xs
xsm
sm
md
lg

รบยื้อ!ผู้อพยพดับ2-เริ่มกลับบ้าน ไปตายดาบหน้า! ซัดรัฐใช้ทนายฝรั่งเศสเผาบ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - สมเด็จพระนางเจ้าฯ มอบสิ่งของพระราชทานแก่ผู้อพยพหนีภัยการสู้รบชายแดนสุรินทร์ เผยรบ 10 วันคนไทยอพยพเฉียด 5 หมื่นคน บางส่วนเริ่มทยอยกลับหลังชาวสุรินทร์เสียชีวิตในศูนย์อพยพ 2 ราย นายพลกุนเชียงยอมจำนน สถานการณ์จะคลี่คลายขึ้นอยู่กับเขมร อ้างเขมรบางส่วนถอดใจเหตุหิวโซ-โดนทิ้ง พธม.ซัดไม่เข็ดฝรั่งเศส ตั้งเป็นทนายเผาบ้านสู้คดีศาลโลก

วานนี้ (1 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่บ้านกันตรวจระมวล ต.ตาเบา อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์เดินทางมามอบสิ่งของพระราชทานจากสภากาชาดไทย ประกอบด้วย ผ้าห่ม มุ้ง และเครื่องนุ่งห่มให้แก่ประชาชนผู้อพยพหนีภัยการสู้รบระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ที่บริเวณชายแดนปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์

เวลา 13.00 น.ผู้แทนพระองค์ ได้เดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานให้แก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพโรงเรียนบ้านตานีวิทยา ต.ตานี อ.ปราสาท จ.สุรินทร์

เวลา 15.00 น.ผู้แทนพระองค์ ได้เดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานให้แก่ประชาชนผู้อพยพหนีภัยสู้รบที่ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนโนนเจริญพิทยาคม ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 9 ศูนย์ที่มีชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยตามแนวชายแดนมาอาศัยพักพิงท่ามกลางความปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณของผู้ประสบภัยเป็นล้นพ้น พร้อมกันนี้ผู้แทนพระองค์ยังได้เยี่ยมให้กำลังใจแก่ชาวบ้านในศูนย์อพยพดังกล่าวด้วย

หลังจากมีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชา ด้านชายแดนอ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 10 วัน ล่าสุด วานนี้ (1 พ.ค.) ชาวบ้านผู้ลี้ภัยตามศูนย์อพยพต่างๆ ได้ทยอยกลับเข้าบ้านแล้ว ซึ่งขณะนี้รวมทั้ง 9 ศูนย์เหลือผู้อพยพเหลืออยู่ประมาณ 2,000 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็ก สตรี และผู้สูงอายุ จากเดิมที่มียอดผู้อพยพอยู่กว่า 9,000 คน ขณะที่ทางอำเภอบ้านกรวด ยืนยันจะยังไม่มีการปิดศูนย์ฯ จนกว่าสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนจะคลี่คลาย

นางพันธุ์ พุทเทศ อายุ 31 ปี และ นางน้อย คุ้มแวง อายุ 60 ปี ชาวบ้านบ้านสายโท 12 ใต้ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด ที่ยังพักพิงอยู่ในศูนย์อพยพ บอกว่า ได้ลี้ภัยมาอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวตั้งแต่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทย กับฝ่ายกัมพูชา ตั้งแต่วันที่แรกจนถึงขณะนี้เป็นเวลา 10 วันแล้ว ก็เป็นห่วงทรัพย์สิน บ้านเรือน สวนยางพาราและอยากจะกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่มั่นใจในความปลอดภัยเพราะขณะนี้ยังมีเสียงปืนดังประปราย

ทั้งนี้ ถึงแม้ทางแม่ทัพภาคที่ 2 จะออกมาเปิดยืนยันว่าสถานการณ์ชายแดนเริ่มคลี่คลายและสามารถกลับเข้าบ้านได้ภายใน 1-2 วัน เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตรายหากเกิดการปะทะขึ้นอีก แต่หากทางอำเภออนุญาตให้กลับก็จะกลับ แต่เตรียมพร้อมที่จะอพยพออกมาทุกเมื่อหากเกิดการปะทะขึ้นอีก

**ปะทะคืนที่10ทหารไทยเจ็บอีก2

ด้านสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ ยังไม่คลี่คลาย ทหารไทยกับทหารกัมพูชายังเปิดฉากยิงปะทะกันต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนวันที่ 30 เม.ย.ที่ชายแดนบริเวณปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีเสียงปืนปะทะกันขึ้นตั้งแต่เวลา 23.00 น.ต่อมาเวลา 01.00 น.ทหารทั้งสองฝ่ายได้ยิงต่อสู้กันอย่างหนัก และเวลา 02.00 น.ได้มีเสียงลูกระเบิดเอ็ม 79 ยิงเข้ามายังฝั่งไทยประมาณ 20 นาที จากนั้นเป็นการปะทะกันด้วยปืนเล็กประปรายเป็นระยะๆ ตลอดแนวชายแดนถึงปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง กระทั่งเวลา 07.00 น.ของเช้าวานนี้ (1พ.ค.) เสียงปืนจึงได้สงบลง

จากเหตุปะทะกันดังกล่าวมีรายงานทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ ส.ต.รัฐพล ครองยุทธ์ สังกัด ร.8 พ.2 ถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บบริเวณใบหน้า และทหารไม่ทราบชื่อ อีก 1 นาย ถูกสะเก็ดระเบิดเช่นกัน ทั้ง 2 นายถูกนำตัวส่งรักษาพยาบาลเบื้องต้นที่ โรงพยาบาลพนมดงรัก อ.พนมดงรัก ก่อนส่งต่อไปยังโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์

**อ้างขวัญกำลังใจทหารเขมรเริ่มตกต่ำ

เวลา 09.00 น.ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า ได้แจกเอกสารรายงานสถานการณ์กับสื่อมวลชนระบุว่า ขณะนี้สถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารไทย-กัมพูชาได้เบาบางลงโดยเมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 30 เม.ย.มีการปะทะตามหน้าแนวชายแดนปราสาทตาควาย ต.บักได โดยทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้าตลอดเวลา และสุดท้ายได้ยิงเข้ามาใส่ฐานทหารไทย และเริ่มขว้างระเบิดมือพร้อมยิงอาร์พีจี เข้าใส่ฐานทหารไทย แต่ไม่สามารถตรวจสอบจำนวนได้ เนื่องจากไม่เข้าเป้าหมาย และไม่ได้ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ จนเวลา 04.00 น.เช้าวันที่ 1 พ.ค.จึงหยุดการปะทะจนถึงขณะนี้

จากการสู้รบดังกล่าวที่ผ่านมาทำให้ขณะนี้ทหารกัมพูชาเริ่มมีขวัญและกำลังใจตกต่ำลง เนื่องจากการขาดเสบียงและการไม่ได้รับความเหลียวแลจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง อีกทั้งกัมพูชานั้นได้รับข่าวสารว่าทหารไทยมีการส่งเสบียงจากแนวหลัง ทั้งจากประชาชน และอาวุธยุทโธปกรณ์สนับสนุนขึ้นมาแนวหน้าตลอดเวลา ทำให้ขณะนี้น้ำหนักของการปะทะของทหารกัมพูชาไม่ว่าจะเป็นการรบแบบใดเริ่มไม่มีทิศทางและแผนการปฏิบัติอย่างเป็นรูปแบบ อย่างไรก็ดี สถานการณ์ดังกล่าวเป็นผลให้ฝ่ายทหารไทย คาดเดาอารมณ์ของทหารกัมพูชาได้ยากขึ้น ว่า จะเกิดความเครียดแล้วเปิดฉากใช้อาวุธต่อทหารไทยเมื่อใด

**ชาวสุรินทร์เสียชีวิตในศูนย์อพยพ2ราย

เวลา 10.00 น.ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาค 2 ส่วนหน้า ได้แจกเอกสารข้อมูลกับสื่อมวลชนระบุว่า มีประชาชนผู้อพยพเสียชีวิตที่ศูนย์อพยพ 2 ราย ประกอบด้วยผู้อพยพเสียชีวิตที่ศูนย์อพยพเทศบาลนิคมปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เมื่อเวลา 01.00 น.ของวันที่ 1 พ.ค.คือ น.ส.เรอยา แสงตะวัน อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 19 บ้านเขาโต๊ะ ต.บักได อ.พนมดงรัก นอนเสียชีวิตอยู่ภายในศูนย์อพยพ โดยก่อนหน้านั้นมีอาการตัวร้อนและหายใจติดขัดก่อนที่ญาติจะพาไปหาแพทย์ภายในศูนย์อพยพและให้ยามารับประทาน จากนั้นได้นอนหลับและเสียชีวิตในเวลาดังกล่าว

จากนั้นได้นำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลศพอยู่ที่วัดนิคมปราสาท ต.ปรือ อ.ปราสาท และประกอบพิธีฌาปนกิจศพแล้วเมื่อเวลา 13.00 น.ที่ผ่านมาโดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นายวัชชระ เกตุพันธุ์ อำเภอพนมดงรัก เข้าร่วมพิธีฌาปนกิจศพด้วยและทางจังหวัดสุรินทร์ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวในเบื้องต้นจำนวนหนึ่ง

ส่วนผู้เสียชีวิตรายที่ 2 คือ นางทอง ขันติวงค์ อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ที่ 19 ต.บักได อ.พนมดงรัก ถูกนำส่งโรงพยาบาลอำเภอปราสาท และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอำเภอปราสาท อ.ปราสาท ด้วยโรคประจำตัว

ญาติพี่น้องได้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพอยู่ที่วัดบ้านบัลลังตรงข้ามโรงพยาบาลปราสาท ต.กังแอน อ.ปราสาท และประกอบพิธีฌาปนกิจศพแล้วเมื่อเวลา 13.30 น.ท่ามกลางความเศร้าสลดของครอบครัวและญาติพี่น้อง และทางจังหวัดสุรินทร์ ได้มอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้นจำนวนหนึ่งเช่นกัน

สำหรับสาเหตุของการเสียชีวิต รายแรกเสียชีวิตเพราะความเครียด กับเหตุการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นและมีโรคประจำตัว ส่วนรายที่ 2 เสียชีวิตเพราะโรคประจำตัว และซึมเศร้าจากการต้องอพยพหนีภัยสู้ออกจากบ้านเรือนมานาน

**รบ10วันไทยอพยพเฉียด5หมื่นคน

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ปะทะกันรวม 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.-1 พ.ค.มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 120 นาย เสียชีวิต 7 นาย พลเรือนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 7 ราย บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 11 หลัง ประปาหมู่บ้านเสียหาย 2 แห่ง ปศุสัตว์ตาย 4 ตัว ด้านการอพยพประชาชน ขณะนี้มีศูนย์อพยพทั้งสิ้น 43 แห่ง แบ่งกันเป็น จ.สุรินทร์ 35 ศูนย์ มีผู้อพยพ 42,804 คน จ.บุรีรัมย์ 7 แห่ง ผู้อพยพ 5,866 คน รวมจำนวนผู้อพยพทั้งสิ้น 48,670 คน

**คนไทยห่วงความปลอดภัยชาวบ้าน

สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่ากลุ่มตัวอย่างคนไทยร้อยละ 98.1 เป็นห่วงความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่ใกล้ชายแดน ร้อยละ 97.7 อยากให้กำลังใจทหารในการปฏิบัติหน้าที่ ร้อยละ 91.1 มีความหวังที่จะเห็นประเทศไทยกับกัมพูชาเจรจาแก้ปัญหาความขัดแย้งร่วมกันด้วยสันติวิธี ร้อยละ 86.39 เป็นห่วงเรื่องการค้าชายแดนจะได้รับผลกระทบ ร้อยละ 57.2 เป็นกังวลว่าความขัดแย้งนี้จะทำให้กระทบต่อการสร้างประชาคมอาเซียน ในปี 2015 ร้อยละ 54.3 กังวลว่าไทยจะสูญเสียดินแดนที่เป็นกรณีพิพาท

อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญร้อยละ 47.3 ไม่กังวลว่าปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชาจะทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป

**จำนนสถานการณ์จะคลี่คลายอยู่ที่เขมร

พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาดีขึ้นเรื่อยๆ โดย 3 วันมาแล้วที่ไม่มีการใช้ปืนใหญ่ หรือจรวดอะไรต่างๆ ทางกองทัพภาคที่ 2 ก็พยายามประสานกับฝ่ายกัมพูชาทุกวัน หากเป็นแบบนี้ก็น่าจะขยับประชาชนได้บางส่วน โดยเฉพาะชาวบ้านที่ไม่ได้อยู่หมู่บ้านประชิดชายแดน น่าจะกลับบ้าได้ภายใน 1-2 วันนี้

"ส่วนที่ยังมีการปะทะประปราย เพราะอาจจะทหารกัมพูชาบางส่วนที่ขาดวินัย แต่ก็ต้องยอมรับว่ากลางคืนมองไม่เห็นกัน มีเสียงก๊อกแก๊กก็อาจจะปาระเบิดมา แล้วเราก็สวนไป ส่วนที่จะให้เหตุการณ์สงบลงจริงๆ ตอนนี้ก็มีการคุยกันทุกวันไม่ใช้การเจรจา สถานการณ์จะคลี่คลายเมื่อใดต้องถามฝั่งกัมพูชา เพราะเราก็พยายามรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว"

แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวสรุปการสูญเสียจากการปะทะกันทหารไทยเสียชีวิตไป 7 นาย บาดเจ็บจากการรบประมาณ 50-60 นาย ส่วนที่เหลือก็อาจจะจุกแน่นจากแรงระเบิดบ้าง คือกรณีที่มีระเบิดลงใกล้ก็จะมีแรงอัดกระแทก มาอยู่โรงพยาบาล 3-4 วันก็กลับไปทำงานได้ ในส่วนการช่วยเหลือก็เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ทางมูลนิธิต่างๆ ก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือ ในส่วนของลูกหลานผู้สูญเสียก็เป็นไปตามนโยบายของ ผบ.ทบ. รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐบาลอยู่แล้ว ที่ต้องดูแลให้เรียนจบอย่างน้อยปริญญาตรี และเมื่ออยากเป็นทหารก็จะดูแลให้ หรือหากอยากมีอาชีพอื่นก็จะเข้าไปช่วยกระสานให้

"การประทะกันที่ผ่านมาเราไม่เคยเสียเปรียบ แต่ก็พยายามบอกผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ขอให้มีความอดทนถ้าอยู่ใกล้กันมาก หรือมีอะไรต่างๆ ก็ต้องสวนกลับไปตามความเหมาะสม เขาใช้อาวุธเล็กเราก็ใช้อาวุธเล็กโต้กลับไป"

พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามีแนวโน้มดีขึ้นในระดับหนึ่ง ส่วนการหารือระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และ พล.อ.เตีย บัณห์ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาต้องรอดูตามสถานการณ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อประสานงานอยู่

ส่วนกรณีที่กัมพูชายื่นศาลโลกให้ตีความพื้นที่ปราสาทพระวิหารในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารนี้ นายกรัฐมนตรีจะได้หารือในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งตั้งกรรมการขึ้นมาดูเรื่องการประชุมมรดกโลกที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนนี้ โดยให้ความมั่นใจว่า แม้จะมีการยุบสภาไปแล้วแต่รัฐบาลรักษาการจะยังทำหน้าที่อย่างเต็มที่

แหล่งข่าวทางการทหาร เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 16.00 น.วานนี้ พ.อ.เนี๊ยะ วงศ์ ผู้บังคับกองร้อยทหารชายแดนที่ 402 ภูมิภาคทหารที่ 4 ประเทศกัมพูชา ซึ่งควบคุมกำลังการรบด้านปราสาทตาเมือนธม ตลอดช่วงเวลา 10 วันของการปะทะกับทหารไทย บริเวณปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ที่ผ่านมา ได้โทรศัพท์มาประสานงานกับ พ.อ.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม เพื่อขอยุติการสู้รบกับทหารไทยและยอมถอนถอนกำลังทหารกัมพูชาทั้งหมด ออกจากแนวชายแดนใกล้กับปราสาทตาเมือนธมตั้งแต่ช่วงเวลา 16.00 น.วานนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ เนื่องจากทหารกัมพูชาขาดขวัญกำลังใจอย่างหนัก เพราะขาดทั้งเสบียง อาหาร น้ำดื่ม และผู้บังคับบัญชาระดับสูงไม่เคยเดินทางมาเยี่ยมในพื้นที่ อีกทั้งกระสุน และอาวุธปืน ส่วนใหญ่หมดสภาพในการใช้งานและไม่มีจำนวนเพียงพอยิงต่อสู้กับทหารไทย

นอกจากนั้นยังสงสารลูกน้องที่ล้มตายเป็นจำนวนมากและศพทหารเขมรไม่มีการนำออกจากจุดปะทะ ปล่อยให้เน่าเหม็นส่งกลิ่นคละคลุ้ง จนทหารเขมรที่อยู่ตามแนวชายแดนต่างหวาดผวากับสภาพอันน่ากลัว พากันหมดขวัญกำลังใจในการสู้รบ จึงขอยอมแพ้ทหารไทยและถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ทั้งหมดอย่างไม่มีเงื่อนไข

**ทบ.สั่ง ทภ.1-3เสริมหน่วยรบพิเศษ

รายงานข่าวจากกองทัพบกเปิดเผยว่าภายหลังจากการเจรจาหยุดยิงระหว่างทหารไทย-กัมพูชาไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากทหารกัมพูชายังมีการปะทะกับทหารไทยต่อเนื่อง จนถึงวันที่ 1 พ.ค.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ทางฝ่ายไทยให้โอกาสทหารกัมพูชาหยุดยิงเพื่อจะได้นำประชาชนกลับบ้าน แต่สุดท้ายทหารกัมพูชาก็ยังมีการปะทะกับทหารไทยจนถึงเช้าวันที่ 1 พ.ค.ดังนั้น ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.จึงสั่งเตรียมกำลังเสริมจากกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 3 เพื่อมาเสริมกำลังทหารในกองทัพภาคที่ 2 ที่บาดเจ็บจากสถานการณ์สู้รบ

สำหรับกำลังที่สั่งเตรียมพร้อมจากกองทัพภาคที่ 1 คือกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์หรือหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว หรือ อาร์ดีเอฟ รวมถึงมีอาวุธที่ทันสมัยมีความคล่องตัวในการทำงาน และจากกองทัพภาคที่ 3 คือ กองพลทหารราบที่ 4 เบื้องต้นเตรียมพร้อม 1 กองพัน ซึ่งหน่วยที่เตรียมพร้อมจากกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 3 พร้อมออกจากที่ตั้งทันที่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีคำสั่งให้ขึ้นไปเสริมกำลังช่วยกองทัพภาคที่ 2

**ทหารไทยรุดทำรั้วปิดทางขึ้นปราสาท

จากนั้น พ.อ.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 ได้สั่งการให้ทหารไทยเทำรั้วลวดหนามปิดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธมแบบรั้ว 2 ชั้น ด้านทางขึ้นจากฝั่งประเทศกัมพูชาและนำธงหน่วยทหาร สัญลักษณ์ ทหารพรานผู้กล้านักรบไทยไปปักไว้ที่รั้วลวดหนามดังกล่าว พร้อมยังคงตรึงกำลังทหารอย่างเข้มงวดเช่นเดิม เพราะเกรงเป็นกลอุบายของทหารกัมพูชา

ขณะที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจุดปะทะช่องกร่าง และปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ก็กำลังมีการเจรจากันระหว่างผู้บังคับหน่วยทหารของไทยและกัมพูชาในพื้นที่ เพื่อยุติการสู้รบ หลังจากทางทหารไทยได้กดดันอย่างหนักประกอบกับทหารกัมพูชา ขาดขวัญกำลังใจ และทนรับสภาพกลิ่นเน่าเหม็นของบรรดาศพทหารที่ตายไปแล้วเป็นจำนวนมากไม่ได้ คาดว่าจะมีการยุติการปะทะกันในเร็วๆ นี้

**นายกฯเสียใจเหตุปะทะ จนท.สูญเสีย

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ถึงปัญหาการสู้รบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนและทหาร ซึ่งตนขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสีย ไม่ว่าจะที่ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต และต้องขอชื่นชม ในความเสียลสะของทหารกล้าทั้งหลายที่เสียสละพลีชีพเพื่อประเทศชาติ ซึ่งการปะทะนั้น มีการเจรจากันมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ก็ยังมีการปะทะเกิดขึ้น แต่สถานการณ์เริ่มดี โดยไม่มีการใช้อาวุธหนักเข้ามาเหมือนในช่วงที่ผ่านมา

ดังนั้น แนวโน้มในขณะนี้เป็นไปในทิศทางบวก อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายเราแต่ก็ไม่ประมาทและยังไม่ไว้วางใจ ซึ่งประชาชนยังมีความสับสนเรื่องอธิปไตย ซึ่งตนขอยืนยันว่าตลอดการปะทะ ประเทศไทยไม่มีการเสียอธิปไตยและไม่มีการถอยร่นให้ทหารกัมพูชา และไม่ยินยอมให้เข้ามารุกล้ำแน่นอน ส่วนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยที่มีบ้านพักอาสัยในพื้นที่นั้น เรื่องนี้คงจะต้องรอดูสถานการณ์ต่ออีกสัก 1-2 วัน

นายกฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่ประเทศกัมพูชายื่นร้องไปยังศาลโลกเพื่อให้ตีความเรื่องเขาพระวิหารว่า ขณะนี้ฝ่ายเรายังไม่ได้รับเอกสารอย่างเป็นทางการ แต่ทางสถานทูต หรือไอซีเจ ได้รับเอกสารแล้วและจะได้มีการดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารที่ 3 พ.ค.จะถึงนี้ตนจะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุม รวมทั้งตั้งกรรมการขึ้นมาดูเรื่องมรดกโลกที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ค.มิ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม ตนขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ถึงแม้จะมีการยุบสภาไป แต่รัฐบาลรักษาการยังทำหน้าที่อย่างเต็มที่

**ยังไม่เห็นหนังสือเขมรฟ้องศาลโลก

นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ในพื้นที่จะมีการประสานงานกันอยู่เรายังคิดว่าถ้าแนวโน้มเป็นเหมือนช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาก็จะสามารถนำประชาชนผู้อพยพกลับเข้าบ้านได้ ส่วนสถานการณ์นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ก็ยืนยันว่าไม่มีความกังวล เพราะสามารถควบคุมได้ ยืนยันว่าเราจะปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปเช่นนี้ต่อไปไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อต่อไปจะส่งผลต่อการประกาศยุบสภา และการเลือกตั้งหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะทางกองทัพสามารถปฏิบัติงานได้เต็มที่อยู่แล้วและคิดว่าจะควบคุมสถานการณ์ต่างๆได้

เมื่อถามถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในวันที่ 7-8 พ.ค.นี้ท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะรอดูสถานการณ์ เพราะจากวันนี้ไปว่าจะสามารถอยู่ในระดับพื้นที่ได้แค่ไหน ในระยะยาวจะเอายังไง ส่วนที่ทางกัมพูชายื่นตีความคำพิพากษาปราสาทพระวิหาร ปี 2505 ต่อศาลโลกนั้นเรื่องนี้ไทยเรายังไม่ได้รับเอกสารคำร้องอย่างเป็นทางการ แต่ได้มีการเตรียมทีมเพื่อต่อสู้คดีแล้ว

**"กษิต-ชวนนท์"ดอดหารือบนายกฯ

มีรายงานข่าวว่า ช่วงเวลา 13.30 น.หลังเป็นประธานเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ามายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือเป็นการภายในกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และนายชวนนท์ อินทรโกมาลสุตย์ เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ โดยเป็นที่คาดกันว่าน่าเกี่ยวข้องเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะกรณีที่กัมพูชาได้ยื่นเรื่องต่อศาลโลกเพื่อความคำพิพากษากรณีปราสาทพระวิหารปี 2505 โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที

**เตือนรัฐบาลจะเพลี่ยงพล้ำ

ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รัฐบาลไทยจะต้องไม่ไปต่อสู้กับกัมพชาในศาลโลก ที่กัมพูชาพยายามยื่นคำร้องอยู่ โดยฝ่ายไทยต้องตัดอำนาจของศาลโลกไม่ให้มาวินิจฉัยเพิ่มเติมจากขอบเขตคำพิพากษาเดิมที่เสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปี 2551 ที่จำกัดเฉพาะเรื่องอำนาจอธิปไตยของตัวปราสาทพระวิหารเท่านั้น หากรัฐบาลไทยยังดำเนินการต่อสู้ในคดีความนี้ โดยยอมรับอำนาจของศาลโลกอีกครั้งหนึ่ง เราจะถือว่าเป็นเจตนาที่ต้องการให้ไทยไปเพลี่ยงพล้ำในเวทีนานาชาติอีกครั้ง

**ปูดจ้างทนายชาวฝรั่งเศส 3 คน

นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ได้กล่าวถึงกรณีที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ กล่าวอ้างว่ากระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทยพร้อมที่จะต่อสู้คดีกับปัมพูชาในศาลโลก รวมทั้งเปิดเผยว่ารัฐบาลได้แต่งตั้งทีมทนายชาวฝรั่งเศส 3 คนทำหน้าที่ต่อสู้ในคดีนี้ ว่า ท่าทีและจุดยืนของกระทรวงต่างประเทศนั้นไม่สอดคล้องกับแนวทางที่ผู้เชี่ยวชาญและภาคประชาชนออกมาแนะนำว่า การที่ประเทศไทยจะกลับไปสู้กับกัมพูชาบนเวทีศาลโลกอีกครั้ง เท่ากับเป็นการยอมรับกระบวนการที่กัมพูชาพยายามลากดึงไทยเข้าไป

ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศไทยไม่มีความจำเป็นและไม่มีประโยชน์ใดๆในการไปขึ้นศาลโลกอีก เพราะคำพิพากษาของศาลโลกมีความชัดเจนในเรื่องปราสาทพระวิหารแล้ว จึงเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการเมืองระหว่างประเทศของกัมพูชา ส่วนการตั้งคนฝรั่งเศสมาทำหน้าที่ทนายนั้น ต้องคิดด้วยว่า ฝรั่งเศสเป็นเจ้าอาณานิคมของกัมพูชา และเป็นผู้ยืนยันสนับสนุนกัมพูชา ในเรื่องแผนที่ 1 : 2 แสน จนเราต้องสูญเสียปราสาทพระวิหาร แต่รัฐบาลกลับไปจ้างคนฝรั่งเศสที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหักกับรัฐบาล

“หน้าที่ของรัฐบาลไทยคือ การปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติตามสนธิสัญญา ที่ภาคประชาชนได้ให้ข้อเท็จจริงอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆในการไปขึ้นศาลโลก โดยสิ่งที่รัฐบาลควรทำคือการกดดันผลักดันกัมพูชาทั้งหมดไปจากดินแดน ไม่ใช่ไปเต้นตามเกมของกัมพูชา”

**โต้ พธม.อุ้มทนายฝรั่งเศสเผาบ้าน

ขณะที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุตย์ เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องของการต่อสู้บนเวทีศาลโลกเราก็ต้องมาดูว่า มีประเด็นอะไรบ้างเพื่อเตรียมแนวทางในการต่อสู้ ซึ่งในทีมงานจะมีส่วนของทนายต่างประเทศจากทั้งที่มาจากประเทศฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และ แคนาดา ซึ่งถือเป็นทนายที่ทำงานร่วมกันอยู่ก่อนแล้ว

ทั้งนี้ ในส่วนของทนายฝรั่งเศสที่ทางพันธมิตรฯอ้างว่า ฝรั่งเศสเป็นเจ้าอาณานิคมของกัมพูชาและเป็นผู้ยืนยันสนับสนุนกัมพูชาในเรื่องแผนที่ 1 : 200,000 จนเราต้องสูญเสียปราสาทพระวิหาร แต่รัฐบาลกลับไปจ้างคนฝรั่งเศสที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหักกับรัฐบาล จะเป็นการเผาบ้านตัวเองนั้น ต้องขอบอกว่า ทนายทั้ง 3 คน มีความรู้ ความสามารถ เป็นมืออาชีพ และทำงานให้กับเรามาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่นายกฯเองก็ได้มีการเน้นย้ำให้ดูเรื่องให้ดี แต่ละประเด็นต้องดูอย่างรอบคอบ และได้นายกฯยังได้ย้ำว่า ขอให้ระมัดระวังในการให้สัมภาษณ์ กับการการเตรียมความพร้อมในการต่อสู้เวทีศาลโลก.
กำลังโหลดความคิดเห็น