xs
xsm
sm
md
lg

โฆษก ทบ.หวั่นเพื่อนบ้านแซงหน้า แจงงบฯ จัดตั้ง 2 กองพล 2,300 ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 พ.อ.สรรเสริญ  แก้วกำเนิด
ทบ.แจงของบตั้ง พล.ร.7-พล.ม.3 ชี้ต้องอัปเกรดกองทัพ เหตุเพื่อนบ้านพัฒนาไปไกลแล้ว ยันไม่เอี่ยวรับมือเสื้อแดง ปูดเหตุผลเร่งตั้ง 2 กองพล ป้องกันภัยคุกคาม เน้นเสริมช่วยงานชายแดนใต้ และชายแดนไทย-กัมพูชา

วันที่ 2 มี.ค.2554 พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เสนอของบประมาณลับต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) กว่า 2,300 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจัดตั้งกองพลทหารราบที่ 7 (พล.ร.7) และจัดตั้งกองพลทหารม้าที่ 3 (พล.ม.3) ว่า แนวคิดในการตั้ง พล.ร.7 มีมาตั้งแต่ปี 2541-2542 สาเหตุเนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านมีการพัฒนาศักยภาพและอำนาจกำลังรบไปมาก ซึ่งยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศต้องคำนึงถึงประเทศโดยรอบที่ต้องมีอำนาจกำลังรบเปรียบเทียบใกล้เคียงกัน โดยคำนึงถึงปัญหาโดยรอบประเทศเรา หรือที่เรียกภาษาทหารว่า ภัยคุกคาม เพื่อป้องกันไม่ให้มีการรบกันเปรียบเหมือนคนตัวเล็กกับคนตัวใหญ่ที่คนตัวเล็กจะถูกตบศีรษะได้ง่ายกว่า

“แนวคิดการตั้ง พล.ร.7 ในพื้นที่ภาคเหนือภายใต้การรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 3 เพื่อแบ่งเบาภาระกองกำลังชายแดนที่ต้องรับผิดชอบเป็นระยะทางถึง 3,000 กิโดเมตร ขณะนี้มีเพียง 2 หน่วยที่รับผิดชอบบ คือ กองกำลังผาเมืองจากกองพลทหารม้าที่ 1 (พล.ม. 1) กับกองกำลังนเรศวรจากกองพลทหารราบที่ 4 (พล.ร.4) ดังนั้น ถ้า พล.ร.7 ตั้งขึ้นได้จะช่วยให้การทำงานในพื้นที่มีความพร้อมและมีขีดความสามารถในการ ป้องกันประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ ครม.เป็นไปตามโอกาสและวาระที่ รมว.กลาโหม ดำเนินการไปตามขั้นตอน โดยใช้บประมาณของกองทัพบกผูกพัน 3 ปี หากใน 3 ปีทำไม่ทันอาจมีการขยายเวลาสิ้นสุดโครงการ” โฆษก ทบ.กล่าว

พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ส่วนแนวคิดการตั้ง พล.ม.3 นั้น เนื่องจากชายแดนทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือมีความยาวถึง 1,500 กิโลเมตร และมีเพียง 2 องกำลังที่ดูแล คือ กองกำลังสุรนารีที่ดูแลชายแดนยาว 750 กม. ขณะที่กองกำลังสุรศักดิ์มนตรีดูแลชายแดนยาว 804 กม. ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเป็นการสนับสนุนกำลังในการป้องกันแนวชายแดน โดยเฉพาะชายแดนด้านนี้ที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อความขัดแย้งในการใช้กำลังทหาร เข้าจัดการสถานการณ์ โดยพื้นที่ด้านนี้เหมาะกับการใช้ยานเกราะ หรือจัดตั้งหน่วยใหม่ที่มียานเกราะบรรจุอยู่ ซึ่งอำนาจกำลังรบเปรียบเทียบในการป้องกันประเทศก็เป็นยุทธศาสตร์ในการป้อง ปราม เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องใช้กำลัง

“งบประมาณที่ใช้ทั้งหมดเป็นการเกลี่ยจากงบของกองทัพบกเอง ค่าใช้จ่ายในระยะแรกจะเป็นค่าก่อสร้างอาคาร เงินเดือนกำลังพล ยุทโธปกรณ์ การฝึกศึกษา ซึ่งต้องทำควบคู่กันไป แน่นอนว่า อาจต้องเพิ่มอัตรากำลังพลบางส่วน เพราะเป็นพื้นที่ที่ต้องปฏิบัติงานตามแนวชายแดน โดยอาจจะเกลี่ยกำลังพลจากหน่วยอื่นที่ไม่จำเป็นมาก่อนบ้าง

ทั้งนี้ ยืนยันว่าการจัดตั้งกองพลทั้งสองไม่เกี่ยวกับการตั้งขึ้นมา เพื่อรับมือการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือแต่ออย่างใด เพราะทุกคนทราบดีกองทัพบกมีภารกิจที่ต้องปฏิบัติในหลายด้าน เช่น งานจังหวัดชายแดนภาคใต้ การแก้ไขปัญหายาเสพติด อนุรักษ์ป่าไม้ ถือว่า งานของกองทัพมีมากแล้ว และเมื่อเทียบกับกำลังพลที่มีอยู่ในขณะนี้ถือว่าน้อย” โฆษกกองทัพบกกล่าว

แหล่งข่าวนายทหารระดับสูงของกองทัพบก เปิดเผยว่า แนวคิดการตั้งกองพลใหม่ทั้ง 2 กองพลเนื่องจากกองทัพบกเห็นว่า ประเทศเพื่อนบ้านของไทยในขณะนี้มีการพัฒนาความสัมพันธ์ทางทหารกับเกาหลีเหนืออย่างไม่เปิดเผยมาตั้งแต่ปี 2542 โดย เกาหลีเหนือได้ขายยุทโธปกรณ์จำนวนหนึ่งพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ และได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาติดตั้งอาวุธประจำเรือตรวจการณ์ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือการก่อสร้างฐานทัพใต้ดินที่มีการสร้างอุโมงค์กลับ ใต้ดินหลายแห่ง โดยมีการพัฒนาศักยภาพกองทัพอย่างต่อเนื่อง ทั้งกำลังทางบก ทางเรือและทางอากาศ ซึ่งห้วงที่ผ่านมากองทัพของประเทศเพื่อนบ้านหลังจากปี 2542 ได้รับการจัดสรรงบประมาณเฉลี่ยร้อยละ 3.5 ของจีดีพี และในห้วง 4 ปีหลังได้รับงบประมาณด้านการทหารสูงถึงร้อยละ 20 ของจีดีพี ซึ่งถือว่า เป็นอัตราส่วนที่สูงกว่ากองทัพไทยมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น