ระดมทุนมาตุภูมิคึกคัก “บิ๊กบัง” ยอมรับเป็นผู้ผูกปมความขัดแย้งสังคม ขออาสาคลายปมก่อนตาย ชี้ได้นักการเมืองมีคุณธรรม รักชาติรักแผ่นดิน ประเทศจะเดินหน้าไปได้ โอดวิกฤตความขัดแย้งคนไทยถึงขั้นแบ่งภูมิภาค แบ่งสี หวั่นไทยล้าหลังในอาเซียน ขอเรียกศักดิ์ศรีไทยกลับมายิ่งใหญ่ในอาเซียน
ที่ห้องฟีนิกซ์ อิมแพค เมืองทองธานี วันที่ 21 เม.ย. 2554 เวลา 18.00 น. พรรคมาตุภูมิได้มีการจัดงานระดมทุน โดยมีบรรดาแกนนำรัฐบาล แกนนำพรรค ส.ส.พรรคการเมืองต่างๆ มาร่วมแสดงความยินดี นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ร่วมแสดงความยินดี โดยมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ดร.มั่น พัธโนทัย เลขาธิการพรรคมาตุภูมิ ส.ส.พรรค สมาชิกพรรคคอยให้การต้อนรับ
จากนั้น พล.อ.สนธิได้แสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “พรรคมาตุภูมิกับการเมืองไทย” ว่า พรรคมาตุภูมิเกิดภายใต้สถานการณ์ที่มองต่างมุม ปัญหาบ้านเมืองเวลานี้เป็นเวลาช่วงวิกฤต เป็นสิ่งที่น่าห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง ถือว่าตนเป็นส่วนหนึ่งที่ผูกปมปัญหา วันนี้อาสาแก้ปมตรงนั้น ซึ่งเชื่อว่าแก้ไม่ยาก คือการทำอย่างไรให้คนไทยรู้สึกถึงความเป็นคนไทยในการสร้างชาติให้มีเกียรติมีศรี เราเคยเป็นที่หนึ่งอาเซียน แต่วันนี้เราถกถอยจนเกือบจะเป็นประเทศสุดท้าย ถามว่า เราเป็นไทยมา 800 ปี เวลานี้เราเหลือ 1 ใน 4 ที่มีอยู่ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยบ่อนทำลายเกียรติภูมิให้น้อยลง เราเคยเสียสละเพื่อปกป้องแผ่นดินนี้ ให้ความทระนงอยู่ในประเทศไทยมานาน เราอยากแก้คลายปมตรงนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ หากเราสรรหานักการเมืองที่มีคุณธรรม รักชาติรักแผ่นดินเชื่อว่าประเทศเดินไปได้ เวลานี้สถานการณ์การเมืองการปกครองประเทศ ปัญหาที่เฝ้ามองอย่างมากสังคมไทย ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ปัญหาเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความมั่นคงของประเทศ
ตนอยากเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย คนไทยทั้งประเทศต้องเข้าใจประชาธิปไตย อย่ามองผิวเผินไม่อย่างนั้นจะตกเป็นเครื่องมือผู้แสวงหาผลประโยชน์ ไม่ใช่หย่อนบัตรแล้วเป็นประชาธิปไตย สังคมไทยไม่เคยมีอย่างนี้มาก่อน มีบทเรียนประวัติศาสตร์ให้เราเห็น ที่เกิดจากความขัดแย้ง แสวงหาผลประโยชน์แตกแยก เวลานี้สังคมไทยแบ่งเป็นภูมิภาค แบ่งสี ถ้าเรายังแบ่งฝ่ายเห็นแก่ตัว ถ้าเรายังเห็นแก่ตัว เรานั้นเกือบจะตกอยู่ในอันดับสุดท้ายของอาเซียน
“ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยร่วมเขมร 4 ฝ่ายให้เป็นชาติ สร้างประเทศกัมพูชา ครั้งหนึ่งเขาเคยมาประเทศไทย พาขึ้นทางด่วน เขาบอกว่าประเทศเราเป็นสวรรค์ แต่ช่วงเดือน เม.ย.-พฤษภาฯ ปีที่แล้ว คนคนนั้นได้โทร.มาถามว่า อยู่ไทยสบายไหม ถ้าไม่สบายมาบ้านผม มันเจ็บ เราอาย ในฐานะที่เราเคยสร้างชาติให้เขา ศักดิ์ศรีของประเทศตนยอมไม่ได้ ปัญหาคือเราต้องรักกันก่อนรอยยิ้มสยามต้องกลับมาสู่ไทย”
พล.อ.สนธิกล่าวต่อว่า ตนได้ยินบ่อยครั้งเรื่องความเลื่อมล้ำเป็นเงื่อนไขทำให้เกิดความขัดแย้ง เราต้องแก้ไขให้กระดูกของชาติ ทำให้ชาวไร่ชาวนาศึกษาดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น หน้าที่ของนักการเมือง ต้องสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเชื่อว่าสังคมไทยจะมีความสุข สุดท้ายเราต้องการเห็นรอยิ้มแห่งสยาม สุดท้ายความมั่นคงของประเทศเราหนีความเป็นชีวิตการเป็นทหารไม่ได้ ตนเป็นคนไทยคนหนึ่ง ตนรักชาติ รักแผ่นดินนี้ ตนทุ่มเททำบ้านนี้ให้ยิ่งใหญ่ วันนี้เรายังไม่เข้มแข็งพอ ประเทศเล็กๆ ที่เราเคยดูแลเอาเงิน เอาอาวุธให้เขา แต่วันนี้เขาไม่ยำเกรง เราต้องทำให้ไทยกลับยิ่งใหญ่ในอาเซียน เราคนไทยจะได้ทระนง ถ้าเราได้นักการเมืองที่มีคุณธรรม จริยธรรม ตนจะทำให้ไทยกลับมายิ่งใหญ่ ก่อนที่จะจากความเป็นมนุษย์ ขอทำงานชิ้นสุดท้ายให้บ้านเมือง จะไม่พูดจาให้ใครอึดอัดใบหู จะไม่ก้าวร้าว พูดจาให้คนฟังแล้วอึดอัด
