xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำศรีธนญชัย !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

๐๐ แม้จะแก้ตัวแบบ “ศรีธนญชัย” ว่าการประชุม ครม.นัดทิ้งทวน เมื่อวันก่อนของ “รัฐบาล มาร์ค” ไม่ได้มีการอนุมัติโครงการแบบ “ทิ้งทวน” กว่า 206 โครงการ มูลค่ากว่าแสนล้านบาท แต่อ้างว่าส่วนใหญ่เป็นโครงการเก่า เป็นภาระผูกพันที่อนุมัติจริงๆ มีเพียงร้อยกว่าโครงการ มูลค่าแค่หมื่นกว่าล้านบาท โดยอ้างความจำเป็นเพื่อความต่อเนื่อง หากไม่อนุมัติตอนนี้ ต้องรอไปอีกประมาณ 3 เดือน เกิดความเสียหายทางราชการ เกิดความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ได้ยินเช่นนั้นมันก็จริงอยู่ว่าส่วนใหญ่เป็นโครงการเก่า แต่คราวนี้ก็มีการ “รับทราบ” ความหมายก็คือ เป็นการอนุมัติไว้ล่วงหน้าแล้ว และเมื่ออยู่ใน “ช่วงชุลมุน” มันก็ถือเป็นโอกาสเหมาะอยู่แล้ว ดังนั้น การที่บอกว่าไม่ได้ทิ้งทวน ไม่ได้ “เทกระจาด” มันก็เป็นแค่คำแก้ตัวหน้าด้าน ๆ เพื่อป้องกันถูกด่าเท่านั้นเอง และไม่ว่าจะใช้คำว่า รับทราบ เพื่อทราบ มันจะต่างกันตรงไหน เพราะความหมายก็คือรัฐบาลชุดนี้เป็นคนอนุมัตินั่นเอง
๐๐ สำหรับการยุบสภานั้นมีแนวโน้มสูงว่าจะต้องเลื่อนออกไปหลังวันที่ 9 พ.ค. เพราะต้องรอศาลรธน.วินิจฉัย กม.ลูก 3 ฉบับเสียก่อน และล่าสุด จรัญ ภักดีธนากุล หนึ่งในตุลาการออกมายืนยันแล้วว่า ไม่อาจพิจารณาได้ทันในวันที่ 6 พ.ค. ตามกรอบที่นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้กำหนดเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ถึงอย่างไร นายกฯอภิสิทธิ์ ก็ยังยืนยันว่าเป็นไปตามกรอบเดิม นั่นก็หมายความว่า อาจจะมีการเสนอทูลเกล้าฯ ยุบสภาไปก่อน ส่วนจะโปรดเกล้าฯ ลงมาเมื่อไหร่นั้น ก็แล้วแต่ความเหมาะสม
๐๐ขณะที่ความเคลื่อนไหวสำหรับ “นักเลือกตั้ง” ที่กำลังอยู่ในช่วงกำลัง “ต่อรอง” โก่งค่าตัว หรือเสนอตัวให้ประมูลราคาตาม “เกรด” เอ บี ซี ซึ่งก็มีผลต่อราคาค่างวดของตัวเองในอนาคต แต่ตอนนี้ถือว่ายังไม่ใช่ข้อตกลงแบบตายตัว เพราะยิ่งใกล้วันยุบสภา และใกล้วันครบกำหนดตามกฎหมาย ก็ยิ่งจะต้องมีการแข่งขันในการปั่นราคาให้สูงที่สุด เท่าที่จะทำได้ ขณะที่พรรคการเมืองก็เริ่มทยอยเปิดตัวออกมาส่วนใหญ่จะออกมาในลักษณะพรรคเล็กพรรคน้อย ล่าสุดพรรค “พลังชล” ของกลุ่ม “คุณปลื้ม” ที่มี สนธยา คุณปลื้ม ชักใยอยู่ข้างหลัง ประกาศใช้จุดขาย “พรรคท้องถิ่น” หวังกวาดส.ส.ในเขตจังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียง ได้ ส.ส.ประมาณ 5-10 ที่นั่ง ก็รอร่วมรัฐบาลได้แล้ว เหมือนตัวอย่าง “พรรคกิจสังคม” ของสุวิทย์ คุณกิตติ ที่นำร่องมาก่อนในยุครัฐบาลปัจจุบัน
๐๐ นอกจากนี้ยังมีพรรค “มาตุภูมิ” ของ “บังสนธิ” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่พุ่งเป้ากวาดคะแนนเสียงจากกลุ่ม “มุสลิม” ทั้งในภาคใต้ และในกรุงเทพฯแถบชานเมือง หวัง ส.ส.เข้ามาสัก 5-7 ที่นั่งมันก็หรูแล้ว ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมันก็ไม่ต่างจากการ “ลงทุน” ทำ “ธุรกิจการเมือง” ที่คุ้มค่า เพราะเชื่อว่าหลังเลือกตั้งแล้วคงไม่มีพรรคการเมืองใดได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาดต้องเป็นรัฐบาลผสมแน่นอน มันก็เป็นโอกาสอันดีของพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีโอกาสในการ “ต่อรอง” ในการหาผลประโยชน์ทางอำนาจได้มากขึ้น
๐๐ ภาพที่เห็นก็เป็นภาพเดิมๆ ของคนอีกประเภทหนึ่งที่ต้องเคลื่อนไหวแบบนี้ทุกครั้ง จนเป็น “วงจรอุบาทว์” ของกลุ่ม “ธุรกิจการเมือง” ที่มีแต่คนหน้าเดิม ที่ทุกครั้งเมื่อปี่กลองเชิด คนพวกนี้ก็จะแบ่งสันปันส่วนประเทศไทยราวกับว่าเป็นของตัวเอง โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนมาใช้อธิปไตยของปวงชน มาจากการเลือกตั้ง ทั้งที่เป็นการเลือกตั้งที่ “หลอกลวง” ไม่ได้มาตรฐาน มีแต่การซื้อเสียง ข่มขู่ทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองได้เป็น ส.ส.แล้วมาถอนทุน หมุนเวียนซ้ำซากอยู่แบบนี้ และนับวันยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ
๐๐ เมื่อเป็นแบบนี้มันก็น่า “ขยะแขยง” และน่ารังเกียจ จึงเป็นที่มาของแนวคิด “โหวตโน” ไม่เลือกใคร เพราะ “เลวไม่ต่างกัน” เมื่อเห็นกันอยู่หากยังปล่อยให้สภาพเน่าๆ อยู่แบบนี้ต่อไป เราก็ไม่สมควรให้ผ่านไปเฉยๆ ต้องบอยคอต แสดงความรังเกียจให้เห็นกันบ้าง ปล่อยให้ปูยี่ปู้ยำตามอำเภอใจอยู่ทำไม
๐๐กลายเป็นว่ารัฐบาลที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำประเทศเข้าสู่ “ความเสี่ยง” สมบูรณ์แบบ ในกรณีปราสาทพระวิหาร เพราะเรากำลัง “ถูกดูด” เข้าสู่ศาลโลกที่เราไม่เห็นทางชนะได้เลย เพราะเมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบจากประเทศต่างๆที่เป็นองค์คณะ ซึ่งก็คงไม่หนีไปจากพวกประเทศมหาอำนาจ ซึ่งในที่นี้ก็คงไม่หนี ฝรั่งเศสแน่นอน แต่คำถามก็คือทำไมเราต้องไปยอมรับในสิ่งที่มันเสียเปรียบ ทำไมไม่บอกปัดตั้งแต่แรก ทำไมต้องมาพิสูจน์ ต้องพิสูจน์เรื่องแบบนี้ทำไม เพราะแม้กระทั่งการใช้กำลังทหารในการตอบโต้ฝ่ายกัมพูชาเรายัง “ไม่ได้เปรียบ” เสียหาย ไม่คุ้มค่าเลย !!
กำลังโหลดความคิดเห็น