สุรินทร์ - ตอกย้ำเจรจาตกลงหยุดยิงของทหารไทย-กัมพูชาไร้ผลในทุกระดับ เผยเขมรรบแบบกองโจร ส่งกำลังเข้าบุกซุ่มโจมตี ขว้างระเบิด ถล่มทหารไทย จนเกิดการปะทะหนักทั้งคืนยันเช้าเป็นวันที่สอง ที่ “ปราสาทตาควาย-ช่องกร่าง-ตาเมือนธม” อ.พนมดงรัก สุรินทร์ ทหารไทยบาดเจ็บ 10 นาย สาหัส 1 มี “ร.ท.” บาดเจ็บ 2 นาย
วันนี้ (30 เม.ย. ) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์สู้รบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ ซึ่งยืดเยื้อมาเป็นวันที่ 9 ในวันนี้ ว่า ล่าสุดเมื่อคืนนี้ เวลา 19.55 น. ได้เกิดปะทะกันขึ้นที่อีกที่บริเวณปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยเสียงปืนกลและเครื่องยิงลูกระเบิด ปืนคอ ดังขึ้นอย่างหนัก
จากนั้นในเวลา 20.00 น. การปะทะได้ลุกลาม ออกไปยังปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก มีเสียงปืนกล และปืนคอ ยิงเข้าใส่กันอย่างหนักหน่วง และในเวลา 20.30 น. เสียงปืนได้เบาลงชั่วคราว แต่มีการปะทะกัน ด้วยอาวุธเล็กประกาย ดังเป็นระยะๆ ตลอดทั้งคืน ตลอดแนวชายแดนตั้งแต่ปราสาทตาควาย และช่องกร่าง ต.บักได จนถึง ปราสาทตาเมือนธม ก่อนที่เสียงปืนจะสงบลงในเวลาประมาณ 07.00 น. ของเช้าวันนี้ ( 30 เม.ย.)
อย่างไรก็ตาม ผลของการปะทะกันของทหารไทยกับทหารกัมพูชาดังกล่าว มีรายงานทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 10 นาย ที่จุดปะทะปราสาทตาควาย ถูกนำส่งโรงพยาบาลพนมดงรัก ก่อนลำเลียงด้วยเฮลิคอปเตอร์ ส่งเข้ารักษาต่อที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ และโรงพยาบาลสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์
สำหรับรายชื่อผู้บาดเจ็บ ประกอบด้วย 1. ร.ท.โกสิทธิ์ ส่องแสง สังกัด ร.8 พัน 2 อาการสาหัสหนักสุด ถูกยิงที่ลำคอและหลัง รวม 2 นัด , 2. ร.ท.วีระ ชัยชวาลย์ สังกัด ร.8 พัน.1 3. , 3. พลทหาร กฤษดา พรหมจักร ร.8 พัน 1 , 4. พลทหารดำรง บัวขาว สังกัด ร.8 พัน 2 ซึ่ง 3 คนหลังได้ รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกาย , 5.จ.ส.ต.บุญเทียน ศรีจันทร์ ถูกสะเก็ดระเบิดที่ขาซ้าย ,6.พลทหาร ไกรสร อินทร์เฉื่อย 7. พลทหารสราวุฒิ จู้จำรูญ , 8.ส.อ.พงศธร บางแก้ว , 9.พลทหาร วันชัย บัณฑิต และ10. พลทหาร สุเมธ ปานทอง รวมปะทะ 9 วัน ทหารไทยบาดเจ็บจำนวน 95 นาย เสียชีวิต 7 นาย
โดยทหารไทยที่ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า มีการปะทะกันอย่างหนัก ด้วยอาวุธประจำกาย เอ็ม 16 อาร์ก้า ปืนกล และขว้างระเบิดมือเข้าใส่กันอย่างดุเดือด ซึ่งทหารฝ่ายกัมพูชาใช้การรบแบบกองโจรซุ่มโจมตี ตลอดทั้งคืนอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะๆ ทหารไทยก็ทำการตอบโต้อย่างหนักเช่นกัน
ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นการปะทะติดต่อกันเป็นคืนที่ 2 หลังมีการเจรจาระหว่าง พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ของไทย กับ พล.ท.เจีย มอญ ผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา ซึ่งได้ข้อตกลงร่วมกันให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ที่โอร์เสม็ดรีสอร์ท ต.โอร์เสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย กัมพูชา
นอกจากนี้เมื่อวานนี้ ( 29 เม.ย.) เวลา 10.00 น. นายทหารผู้บังคับหน่วยระดับคุมกำลังในพื้นที่การปะทะทั้ง 2 ฝ่าย ก็ได้เดินทางไปพบปะเจรจาตอกย้ำข้อตกลงหยุดยิงร่วมกันอีกครั้งที่ กาสิโอร์เสม็ดรีสอร์ท สถานที่เดิม ระหว่าง พัน.อ. เนี๊ยะ วงศ์ ผู้บังคับกองพัน ทหารชายแดน ที่ 402 กัมพูชา ฐานปฏิบัติการ ตรงข้ามกับปราสาทตาเมือนธม กับ พ.อ.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2
โดยมีข้อตกลงร่วมกัน 3 ข้อ คือ 1.ให้ยุติการปะทะกัน ไม่ให้เกิดการปะทะขึ้นอีก และให้ติดต่อประสานงานกันทันทีทางโทรศัพท์หากเกิดการปะทะกันขึ้น 2. ให้ทหารระดับผู้ควบคุมหน่วย ในพื้นที่มีการพบปะเจรจากันเป็นประจำทุก 2 วัน และหากเกิดการปะทะกัน ให้โทรศัพท์พูดคุยกันได้ทันที 3.หน่วยทหารที่มีการวางกำลังเผชิญหน้าอยู่ใกล้กัน ให้มีการจัดวางกำลังใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดการยั่วยุกัน
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ปะทะติดต่อกันเป็นคืนที่สองหลังมีข้อตกลงหยุดยิงร่วมกัน เป็นการยืนยันได้ว่า การเจรจากันของทหารไทย กับทหารกัมพูชา ทั้งระดับแม่ทัพ และผู้บังคับหน่วย ทหารพื้นที่ปะทะนั้น ไร้ผลในทางปฏิบัติอย่างสิ้นเชิง สอดรับกับท่าทีของ สมเด็จฯ ฮุนเชน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ระบุว่าจะไม่มีการเจรจากับไทยในทุกระดับอีก พร้อมออกแถลงการณ์ จะสู้รบกับไทยต่อไปจนกว่าสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จะส่งกองกำลังนานาชาติเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนที่มีปัญหาของทั้ง 2 ประเทศ