xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” สั่งขนกองทัพ-อาวุธทันสมัยเสริมทัพเขย่าขวัญ ก่อนเขมรจำนนเผ่นกลับรัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (แฟ้มภาพ)
ผบ.ทบ.สั่ง “อาร์ดีเอฟ” ทภ.1-ทภ.3 เตรียมเสริมชายแดน “ตาควาย-ตาเมือน” พร้อมลุยช่วย ทภ.2 สู้ศึกเขมร ด้าน ทภ.2 เผยทหารเขมรขาดเสบียง-เครียด ผบช.ไม่ดูแล ไม่มีทิศทางและแผนการปฏิบัติอย่างเป็นรูปแบบ

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2554 รายงานข่าวจากกองทัพบกเปิดเผยว่า ภายหลังจากการเจรจาหยุดยิงระหว่างทหารไทย-กัมพูชาไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากทหารกัมพูชายังมีการปะทะกับทหารไทย จนถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ทางฝ่ายไทยให้โอกาสทหารกัมพูชาหยุดยิงเพื่อจะได้นำประชาชนกลับบ้าน แต่สุดท้ายทหารกัมพูชาก็ยังมีการปะทะกับทหารไทยจนถึงเช้าวันที่ 1 พ.ค ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.จึงสั่งเตรียมกำลังเสริมจากกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 3 เพื่อมาเสริมกำลังทหารในกองทัพภาคที่ 2 ที่บาดเจ็บจากสถานการณ์สู้รบ

รายงานข่าวเปิดเผยต่อว่า สำหรับกำลังที่สั่งเตรียมพร้อมจากกองทัพภาคที่ 1 คือ กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ หรือหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว หรืออาร์ดีเอฟ รวมถึงมีอาวุธที่ทันสมัยมีความคล่องตัวในการทำงาน และจากกองทัพภาคที่ 3 คือ กองพลทหารราบที่ 4 เบื้องต้นเตรียมพร้อมจำนวน 1 กองพัน ซึ่งหน่วยที่เตรียมพร้อมจากกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 3 พร้อมออกจากที่ตั้งทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีคำสั่งให้ขึ้นไปเสริมกำลังช่วยกองทัพภาคที่ 2

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารข่าวศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารไทย-กัมพูชาได้เบาบางลง โดยสรุปมีสาระสำคัญดังนี้จำนวนทหารบาดเจ็บจากการรบทั้งสิ้น 120 นายทหารเสียชีวิต 7 นาย ประชาชนบาดเจ็บจากการรบ 7 คน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 11 หลัง ประปาหมู่บ้าน 2 แห่ง, ปศุสัตว์ 4 ตัว ด้านการอพยพประชาชน ขณะนี้มีศูนย์อพยพทั้งสิ้น 43 แห่ง สุรินทร์ 35 ศูนย์ มีผู้อพยพ 42,804 คน บุรีรัมย์ 7 แห่ง มีผู้อพยพ 5,866 คน รวมทั้งสิ้น 48,670 คน

ทั้งนี้ ตลอดวันที่ 30 เม.ย.54 มีการปะทะตามหน้าแนวปราสาทตาควาย โดยทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้าตลอดเวลา และสุดท้ายก็ได้ยิงเข้ามาใส่ฐานทหารไทย และเริ่มขว้างระเบิดมือพร้อมยิงอาร์พีจีเข้าใส่ฐานทหารไทย แต่ไม่สามารถตรวจสอบจำนวนได้เนื่องจากไม่เข้าเป้าและไม่ได้ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ จนกระทั่งเวลา 04.00 น.ของเช้าวันที่ 1 พ.ค.54 จึงหยุดการปะทะ

“ทหารกัมพูชาเริ่มมีขวัญและกำลังใจตกต่ำ เนื่องจากการขาดเสบียง และการไม่ได้รับความเหลียวแลจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง อีกทั้งกัมพูชานั้นได้รับข่าวสารว่าทหารไทยมีการส่งเสบียงจากแนวหลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สนับสนุนขึ้นมาแนวหน้าตลอดเวลา ทำให้ขณะนี้น้ำหนักของการปะทะกัมพูชาไม่ว่าจะเป็นการรบแบบใด เริ่มจะไม่มีทิศทางและแผนการปฏิบัติอย่างเป็นรูปแบบ” เอกสารข่าวระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น