์ ร่วมกับศูนย์วิจัยพิว กับของ ยูเอสเอ ทูเดย์ ร่วมกับ กัลลัพ โพลส์ และจัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากมีการเปิดเผยรายละเอียดที่หน่วย เนวี ซีล จู่โจมเข้าไปยังบ้านพักของบิน ลาเดน ในเมืองอับบอตตาบัด ทางตอนเหนือของกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน

ขณะที่ข่าวการปลิดชีพผู้ก่อการร้ายที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในโลก ครอบงำชาวอเมริกันและเรียกความสนใจไปทั่วโลกนั้น ช่วยส่งผลต่อคะแนนนิยมของผู้นำสหรัฐฯ ได้แค่ชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากนี้จะมีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีกันอย่างดุเดือดในอีก 18 เดือนข้างหน้า

ความสำเร็จในการสังหาร บิน ลาเดน สร้างความกังวลให้กับชาวอเมริกัน เพราะกลัวการแก้แค้นจาก อัล ไกดา

ผลสำรวจล่าสุดพบว่า ชาวอเมริกันมากกว่า 6 ใน 10 เกรงว่า จะเกิดเหตุวินาศกรรมในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งนับเป็นอัตราความเครียดของสาธารณชนที่สูงที่สุดในรอบ 8 ปี

แต่สถานะทางการเมืองของประธานาธิบดีโอบามา ไม่มีความั่นคงมากนัก เพราะตกเป็นเป้าโจมตีในเรื่องเศรษฐกิจ จากผลสำรวจล่าสุดของทั้งสองสำนัก แสดงให้เห็นว่า มีเพียง 40 % ของผู้ถูกสำรวจ พอใจผลงานการรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจของประธานาธิบดี ส่วนผลสำรวจอื่น ๆ ที่จัดทำเมื่อปีที่แล้ว พบว่า ชาวอเมริกัน 70 % รู้สึกว่าประเทศกำลังเดินไปผิดทาง

แม้ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากภาวะถดถอยครั้งใหญ่ แต่อัตราการว่างงานก็ยังอยู่ที่ 9 % และราคาน้ำมันก็ยังอยู่ในระดับสูง คือลิตรละเกือบ 1 ดอลลาร์ ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น เพราะราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น

สัญญาทองคำในตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิถุนายน ปรับตัวลดลง 1.1 % ปิดที่ 1,540.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากข่าว บิน ลาเดน ถูกสังหารเผยแพร่ออกมา

นักวิเคราะห์ด้านทองคำ จากบริษัท PFGbest ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า นักเก็งกำไรทั่วโลกพากันเทขายสัญญาน้ำมันดิบ และโลหะมีค่า หลังจากการเสียชีวิตของนายโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ และจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่ราคาทอง ( ทองคำ 96.5% ) ประจำวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามประกาศ ของสมาคมค้าทองคำทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 21,750.00 ขายบาทละ 21,850.00  ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 21,436.24 ขายบาทละ 22,250.00

ด้านสถานการณ์ค่าเงินบาทอ่อนค่าหลุด 30 บาท/ดอลล์ โดยเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทปิดที่ระดับ 30.00 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากที่ระดับ 29.95 บาท/ดอลลาร์

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงไป 23 จุด เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ทีผ่านมา เนื่องจากมีความกังวลว่า เครือข่าอัลกออิดะห์ จะมีตัวแทนขึ้นมาก่อการร้ายเพื่อแก้แค้น และความกังวลในประเทศ

การที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการกระตุ้นอุปสงค์บ้าน ตามโครงการสินเชื่อ เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรก อัตราดอกเบี้ย 0 % วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท ของธนาคารอาคารสงเคราะห์( ธอส. ) ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาอยู่ เพราะกำลังหดตัว เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง คล้ายกับสถานการณ์ก่อนมาตรกระตุ้นภาษีอสังหาริมทรัพย์ จะหมดอายุลง

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเป็นการปล่อยสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ย 0 % 2 ปี และฟรีค่าโอนและค่าจดจำนอง สำหรับราคาที่อยู่อาศัย ในวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท

เงินเฟ้อ ไทย เดือน เม.ย. สูงเกินคาด โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป พุ่งขึ้น 4.04 % เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา และปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.14 % เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดที่ 1.38 %

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้เพิ่มขึ้นเพียง 4.1 % จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 4.8 % โดยดัชนีผลผลิตอุสาหกรรมในเดือนมีนาคม ปรับตัวลดลง -6.7 % เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว แสดงว่าภาคอุตสาหกรรมลดกำลังการผลิตลง รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจไทยยังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังอยู่ที่ระดับ 3.25 % ในสิ้นปีนี้ โดยคาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 1 มิ.ย.นี้ อีก 0.25 % เป็น 3.0 % เนื่องอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น

ด้านสถานการณ์การเมืองที่เริ่มเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ก็เริ่มเห็นอันตรายจากความขัดแย้งทางการเมืองมากยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะความไม่ไว้วางใจพฤติกรรมพรรคเพื่อไทย และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช. )

เพราะเอาเข้าจริง ยังไม่มีข้อสรุปว่า การปล่อยตัวชั่วคราว 9 แกนนำ นปช. ทำให้พรรคเพื่อไทยแข็งแกร่งมากขึ้น หรือกลายเป็นภาระของพรรค

โดยเฉพาะข้อหา “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ของแกนนำ

นั่นทำให้พรรคเพื่อไทย ถูกสงสัยว่า เป็นพรรคการเมืองที่สนับสนุน ส.ส. และแกนนำ นปช.ในการล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ประกอบกับพฤติกรรมของ ทักษิณ หลายอย่างบ่งบอกเช่นนั้น จนทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างส.ส.ของพรรค กับแกนนำ นปช. มีข้อเสนอให้สลัดทิ้งคราบไคล นปช.ไปให้พ้นพรรคเพื่อไทย แต่ทักษิณไม่ยอม

นอกจากความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทยแล้ว พรรคเพื่อไทย ต้องขับเคี่ยวกับประชาธิปัตย์เพื่อชิงความเป็นหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้

เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ ทักษิณได้สไกป์ เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ “ อนาคตเศรษฐกิจกับนโยบายพรรคเพื่อไทย” ที่โรงแรมโกลเด้น ทิว โดยกล่าวว่า " การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะขาด เพราะอาการของรัฐบาลออกแล้ว รู้ว่าสู้ไม่ได้ จึงให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาบอกว่า ถ้ารวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ วันนี้ประชาธิปัตย์สู้เพื่อไทยไม่ได้ ถูกพรรคร่วม เอาตัวเลขมาต้ม"

“ พรรคประชาธิปัตย์ เคยได้ตัวเลขเต็มที่คือ 160 เสียง แต่วันนี้ภาพแย่ลงไปเยอะ บางพรรคการเมือง มาซื้อตัวส.ส.เพื่อไทยก็ซื้อไป แต่เอาฐานเสียงไปไม่ได้ ดูยังไงเพื่อไทยก็ได้เสียงเกินครึ่ง และแนวทางที่จะได้กลับไปรับใช้ประชาชน น่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้ ” ทักษิณ แสดงความมั่นใจกับฐานเสียงของ อดีต ส.ส.ที่อยู่กับพรรค

ไม่ต้องพูดถึงนโยบายที่เป็นเสมือนเซลล์แมนขายเครื่องปั๊มเงิน โดยเฉพาะ “นโยบายขจัดยาเสพติด ภายใน 12 เดือน” และ “นโยบายขจัดความยากจนให้หมดภายใน 4 ปี”

ฟังแล้วค้นหาความจริงไม่เจอจริงๆ แสดงว่า พรรคเพื่อไทย จะยังไม่สรุปบทเรียนวิสามัญ 25,000 ศพ และนโยบายโกหกว่า จะแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ภายใน 6 เดือน ของทักษิณในอดีต

ความยากจนกับการแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ไม่แตกต่างกันในแง่ของความเป็นไปได้
ที่สำคัญยังเหมือนกันในแง่คนพูดอีกต่างหาก

ระวังจะเกิดการแก้แค้นจากคนที่เคยถูกหลอกมาก่อนหน้านี้ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น