1. เมื่อพรรคนี้ไม่ได้ทำหน้าที่เป็น “เครื่องมือ” ที่ดี ก็ไม่จำเป็นต้องมี ยิ่งเมื่อกลุ่มฉวยโอกาส “ซ้ายจัด” ใช้พรรคการเมืองใหม่เป็น “เครื่องมือ” ต่อต้านการขับเคลื่อนทางการเมืองของมวลชนพันธมิตรฯ ที่มีความตื่นตัวสูง ด้วยวิธีการต่ำทรามน้ำเน่า อันเป็นการทำลายคุณลักษณะเฉพาะ (ความเป็นพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ ที่เน้นความสะอาด โปร่งใส ถือเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง) ของพรรคการเมืองใหม่โดยตรง ก็ยิ่งต้องหาทางสลัดทิ้งโดยเร็ว นั่นคือ สลัดทิ้งกลุ่มฉวยโอกาส “ซ้ายจัด” ที่เปรียบดุจปลิงหรือทากที่มุ่งเกาะกินเลือดอันบริสุทธิ์ของพันธมิตรฯ หรือไม่ก็สลัดทิ้งพรรคที่ถูกพวกเขาทำลายจนเสียหายไปแล้ว โดยไม่ต้องไปเสียเวลาและเปลืองสมองที่จะไปชักคะเย่อกับกลุ่มฉวยโอกาส “ซ้ายจัด” น้ำเน่าเหล่านั้น
2. การสลัดทิ้งพรรคการเมืองใหม่ สอดคล้องกับแนวคิดยุทธศาสตร์ขั้นใหม่ของพันธมิตรฯ ที่ชูประเด็นการรักษาอธิปไตยของชาติ (เอาชาติเป็นตัวตั้ง) และการไม่เอาการเมืองในระบบรัฐสภาที่ใช้เงินเป็นใหญ่ อันเป็นที่มาของพรรคการเมืองน้ำเน่า ต้นตอของการเสียอธิปไตยของชาติ และปฐมเหตุของปัญหาวิกฤตต่างๆ ที่รุมเร้าประเทศชาติและประชาชนคนไทยไปทุกหย่อมหญ้า (มุ่งสู่การปฏิรูปใหญ่ประเทศไทย) ซึ่งเฉพาะหน้านี้ จะช่วยให้การรณรงค์ “โหวต โน” ดำเนินไปได้คล่องตัวยิ่งขึ้น ใหญ่โตยิ่งขึ้น ด้วยสามารถระดมกำลังทั้งหมดของชาวพันธมิตรฯ ที่ไปทำงานพรรคการเมืองใหม่ กลับมาร่วมปฏิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ได้โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ถือเป็นมาตรการ “รวมกำปั้น” ให้เป็นกำปั้นใหญ่กำปั้นเดียว ทุบทะลวงศัตรูทางการเมืองที่ขวางทางอยู่ให้แตกกระเจิงได้ในทุกสนามรบ
3. ในทางยุทธศาสตร์ยาวไกล การก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ ก็เพื่อเปิดแนวรุกทางการเมืองของขบวนการการเมืองภาคประชาชนขึ้นในระบบรัฐสภา เกือบสองปีของการดำเนินการของพรรคการเมืองใหม่ มีหลายเรื่องที่เราจะต้องทำความเข้าใจและสรุปบทเรียน โดยเฉพาะคือสถานภาพของพรรคการเมืองในสายตาคนไทยทั่วไป ที่มักจะปฏิเสธพรรคการเมือง เพราะไม่เห็นว่าจะทำประโยชน์แก่ประเทศชาติได้จริง ด้วยเหตุนี้ พรรคการเมืองใหม่ในสายตาประชาชน ก็ยังคงเป็นพรรคการเมืองแบบเก่าๆ ไม่มีจุดเด่นอะไรที่แตกต่างไปจากพรรคอื่นๆ ยกเว้นในหมู่พันธมิตรฯ ที่คาดหวังว่า พรรคการเมืองใหม่จะพัฒนาตัวเองไปตามเจตนารมณ์ของตนได้จริง แต่ในที่สุดก็ผิดหวัง ด้วยพฤติกรรมน้ำเน่าทั้งของคนในพรรคที่มุ่งหวังสร้างอนาคตทางการเมือง และกลุ่มฉวยโอกาส “ซ้ายจัด” ที่มุ่งชิงการนำภายในพรรค จนกระทั่งทำลายพรรค
4. ข้อสรุปขั้นต้นก็คือ พรรคการเมืองใหม่ไม่ใช่คำตอบของการเมืองใหม่ที่ชาวพันธมิตรฯ และคนไทยส่วนใหญ่คาดหวัง การสลัดทิ้งพรรคการเมืองใหม่ ก็เพื่อบอกชาวพันธมิตรฯ และสมาชิกพรรคการเมืองใหม่และสังคมไทยทั่วไปว่า พรรคนี้ไม่ใช่คำตอบ เฉกเช่นที่เรากำลังรณรงค์ “โหวต โน” เพื่อบอกสังคมไทยว่า พรรคการเมืองในระบบรัฐสภาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่คำตอบของประเทศไทย ตรงกันข้าม พันธมิตรฯ กับกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่มีเป้าหมายทางการเมืองร่วมกัน ถือเอาผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ถือเอาประเทศชาติเป็นตัวตั้ง ที่ยึดมั่นในความถูกต้องอย่างเสมอต้นเสมอปลายต่างหาก ที่จะเป็นคำตอบให้แก่ประเทศชาติ ดังนั้น ณ เวลานี้ การเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ ที่จะนำไปสู่การปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยได้จริง จะต้องเริ่มต้นกันที่ “โหวต โน”
5. ในจังหวะที่กระแสโหวต โนกำลังก่อตัวขึ้นอย่างกว้างขวาง ตามการประเมินของหลายๆ ฝ่าย แม้ว่าจะเป็นกระแสสูงในหมู่คนในโลกไซเบอร์ แต่ก็สะท้อนถึงแนวคิดชี้นำของสังคม ที่มวลชนทั่วไปจะคล้อยตามได้ในที่สุด
2. การสลัดทิ้งพรรคการเมืองใหม่ สอดคล้องกับแนวคิดยุทธศาสตร์ขั้นใหม่ของพันธมิตรฯ ที่ชูประเด็นการรักษาอธิปไตยของชาติ (เอาชาติเป็นตัวตั้ง) และการไม่เอาการเมืองในระบบรัฐสภาที่ใช้เงินเป็นใหญ่ อันเป็นที่มาของพรรคการเมืองน้ำเน่า ต้นตอของการเสียอธิปไตยของชาติ และปฐมเหตุของปัญหาวิกฤตต่างๆ ที่รุมเร้าประเทศชาติและประชาชนคนไทยไปทุกหย่อมหญ้า (มุ่งสู่การปฏิรูปใหญ่ประเทศไทย) ซึ่งเฉพาะหน้านี้ จะช่วยให้การรณรงค์ “โหวต โน” ดำเนินไปได้คล่องตัวยิ่งขึ้น ใหญ่โตยิ่งขึ้น ด้วยสามารถระดมกำลังทั้งหมดของชาวพันธมิตรฯ ที่ไปทำงานพรรคการเมืองใหม่ กลับมาร่วมปฏิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ได้โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ถือเป็นมาตรการ “รวมกำปั้น” ให้เป็นกำปั้นใหญ่กำปั้นเดียว ทุบทะลวงศัตรูทางการเมืองที่ขวางทางอยู่ให้แตกกระเจิงได้ในทุกสนามรบ
3. ในทางยุทธศาสตร์ยาวไกล การก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ ก็เพื่อเปิดแนวรุกทางการเมืองของขบวนการการเมืองภาคประชาชนขึ้นในระบบรัฐสภา เกือบสองปีของการดำเนินการของพรรคการเมืองใหม่ มีหลายเรื่องที่เราจะต้องทำความเข้าใจและสรุปบทเรียน โดยเฉพาะคือสถานภาพของพรรคการเมืองในสายตาคนไทยทั่วไป ที่มักจะปฏิเสธพรรคการเมือง เพราะไม่เห็นว่าจะทำประโยชน์แก่ประเทศชาติได้จริง ด้วยเหตุนี้ พรรคการเมืองใหม่ในสายตาประชาชน ก็ยังคงเป็นพรรคการเมืองแบบเก่าๆ ไม่มีจุดเด่นอะไรที่แตกต่างไปจากพรรคอื่นๆ ยกเว้นในหมู่พันธมิตรฯ ที่คาดหวังว่า พรรคการเมืองใหม่จะพัฒนาตัวเองไปตามเจตนารมณ์ของตนได้จริง แต่ในที่สุดก็ผิดหวัง ด้วยพฤติกรรมน้ำเน่าทั้งของคนในพรรคที่มุ่งหวังสร้างอนาคตทางการเมือง และกลุ่มฉวยโอกาส “ซ้ายจัด” ที่มุ่งชิงการนำภายในพรรค จนกระทั่งทำลายพรรค
4. ข้อสรุปขั้นต้นก็คือ พรรคการเมืองใหม่ไม่ใช่คำตอบของการเมืองใหม่ที่ชาวพันธมิตรฯ และคนไทยส่วนใหญ่คาดหวัง การสลัดทิ้งพรรคการเมืองใหม่ ก็เพื่อบอกชาวพันธมิตรฯ และสมาชิกพรรคการเมืองใหม่และสังคมไทยทั่วไปว่า พรรคนี้ไม่ใช่คำตอบ เฉกเช่นที่เรากำลังรณรงค์ “โหวต โน” เพื่อบอกสังคมไทยว่า พรรคการเมืองในระบบรัฐสภาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่คำตอบของประเทศไทย ตรงกันข้าม พันธมิตรฯ กับกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่มีเป้าหมายทางการเมืองร่วมกัน ถือเอาผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ถือเอาประเทศชาติเป็นตัวตั้ง ที่ยึดมั่นในความถูกต้องอย่างเสมอต้นเสมอปลายต่างหาก ที่จะเป็นคำตอบให้แก่ประเทศชาติ ดังนั้น ณ เวลานี้ การเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ ที่จะนำไปสู่การปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยได้จริง จะต้องเริ่มต้นกันที่ “โหวต โน”
5. ในจังหวะที่กระแสโหวต โนกำลังก่อตัวขึ้นอย่างกว้างขวาง ตามการประเมินของหลายๆ ฝ่าย แม้ว่าจะเป็นกระแสสูงในหมู่คนในโลกไซเบอร์ แต่ก็สะท้อนถึงแนวคิดชี้นำของสังคม ที่มวลชนทั่วไปจะคล้อยตามได้ในที่สุด